เชื่อว่าหลายๆคนเคยได้ยินข่าวคุณหมอที่ต้องทำงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน หรือบางครั้งก็ได้ข่าวเศร้าว่ามีหมอทำงานหนักจนเสียชีวิตคาโรงพยาบาล และเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวของ ดร. ยูมิโก คาโดตา ศัลยแพทย์ชาวออสเตรเลีย ในนครซิดนีย์ ภายหลังจากเธอได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น กับเวลาที่เธอสูญเสียไปอย่างมากมาย ในขณะที่เธอปฏิบัติหน้าที่แพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยว่าเป็นโรงพยาบาล Bankstown-Lidcombe Hospital
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เธอได้เรียกมันว่า “เป็นการทำงานที่แย่ที่สุดในชีวิตของเธอ” เธอต้องเข้าเวร On Call ติดต่อกันเป็นเวลา 180 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 07.30 น. ของเช้าวันจันทร์ ไปจนถึง 16.00 น. ของเย็นวันจันทร์ถัดไป โดยไม่ได้หยุดพัก การเข้าเวรลักษณะดังกล่าวแม้จะไม่ต้องเข้าไปนั่งปฏิบัติหน้าที่ประจำห้องคนไข้ แต่เธอก็ต้องพร้อมสแตนด์บายเพื่อทำหน้าที่ตลอดเวลา เมื่อถูกทางโรงพยาบาลโทร. ตามตัว
“ตั้งแต่สัปดาห์แรก ฉันจะถูกโทร. ตามตัวทุกคืน สักราวเที่ยงคืน บางครั้งก็ถูกตามตัวตอน 03.00 น. ฉันจำได้ว่ามีแค่คืนเดียวที่ได้นอนยาวโดยไม่ถูกโทร. เรียก แต่แล้วก็ต้องกลับไปอยู่เวร on call อีกในเช้าวันต่อมา” คาโดตา เผย
มันทำให้เธอแทบจะไม่มีเวลาทำสิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น นอนหลับพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แล้วมันก็เป็นวงจรลักษณะเช่นนี้เรื่อย ๆ มา มีบางวันที่เธอได้นอนพักบ้าง แต่ก็ถูกปลุกเรียกให้ไปปฏิบัติงานกลางดึก เวลาเที่ยงคืน หรือหลังจากนั้น ไม่สามารถคาดเดาได้เลยในแต่ละวัน บางวันก็ได้นอนแค่ 4 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้น
เธอใช้เวลาปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลามากกว่า 120-140 ชั่วโมง ในทุก ๆ 2 สัปดาห์ เธอต้องคอยสแตนด์บายพร้อมไปทำงานตลอดถ้าถูกโทร. ตาม ไม่ว่าเป็นตอนกำลังจอดรถ อาบน้ำ ทำอาหารเย็น หรือกำลังนอนหลับ เมื่อผ่านการทำงานเช่นนี้ไปสักระยะ มันเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธอ ในเดือนเมษายน 2561 เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี มีทั้งอาการเครียด ร่างกายขาดน้ำ ขาดสารอาหาร และการอดหลับอดนอนส่งผลต่อระบบการทำงานภายในร่างกายของเธอ จากนั้นเธอก็เริ่มมีภาวะทางอารมณ์ตามมา จนถูกเรียกว่าเป็น หญิงเจ้าอารมณ์
หลังจากนั้นเธอได้มีโอกาสไปตรวจเช็กสุขภาพกับแพทย์ประจำครอบครัว ซึ่งแพทย์ก็มีความกังวลเกี่ยวกับอาการเหน็ดเหนื่อยของเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจ อันเนื่องมาจากการทำงานที่มากเกินไป หลังจากนั้นเธอจึงขอใช้วันลาหยุดพักประจำปี เพื่อไปพักผ่อน ทว่าเมื่อเธอกลับไปทำงาน สถานการณ์กลับแย่ยิ่งกว่าเดิม เพราะเธอเหมือนต้องทำงานชดเชยในวันที่เธอหยุดไป
กระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2561 คาโดตา ตัดสินใจลาออก เธอเล่าว่า “มันไม่โอเคแล้ว แม้ว่าร่างกายฉันจะยังคงอยู่ แต่จิตวิญญาณฉันได้แตกสลายไปแล้ว ตอนพักกลางวัน ฉันเคยขอหัวหน้ากลับบ้าน แต่คำตอบทุกครั้งคือ ไม่ ให้อยู่ที่นี่แหละ ฉันรู้สึกติดอยู่ในวังวนที่แห่งนี้มานานมากกว่า 3 เดือน ฉันรู้ว่าการลาออกเช่นนี้ มันจะทำให้ติดแบล็กลิสต์ ฉันจะไม่สามารถทำงานเป็นศัลยแพทย์ได้อีกในซิดนีย์ แต่สุดท้ายฉันขอยืนยันตามเดิม ตัดสินใจกลับบ้านในวันนั้น”
ทว่า การลาออกไม่ได้ทำให้ทุกอย่างจบอย่างที่เธอคิด ผลกระทบจากการทำงานในแบบนั้น ยังส่งผลต่อเธอ ในทุก ๆ คืนเธอจะตื่นขึ้นมาทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพราะสมองยังคงสั่งให้เธอตื่นตัว แต่เธอไม่ได้เกิดภาวะเครียด หรือคิดมากใด ๆ แค่สะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วในหัวก็ว่างเปล่า แล้วเธอก็ต้องบอกตัวเองว่า ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้ถูกเรียกไปทำงาน มันจบแล้ว และพยายามกลับไปนอน แต่มันก็นอนไม่หลับ
ปัญหาดังกล่าวรุมเร้าเธออย่างหนัก จนเดือนตุลาคม เธอต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยโรคนอนไม่หลับ และสภาวะป่วยทางจิตใจหลังเผชิญเหตุกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง โดยเธอคิดว่าน่าจะใช้เวลารักษาประมาณ 3 สัปดาห์ แต่สุดท้ายเธอต้องนอนโรงพยาบาลอยู่นานถึง 6 สัปดาห์ด้วยกัน
หลังจากนี้ คาโดตา ก็ยังคงต้องเดินหน้ารักษาตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่ถึงเช่นนั้นเธอก็นังคงรักในอาชีพศัลยแพทย์ของเธอ แต่ถ้าเธอฝืนทำต่อไป เธออาจจะยิ่งแย่ลงกว่านี้ ตอนนี้เธอก็พยายามหาอะไรทำเผื่อผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือเบา ๆ กินเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายเล่นโยคะฝึกจิต ลองหาตัวเองอีกครั้ง แม้ตอนนี้เธอจะไม่ใช่ศัลยแพทย์ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตอยู่