นวัตกรรมอาหารเพื่อผู้ป่วย ที่คนไม่ป่วยก็ทานได้
หากใครมีญาติเป็นผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ ที่ต้องให้อาหารเหลวหรืออาหารทางสายยาง ก็คงจะประสบกับปัญหาหลักอย่างหนึ่งเหมือน ๆ กันคือ การเตรียมอาหารสำหรับผู้ป่วย ซึ่งปกติมีสองทางเลือก คือ ไปรอคิวรับอาหารจากโรงพยาบาลทุกวัน หรือทำอาหารปั่นเองตามสูตรที่โรงพยาบาลให้มา ซึ่งค่อนข้างจะเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนอยู่พอสมควร นอกจากนี้อาหารเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดในการเก็บรักษาได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และต้องแช่เย็นที่อุณหภูมิ 2-3 องศาเซลเซียสตลอดเวลา
เพื่อลดข้อจำกัดดังกล่าว ประกอบกับเพื่อให้โรงพยาบาลมีอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วย โรงพยาบาลรามาธิบดีจึงร่วมมือกับภาคเอกชน ทำการวิจัยและพัฒนาอาหารปั่นสำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วย ตามสูตรอาหารของโรงพยาบาลเอง โดยใช้เทคโนโลยี Retort เข้ามาช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถเก็บรักษาอาหารได้นานถึง 1 ปี โดยนักวิจัยและนักโภชนาการของโรงพยาบาลได้ทำงานร่วมกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ทำการทดสอบอยู่นานหลายปี เพื่อให้แน่ใจว่า ผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย รวมถึงอำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้ป่วยในการจัดเตรียมด้วย
สมาร์ทซุป หรือ ซุปไก่ผสมฟักทองและไข่ เป็นผลิตภัณฑ์แรกภายใต้สูตรมาตรฐานของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ผ่านการทดสอบทางประสาทสัมผัส (Sensory Evaluation) โดยฝ่ายโภชนาการ ของโรงพยาบาลว่า เหมาะสำหรับให้ทางสายยาง มีความข้นหนืด และอัตราการไหล (Flow Rate) ที่เหมาะสม ไหลผ่านสายยางได้หมดภายใน 30 นาทีโดยไม่ติดขัด เป็นไปตามคำแนะนำแพทย์และนักโภชนาการ
ขณะเดียวกันการทดสอบกับผู้ป่วย 30 ราย ก็พบว่า ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น เป็นที่น่าพอใจของแพทย์ผู้รักษา จึงสามารถผ่านการรับรองให้นำออกมาวางจำหน่ายได้ โดยมีส่วนประกอบของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยครบถ้วน รวมถึงผ่านการปรับปรุงสูตรให้มีเกลือต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วย และคนปกติทั่วไป
สำหรับวิธีรับประทาน ทำได้ 3 แบบ คือ รับประทานได้ทันที หรือนำไปต้มทั้งถุงในน้ำร้อน อุณหภูมิ 90-100 องศาเซลเซียส หรือนำไปอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟ เก็บในอุณหภูมิห้อง และง่ายต่อการรับประทาน
สมาร์ทซุป ซุปไก่ผสมฟักทองและไข่ วางจำหน่ายที่ RAMA HEALTH SHOP อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ชั้น 2
ในอนาคต โรงพยาบาลรามาธิบดี มีแผนพัฒนาต่อยอด ผลิตอาหารปั่นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มต่อไป