เซ็กส์ ... ความรัก ... ใช่สิ่งเดียวกันไหม?
เซ็กส์ ... ความรัก ... ใช่สิ่งเดียวกันไหม?
วิกิพีเดียระบุว่า SEX คือ การร่วมเพศ ซึ่งเป็นการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในอวัยวะเพศหญิงเพื่อสุขารมณ์ทางเพศ เพื่อการสืบพันธุ์ หรือทั้งสองอย่าง แต่ก็มีรูปแบบอื่นของการร่วมเพศแบบสอดใส่ ได้แก่ การร่วมเพศทางทวารหนัก การร่วมเพศทางปาก การใช้นิ้ว และการใช้ดิลโด้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นความใกล้ชิดทางกายระหว่างคนสองคนหรือมากกว่า และมนุษย์มักใช้กิจกรรมนี้เพื่อสุขอารมณ์ และเพื่อเพิ่มความใกล้ชิด
ในขณะที่ LOVE คือความรัก เป็นความรู้สึก เป็นความชอบระหว่างบุคคล หมายถึงอารมณ์ การดึงดูดและความผูกพันส่วนบุคคลอย่างแรงกล้า นอกจากนี้ความรักยังอธิบายได้ว่าเป็นพฤติกรรมต่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเห็นอกเห็นใจ หรือความเสน่หา แต่ทั้งนี้ นิยามความรักของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เกิดจากเจตคติที่ประกอบสร้างขึ้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต
ครูใหญ่อาจสรุปความสั้น ๆ ว่า เซ็กส์ คือกิจกรรมเพื่อสุขอารมณ์ เพื่อการสืบพันธ์ และเพื่อเพิ่มความใกล้ชิด ในขณะที่ ความรัก เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นอารมณ์และสร้างความผูกพันระหว่างกันได้
จากนิยามทั้งสองคำนี้ มันคงบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่า เซ็กส์ กับ ความรัก ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่วันนี้ครูใหญ่จะพาไปดูมุมมองและข้อโต้แย้งของประเด็นนี้กันครับ
ในอดีต หรือในบางสังคม หญิงสาวจะรักษาพรหมจรรย์เอาไว้เพื่อรอวันแต่งงาน ซึ่งค่านิยม ทัศนคติ รวมไปถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของครอบครัวที่สืบทอดต่อกันมา ในมุมนั้นสังคมรอบข้างจะมองว่าเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร แต่หากมองในมุมของความแตกต่างระหว่างเซ็กส์กับความรัก จะถูกมองในกรอบนั้นว่าทั้งสองสิ่งเป็นสิ่งที่มาคู่กัน จึงควรรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ให้กับคู่รักที่แต่งงานด้วยกันเท่านั้น
หากว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ ผู้ชายจะมีฮอร์โมน "เทสโทสเตอโรน" (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผู้ชายชอบความท้าทาย ชอบการแข่งขัน ชอบชัยชนะ ชอบเซ็กส์ รักสนุก จึงอาจถูกมองว่าหลายใจและไม่มั่นคงในรักเดียว
ส่วนผู้หญิงมีฮอร์โมน "เอสโตรเจน" (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิงมีความรักแบบผูกพัน มั่นคง ซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว นอกจากนี้ยังมีฮอร์โมน "ออกซิโตซิน" (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพันที่จะหลั่งออกมาเมื่อรู้สึกผูกพันกับผู้ชายที่เธอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้อาจมีไม่เท่ากัน ทำให้ผู้ชายและผู้หญิงไม่อาจเหมารวมได้ทั้งหมด แต่หากนำหลักวิทยาศาสตร์มาตอบคำถามที่ว่า เซ็กส์ กับความรัก ใช่สิ่งเดียวกันหรือไม่? ก็จะตอบได้ทันทีว่า สำหรับผู้หญิง ความรักและเซ็กส์จะควบคู่กันไป เพราะฮอร์โมน "ออกซิโตซิน" จะก่อให้เกิดความผูกพันและพัฒนาเป็นความรักหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่เพศชายไม่มีฮอร์โมนนี้ ก็จะมองว่าเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ฮอร์โมนในร่างกายที่แตกต่างกัน ไม่สามารถนำหลักทางวิทยาศาสตร์มาเหมารวมได้ แต่สำหรับครูใหญ่เอง มองว่า เซ็กส์ กับความรัก ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่เป็นเรื่องที่มาคู่กัน (หรือครูใหญ่จะมีฮอร์โมน "ออกซิโตซิน" กันนะ?)
ในมุมมองของครูใหญ่คิดว่า การที่เราจะมีเซ็กส์กับคนที่เรารัก จะช่วยสร้างความสุขให้เรามากกว่ามีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า การนอนกอดกัน พูดคุยกันในเรื่องที่เปิดใจหลังมีเซ็กส์จะเป็นกิจกรรมที่ยิ่งทำให้คู่รักมีความผูกพันมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับการมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า ความสัมพันธ์จะยุติลงก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายเดินทางไปสู่จุดสุดยอด
หากเรามองว่าเซ็กส์เป็นเพียงกิจกรรมที่ไม่ต่างอะไรจากกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง เราอาจจะไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์บางสายพันธ์เกิดมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว หรือในบางสายพันธ์ก็มองว่าเซ็กส์เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อความสนุก
แม้จะมีหลายคนโต้เถียงว่า มนุษย์เป็นเพียงสัตว์สายพันธ์หนึ่งที่มีความคิดความอ่าน และมองว่าเซ็กส์คือกิจกรรมอย่างนึงที่อาจจะไม่เกี่ยวกับความรักก็ไม่ผิด เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว มันคือความคิดเห็นส่วนตัวที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าครูใหญ่ได้บอกเล่าถึงความคิดเห็นว่า ความรัก เป็นจุดเริ่มต้นของเซ็กส์ และในบางครั้ง เซ็กส์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความรักเช่นกัน
เซ็กส์ ... ความรัก ... ใช่สิ่งเดียวกันไหม? คำถามนี้ตอบได้หลายมุมมอง เพราะในปัจจุบันสังคมได้เปิดกว้าง (หรือพยายามที่จะเปิดกว้าง) หากทั้งสองฝ่ายพึงพอใจซึ่งกันและกันก็อาจนำมาซึ่งความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด ซึ่งถือเป็นความสุขของทั้งสองฝ่าย แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นหนึ่งคนที่มีความคิดเช่นนั้น ก็ควรป้องกันอย่างรัดกุมและอย่าประมาทโดยเด็ดขาด
คุณผู้อ่านล่ะ มีความเห็นอย่างไรกับคำถามนี้ "เซ็กส์ ... ความรัก ... ใช่สิ่งเดียวกันไหม?"