หญิงสาวทำงานจนดึก “อาม่าชอบโทรมา” เลยตอบกลับไปแบบหงุดหงิด หลังจากนั้นไม่มีใครโทรมาอีกเลย
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 62 ที่ผ่านมา มีชาวเน็ตคนหนึ่งได้ออกมาแชร์เรื่องราวไว้ในเพจหนึ่งบนเฟสบุ๊ค เล่าว่าวันนี้ตัวเองทำงานยุ่งมากจนเลิกงานดึก แต่พอเปิดมือถือออกดูกลับไม่เห็นเบอร์ที่คุ้นเคยโทรมา…
มีหญิงสาวชาวเกาสงโพสลงเฟสบุ๊คไว้เมื่อวันที่ 17 ก.พ. เล่าว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วตัวเองถูกย้ายจากเมืองไถหนานมาที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ตอนนั้นเป็นช่วงปีใหม่ ก่อนหน้านั้น 1 เดือนจะยุ่งมากเกือบ 5 ทุ่มถึงได้เลิกงานแทบทุกวัน ตอนนั้นพอเลยสี่ทุ่มครึ่งมือถือก็จะดัง
พอรับสายก็เป็นเสียงอาม่า : “กลับบ้านรึยังลูก? หรือยังอยู่ที่บริษัท? จะกลับบ้านรึยัง?”
เธอบอกว่า บางครั้งงานมีปัญหา ไม่สามารถออกจากบริษัทได้อารมณ์ก็เริ่มไม่ดี จึงตอบกลับอาม่าไปว่า “หนูยังทำงานไม่เสร็จ อาม่าไม่ต้องโทรมาแล้วนะ” อาม่าก็จะพูดอย่างตระหนก : “ได้ๆๆ อาม่าไม่โทรแล้ว หนูรีบกลับบ้านนะ”
แต่อาม่าที่รักหลานสาว แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่โทร แต่พอวันต่อมาเธอเลิกงานดึก ก็จะได้รับโทรศัพท์จากอาม่าถามว่าเลิกงานรึยัง “โดยไม่รู้ตัวก็เคยชินแล้วว่าจะต้องรับโทรศัพท์อาม่าตอนสี่ทุ่มครึ่ง”
ปีที่แล้วเลยตรุษจีนไปไม่นาน อาม่าก็เสีย “เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ฉันไม่ทันได้บอกลาอาม่า จากนั้นก็เป็นช่วงโลว์ซีซั่น เพราะงั้นครึ่งปีหลังจึงไม่ต้องทำงานจนกลับบ้านดึก จึงค่อยๆ ลืมความรู้สึกที่รับโทรศัพท์อาม่าไป”
จนกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 16 เธอก็ยุ่งจนอยู่บริษัทถึงดึก ฉันรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมมือถือเงียบจัง เปิดมือถือออกดู….ไม่มีใครโทรหาสักสาย….ฉันกำลังรอ รอว่าจะมีคนโทรมามั้ย รอว่าจะมีเสียงที่คุ้นเคยโทรมามั้ย ถามฉันว่า :“กลับบ้านรึยังลูก”
เธอนึกย้อนกลับไป ตอนอาม่าป่วยหลังๆ ก็หลงลืม แต่ก็ยังจำเบอร์โทรของเธอกับน้องได้ “แค่พวกเรากลับบ้านดึก อาม่าก็จะโทรหาและมานั่งรอที่ห้องรับแขก ตอนนั้นฉันกลับบ้านเกือบเที่ยงคืน อาม่าก็นั่งรออยู่ที่โซฟา แถมยังหลอกฉันว่านอนไม่หลับ”
“ฉันไม่ได้ตอบกลับไปอย่างหงุดหงิดทุกครั้งที่รับสายอาม่า แม้ว่าจะมีแค่ครั้งเดียวที่ตอบไปแบบนั้น แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาโดยตลอด” เธอเล่ากว่าก่อนอาม่าจะเสีย ยังจำได้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปเยี่ยมอาม่าที่โรงพยาบาล ท่านยังบอกว่า : “โรงพยาบาลมีเชื้อโรคเยอะ หนูกำลังท้องไม่ต้องมา”
สองอาทิตย์หลังจากอาม่าเสีย เธอก็คลอดลูกชาย คลาดกันไปแค่สองสัปดาห์อาม่าก็จะได้เจอเหลนแล้ว ทำให้เธอเสียใจมาก และขอให้เพื่อนช่วยตัดต่อภาพอาม่ากับลูกชายให้ เธอหวังว่าเรื่องราวของเธอจะทำให้ทุกคนได้สติ
“แม้ว่างานจะสำคัญ แต่ถ้ามีเวลาก็ต้องโทรกลับไปรายงานตัว มีคนรอพวกคุณกลับบ้านอยู่ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเหมือนฉัน”, “มีคนรอคอยเป็นความสุข ใครทำงานเลิกดึกๆดื่นๆหาเวลาโทรบอกคนที่บ้านด้วย”
ถึงวันนี้โพสของเธอบนเฟสบุคมีคนกดไลค์กว่า 2 หมื่นคนแล้ว ชาวเน็ตมากมายคอมเม้นท์อย่างซาบซึ้ง “อาม่าชั้นเสียไป 4 ปีแล้ว ชั้นยังคิดถึงท่านอยู่เลย ที่ไหนที่เคยไปกับท่านเวลาไปก็จะคิดถึง”, “ฮือ… เราก็คิดถึงอาม่า”, “ฉันมองเบอร์แม่ในโทรศัพท์ อยากโทรไปหา…หวังว่าจะได้ยินเสียงแม่พูดว่า : มีอะไร”, “ต้องให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวในขณะที่พวกเขายังอยู่ข้างๆคุณ”