ไทยดูไว้! มาดูว่าเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกเขาจัดการอย่างไรเมื่อเกิดปัญหามลพิษทางอากาศ
ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Sumit Athiprom ได้โพสท์ตัวอย่างการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ของแต่ละประเทศทั่วโลกว่าเค้าทำอย่างไร ในขณะที่ไทยยังคง งมหาทางแก้ปัญหาอยู่ โดยได้โพสท์ระบุว่า
ในระหว่างที่เมืองไทยกำลังหาทางแก้ปัญหา มาดูว่าเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกเขาจัดการอย่างไรเมื่อเกิดปัญหามลพิษทางอากาศขึ้น
ปารีส, ฝรั่งเศส
ปารีสสั่งให้งดใช้รถยนต์ส่วนตัวในย่านศูนย์กลางเมืองในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ให้ใช้ขนส่งมวลชนแทน
โดยให้บริการฟรีตลอดช่วงมาตราการลดมลพิษทางอากาศ กระตุ้นให้เกิดการแลร์รถยนต์และจักรยาน โดยทำโครงการให้ยืมจักรยาน อีกทั้งห้ามใช้รถยนต์ตลอดฝั่งขวาของแม่น้ำแซน และห้ามใช้รถยนต์ในถนนณ็องเซลิเซ่ เดือนละครั้ง และห้ามรถยนต์เก่าและรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลขับเข้าเมืองโดยสิ้นเชิง
นิวเดลี , อินเดีย
สั่งห้ามใช้รถยนต์แบะเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ และรถ SUV ที่มีเครื่องยนต์ ขนาด 2,000 ซีซี ยกเลิกการใช้แท็กซี่เครื่องยนต์ดีเซลกว่าหมื่นคัน นอกจากนี้ ยังทดลองนโยบายให้รถเลือกวิ่งวันคู่หรือวันคี่ และส่งเสริมการใช้ รถมินิบัสออนดีมานด์แบบ Uber มากขึ้น
เนเธอแลนด์
รัฐบาลเนเธอแลนด์เสนอนโยบายห้ามขายรถยนต์ เครื่องยนต์ดีเซล ภายในปี 2025 อนุญาตให้ขายเพียงรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เครื่องยนต์ไฮโตรเจนเท่านั้น อาจฟังดูโหดเกินไป แต่กฎหมายใหม่ที่เสนอนี้อนุญาตให้คนที่มีรถยนต์อยู่ก่อนประกาศใช้กฎหมายใช้รถคันเดิมต่อไปได้
ไฟร์บร์วก, เยอรมณี
เมืองไฟร์บร์วกเป็นเมืองที่มีทางจักรยานรวมระยะทาง 500 กิโลเมตร มีขนส่งระบบรางและระบบขนส่งสาธาระณะที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก Vauban หมู่บ้านชานเมืองแห่งนึงในไฟร์บร์วกห้ามไม่ให้ผู้คนรถใกล้บ้านเรือน และให้จอดรถพื้นที่รอบนอกเมือง
สำหรับผู้อยู่อาศัยที่ไม่ใช่รถยนต์ จะได้รับอัตราค่าเช่าบ้านในอัตราที่ถูกกว่าคนที่มีรถ รวมถึงได้รับบริการขนส่งสาธารณะฟรี และมีจักรยานให้ใช้ฟรี
โคเปอเฮเกน, เดนมาร์ก
โคเปนเฮเกนให้ความสำคัญกับจักรยานมากกว่ารถยนต์ และปัจจุบันจำนวนจักรยานก็มีมากกว่าจำนวนประชากรไปแล้ว แนวคิดการใช้จักรยานนี้ได้มีการเทียบมูลค่าการใช้จักรยานกับรถยนต์ โดยการเทียบการใช้จักรยาน 1 ไมล์ ให้มูลค่ากับชุมชน 0.42 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การใช้รถยนต์ส่วนตัว ระยะทาง 1 ไมล์ ให้คุณค่าประมาณ 0.20 ดอลลาร์ นอกจากนี้เมืองส่วนใหญ่ในเดนมาร์กทยอดหยุดใช้รถยนต์มากกว่า 10 ปีแล้ว และมีแผนมุ่งจะเป็นเมือง “carbon neutral” หรือเมืองที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2025
เฮลฟิงกิ, ฟินแลนด์
เมืองหลวงของฟินแลนด์มีนโยบายจะลดจำนวนรถยนต์ลงอย่างฮวบฮาบ โดยการทุ่มเงินลงทุนระบบขนส่งสาธารณะ มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่จอกรถสูงขึ้น ส่งเสริมการใช้จักรยานและการเดิน มีการแปลถนนวงแหวนในตัวเมืองชั้นในเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเดิน และมีไอเดียจะทำให้ขนส่งสาธารณะดีมากจนไม่มีใครอยากใช้รถยนต์ส่วนตัวในปี 2050
กอริบิตา, บลาซิล เมืองทางตอนใต้ของบลาซลีประชากรประมาณ 2 ล้านคน เป็นเมืองที่มีระบบรถโดยสารขนาดใหญ่ ที่มีราคาถูกและดีที่สุดในโลก ประชากรเกือบ 70 % ของเมืองไปทำงานโดยใช้ขนส่งสาธารณะ ผลที่ได้คืออากาศไม่มีมลพิษ และรถไม่ติด
บังคาลอร์ , อินเดีย
อีกหนึ่งเมืองใหญ่ในประเทศอินเดีย เมืองนี้กำลังแปลงรถบัส 6,000 คัน ให้เป็นรถบัสใช้ก๊าซธรรมชาติ ตอนนี้เมืองบังคาลอร์สามารถลดมลพิษทางอากาศได้แล้ว 20 % ในเวลาไม่กี่ปี 1 ใน 4 ของคนที่เคยใช้รถยนต์ส่วนตัวเปลี่ยนไปใช้ขนส่งสาธารณะ
ลอนดอน, อังกฤษ
สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาของมหานครลอนดอนและทั่วอังกฤษ รัฐบาลอังกฤษห้ามขายเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดมลพิษสำหรับใช้ในครัวเรือน ในปี 2022 และรัฐบาลยังอยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือการยกเลิกการใช้ถ่านหินที่ใช้ในบ้าน และยกเลิกการขายไม้เปียกที่นำไปเป็นเชื้อเพลิง นอกจากนี้จะออกมาตราการกำหนดให้การทำเกษตร ที่ปล่อยก๊าซแอมโมเนียน้อยลง โดยรัฐบาลจะอุดหนุนเทคโนโลยีที่จำกัดการปล่อยก๊าซแอมโมเนียได้
มาริด, สเปน
รัฐบาลสเปนพึ่งออกมาตรการควบคุมรถยนต์ที่จะวิ่งเข้าไปในเขตควบคุมคุณภาพอากาศใจกลางกรุงมาดริด เมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา และกระตุ้นให้ประชาชนใช้จักรยานและขนส่งสาธารณะมากขึ้น
โดยหวังว่ามาตรการนี้จะช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ 40 เปอร์เซ็น สำหรับรถยนต์ที่อนุญาตให้วิ่งในเขตเมืองได้จะต้องได้ต้องผ่านการตรวจวัดไอเสียรถยนต์ สำหรับรถยนต์รุ่นเก่าที่ก่อมลพิษมากจะถูกห้ามวิ่งเข้าไปในเขตควบคุม
แนวทางการแก้ปัญหาของทุกเมืองทุกประเทศ ต่างพุ่งไปที่การลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากเป็นสาเหตุอันดับแรกที่ก่อให้เกิดฝุ่นควันเช่นกันกับเมืองไทย