หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รีวิวเที่ยว "ดาลัท" เวียดนาม เมืองน่ารักสไตล์ยุโรปกลางหุบเขา

เนื้อหาโดย sonew

 

ความเดิมตอนที่แล้ว มันคือทริปเที่ยวเวียดนามของเรา วันที่ 23-27 ตุลาคม 2561 เราไปเริ่มตั้งต้นที่โฮจิมินห์ และเดินทางด้วยรถนอนมาที่ดาลัตในคืนวันนั้นนั่นแหละ และตอนนี้เรามาถึงดาลัทแล้ว . . . .

- - - - - - - - - - - - - -

Day 2 วันที่ 24 ต.ค. 61

เรามาถึงดาลัท เวลาประมาณ 04.00 น. ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง . . . และเมื่อรถจอดบริเวณบริษัท The Sinh Tourist สัมผัสแรกกับการมาเยือนดาลัทของเราก็คือ อากาศที่เย็น และดีมากๆ คือมันไม่หนาว แต่มันเย็นแบบกำลังดี เช็คอุณหภูมิจากมือถือ ก็คือ 17 องศา อิอิ ปลื้มปริ่มมาก . . .

ลงรถเสร็จ มองซ้ายมองขวา . . เอาไงต่อล่ะทีนี้ เพราะเท่าที่อ่านรีวิวมา (เพื่อนๆ ก็คงอ่านเจอมาเหมือนกัน) คือ พอลงรถ ก็มักจะมีคนท้องถิ่นมาคอยถามว่าเราพักที่โรงแรมไหน (คนท้องถิ่นที่นี่ฟังภาษาอังกฤษพอได้นะ แต่เขาจะพูดกับเราเป็นภาษาเวียดนาม เราก็จะฟังไม่ออก 555) เพื่อที่จะบริการพาไปส่ง มีทั้งแบบแท็กซี่ และแบบมอเตอร์ไซค์ . . . . สถานการณ์แบบนี้เราก็เจอค่ะ แต่ก็คิดว่า เอ..เอาไงดี จะไปโรงแรมยังไงดีน้า พลางควักโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด Google Map หาที่ตั้งโรงแรม (โรงแรมที่เราจองชื่อ Tulip Hotel 3 จองผ่าน Agoda มาจากเมืองไทย ราคาคืนละประมาณ 500 กว่าบาทค่ะ) ปรากฎว่า ห่างจากตรงที่เราลงรถแค่ 700 เมตรเอง! เราจึงตัดสินใจเดินไปดีกว่า จะได้เดินเล่นดูนั่นนี่ไปด้วย ก็เลยใช้วิธีเดินตาม map ไปค่ะ . . .

ยิ่งเดิน ยิ่งเห็นว่าบ้านเมืองของที่นี่ มันถูกสร้างลดหลั่นตามไหล่เขา บ้านและตึกน่ารักๆ ถูกสร้างให้สูงบ้างต่ำบ้าง ตามลักษณะพื้นที่ที่มันตั้งอยู่ อากาศเย็นๆ ปะทะจมูก แสงไฟสลัวเรียงรายไปตามถนนกับบรรยากาศใกล้สว่าง . . . ร้านบางร้านเริ่มเปิดประตู ตั้งร้าน ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นร้านอาหารมื้อเช้า ที่คนท้องถิ่นนิยมกินกัน

- - - - - - - - - - - - - -

เราเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ได้กลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ ปนมากับไอเย็นๆ ของอากาศ เพลิ้น เพลิน รู้สึกดีมากๆ แบบยังไม่ต้องไปเที่ยวไหน ก็รู้สึกว่าเมืองนี้มันน่ารักมาๆ เดินมาอีกแป๊บนึง เราก็เจอโรงแรมที่เราจองไว้ การเดินมาของเราทำให้รู้ว่า โรงแรมที่เราอยู่ มันคือใกล้ใจกลางเมืองดาลัทเลย ดังนั้นจะเดินไปไหนนี่ถือว่าง่ายมากๆ ^^ แต่! . . . พอไปถึงหน้าโรงแรมปรากฎว่าโรงแรมปิดไฟมืดสนิท เราเลยเดินไปผลักประตูเพื่อดูว่า เปิดเข้าไปได้ไหม เผื่อจะเข้าไปรอที่ล็อบบี้ได้ ปรากฎว่า ประดูเปิดได้ เวลาตอนนั้นก็ประมาณ 04.30 น. เราเลยเข้าไปนั่งรออยู่ในล็อบบี้มืดๆ . . . นั่งอยู่ได้สักพักนึง เรากับแฟนจึงตัดสินใจ ออกมาเดินเล่นก่อนดีกว่า ดูบ้านเมือง และหาอะไรกิน แล้วค่อยกลับเข้ามาที่โรงแรมตอนสว่าง

เราก็เดินเล่นดูนั่นดูนี่มากันเรื่อยๆ ก็มาเจอร้านขายอาหารร้านนึง มีโต๊ะเตี้ยๆ ให้นั่ง มีคนกินอยู่ 2-3 โต๊ะ พี่ผู้หญิงคนขาย กำลังขะมักเขม้นในการจัดเรียงส่วนผสมต่างๆ ของอาหารชนิดนั้นลงชาม หม้อต้มน้ำข้างๆ มีไอน้ำพวยพุ่งออกมา เธอตักนั้นซุปร้อนๆ ราดลงไปในชามอีกที . . . . “นี่แหละ เมนู local ที่เราตามหา มื้อแรกที่ดาลัทของเรา”

เราเดินเข้าไปดูว่ามีอะไรกินบ้าง สิ่งที่เห็นคือ อาหารลักษณะเหมือนก๋วยเตี๋ยว และมีน้ำซุปให้เลือกถึง 3 แบบ เรากับแฟนตัดสินใจสั่งคนละอย่างกัน เพื่อจะได้แลกกันชิม 5555 ถามไปถามมากว่าจะเข้าใจกัน ว่าอาหารชนิดนี้มันเรียกว่าอะไร สรุปแล้วอาหารชนิดนี้คนเวีดนาม เรียกว่า “บุ๋น Bún”

Bún คือ อาหารประเภทเส้นของเวียดนาม ลักษณะเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำใส แต่เส้นมีลักษณะเหมือนขนมจีนแต่เส้นใหญ่กว่า น้ำซุบของเราเป็นน้ำซุปใส ใส่เนื้อหมูสไลด์ เลือดหมูต้ม และผักนานาชนิด รสชาติเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเลยค่ะ 55 ส่วนของแฟนเรา ก็คือบุ๋มเหมือนกัน แต่น้ำซุปคนละอย่าง ของเขาจะมีลักษณะเหมือนน้ำเงี้ยว คือมีมะเขือเทศ และน้ำมันพริกแดงๆ ใส่หมูสับก้อนขนาดใหญ่ รสชาติจะมีความเปรี้ยว คล้ายกับน้ำเงี้ยวเลย รสชาติของทั้ง 2 ชาม สำหรับเราก็พอไปได้ รสไม่จัด เบาๆ เหมาะกับมือเช้าแบบนี้ . . .

กินเสร็จ คืออิ่มแปร้มาก ฟ้าเริ่มสางแล้ว เราเลยตัดสินใจเดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อทำการเช็คอินกันดีกว่า . . . อ้า! นั่นไง โรงแรมเราเปิดไฟแล้ว เราจึงเข้าไปที่ล็อบบี้แล้วเอาเอกสารที่เราปริ้นมาจาก Agoda ให้กับพนักงาน . . . ตรวจเช็คข้อมูลเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็แจ้งว่า เราจะสามารถเข้าห้องได้ช่วงบ่าย เราก็โอเค เพราะเราแพลนไว้แล้ว . . . ซึ่งจากการที่เราดูรีวิวมา เขาบอกว่า โรงแรมที่เราพักนี้ เขาจะมีห้องน้ำให้เราสามารถอาบน้ำได้ เยี่ยมเลย! ไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นก่อน จากนั้นฝากกระเป๋าแล้วเรามาเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวดาลัทกัน . . .

***ห้องอาบน้ำของที่นี่ (Tulip Hotel 3) โอเคเลย ตอนแรกนึกว่า ตายหล่ะ น้ำต้องเย็นแน่ๆ เพราะไม่เห็นเครื่องทำน้ำอุ่น แต่พอเปิดไปสักพัก ทำให้รู้ว่าน้ำอุ่นของที่นี่เขาเป็นระบบหม้อต้มที่ส่งผ่านน้ำอุ่นมาตามท่อเลย สบายมากๆ

เรากับแฟนอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ทำการฝากสัมภาระไว้ที่ล็อบบี้ และติดต่อกับพนักงานโรงแรมว่าเราอยากเช่ามอเตอร์ไซค์ พนักงานก็บริการให้เรียบร้อย สนนราคาเช่าอยู่ที่ 150,000 ดอง (210 บาท) ต่อ 1 วัน ขี่เที่ยวได้จนถึง 22.00 น. . . . จ่ายเงินเสร็จ รับกุญแจรถ และหมวกกันน็อคคู่กาย กับมอเตอร์ไซค์ 1 คัน พร้อมแล้วค่ะ พร้อมลุยดาลัทแล้วววววววว !!!

- - - - - - - - - - - - - -

แพลนของเราสำหรับวันนี้มีคร่าวๆ คือ
1.ไปสวนดอกไฮเดรนเยีย
2.ไป Black Rock Garden
3.กลับเข้าเมืองมาหาของกินมื้อเที่ยง
4.เที่ยวในเมืองต่อ เท่าที่เราจะเก็บได้
5.เดินตลาดกลางคืน
เนี่ยๆ แพลนประมาณนี้ เบาๆ ชิวๆ อ่ะทีนี้ ขี่มอไซค์แล้วไปพร้อมกันเลย อย่าลืมใส่หมวกกันน็อคด้วยนะคะ . . .

- - - - - - - - - - - - - -

ที่เราเลือกไปสวนดอกไซเดรนเยียวันนี้ เพราะดูแล้วว่า มันไกลออกไปจากเมืองสักหน่อย ก็เลยอยากเก็บตั้งแต่วันนี้เลย เพราะวันนี้เรา start เริ่มวันกันได้ตั้งแต่เช้า . . .สวนดอกไฮเดรนเยีย จุด check-in สุดฮิปที่ใครมาดาลัทก็ต้องมาถ่ายรูป แน่นอน เราต้องไปให้ได้ค่ะ เหมือนเดิม ใช้บริการ Google Map เหมือนเดิม search คำว่า hydrangea garden dalat ที่ตั้งคือที่ Xã, Lâm Đồng ห่างจากโรงแรมเราประมาณ 10 กม. ไปจ้ะ ไปกันเลย . . .

และแน่นอนว่า ที่ดาลัท การจราจรไม่คับคั่งเหมือนที่โฮจิมินห์ แต่วงเวียนวัดใจนั้นมีเยอะมาก ฉะนั้น ตั้งสติให้ดี ภาวนา และขอให้โชคดีค่ะ 55555 (แฟนเราเป็นคนขี่ เราเป็นคนซ้อน คือลุ้นทุกขณะจิต)

เช้านี้อากาศดีมาก เราใส่เสื้อคลุมไหมพรมบางๆ ทับเสื้อผ้าของเราอีกที แค่นั้นก็อยู่แล้ว ขี่มอเตอรืไซค์ออกนอกเมืองไปได้สักพัก วิวข้างทางคือดีมากตลอดทาง ทำให้เห็นว่า ดาลัท เป็นเมืองแห่งหุบเขาจริงๆ เพราะมองจากวิว 2 ข้างทางที่เราเห็น ผังเมืองของที่นี่มีการสร้างที่พักลดหลั่นกันลงมาตามไหล่เขา และที่สำคัญ บ้านเมืองที่นี่มีลักษณะการก่อสร้างที่ไปในแนวของบ้านสไตล์ยุโรปเกือบ 100% ทำให้เราเพลินกับการนั่งรถชมวิวกับอากาศเย็นๆ แม้จะมีเสียงแตร ปี๊ดๆ แป๊นๆ มาเป็นระยะๆ แต่เราว่าเราชินแล้วหล่ะ . . .

- - - - - - - - - - - - - -

และแล้วเราก็มาถึงค่ะ สวนดอกไฮเดรนเยียที่นี่ มีลักษณะเหมือนแปลงเกษตรที่เขาใช้ปลูกพืชผักต่างๆ เป็นขั้นบันได ตามไหล่เขา สนนราคาค่าเข้าอยู่ที่คนละ 15,000 ดอง (21 บาท) จากนั้น เราก็เข้าไปเก็บภาพได้ โดยใช้เวลาตามใจเราเลยค่ะ

ดอกไฮเดรนเยีย ดอกเบอเริ่มเทิ่ม ชูช่อเรียงรายเต็มไปหมด มันเยอะและสวย จนไม่รู้ว่าจะเริ่มถ่ายรูปมุมไหนดี คือเลือกไม่ถูก เราวิ่งไปถ่ายรูปจุดนั้น จุดนี้ ย้ายไป ย้ายมา เหมือนนางเอกหนังอินเดีย 555555 พอนึกย้อนไป คือสงสารแฟนมาก ที่ต้องคอยตามเราไปถ่ายมุมนู้นบ้าง มุมนี้บ้าง กลับมามุมเดิมอีกที ย้ายไปอีกมุม จับดอกนั้น แล้วมายืนข้างดอกนี้ วุ่นวายมาก 5555 แต่เราเพลินจริงๆ เราให้คะแนนที่นี่ 10/10 ค่ะ เพราะเราชอบบรรยากาศ ถ่ายรูปสวย ค่าเข้าก็ไม่แพงด้วย . . . . เราใช้เวลาที่สวนนี้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ได้ เพราะเริ่มมีฝนละอองโปรยปรายลงมา เมื่อถ่ายรูปหนำใจแล้ว เราก็เลยขี่รถออกจากสวนไฮเดรนเยีย เพื่อไปสถานที่อีกที่หนึ่ง ที่เขาบอกว่า เป็นที่รวมของเจ้าหมาปุกปุยพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ และ อลาสกัน มาลามิวท์ รวมถึง เจ้าป้อมคอลกี้ ที่ Black Rock Garden ค่ะ

ขับรถย้อนกลับมาทางที่จะเข้าเมือง เลี้ยงเข้าซอยเล็กๆ มาเรื่อยๆ จนเกือบสุดซอย เราจะเจอป้านเล็กๆ เขียนว่า Black Rock Garden เราก็ตามป้ายไปเลย ที่นี่เปิดทำการ 09.00 น.นะคะ แต่เรามาถึงตอน 08.30 น. จึงเข้าไปนั่งรอข้างใน พร้อมสั่งเครื่องดื่มเป็นโกโก้ร้อนมา 1 แก้ว (ค่าใช้จ่ายที่นี่คิดรวมในราคา หัวละ 70,000 ดอง หรือ 98 บาท จะได้เป็นเครื่องดื่น 1 แก้ว และเล่นกับน้องหมาได้) พลางมองน้องหมาตัวใหญ่ขนฟู ที่นอนเล่นกันอยู่ในกรง (ที่นี่เขาจะปล่อยน้องหมาออกมาตอนประมาณ 09.15 น.ค่ะ)

พอถึงเวลา เจ้าของก็เดินเข้าไปเปิดกรง และให้ลูกค้าที่ต้องการเล่นกับหมาเดินไปใส่รองเท้าบูท และเข้าไปในบริเวณลานกว้างๆ ที่เราจะสามารถเล่นกับน้องหมาได้อย่างอิสระ . . . . คือน้องหมาแต่ละตัวน่ารักมาก ตัวใหญ่ ขนหนา แต่! . . . เขาไม่ค่อยมาเล่นกับเรา เราเดาว่า เพราะลักษณะการเรียกน้องหมาของคนไทยกับคนเวียดนามคงไม่เหมือนกัน 55555 เราใช้การเรียกหมาแบบไทย กับหมาเวียดนามไม่ได้ เหมือนนางไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้มันผิวปากทำไม ผู้หญิงคนนี้มันก็อกๆ ปาก ทำไม วันนี้เราเลยเข้าใจว่า โดนหมาเมิน นี่มันเป็นยังไง . . . . เราให้คะแนนที่นี่ 7/10 เนื่องจากหมาไม่ยอมมาเล่นด้วย หมาไม่เข้าใจเรา 5555555 และเราคิดว่าราคาค่อนข้างแพงเหมือนกัน เพราะโกโก้ที่เราสั่งก็ธรรมดา กาแฟที่แฟนเราสั่งก็เฉยๆ หนักหวานด้วย แต่ถ้าใครสนใจก็ลองไปดูได้ค่ะ ไม่เสียหาย

เมื่อกิจกรรมเล่นกับน้องหมาไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เราจึงหาที่เที่ยวที่อยู่ระแวกใกล้ๆ กับที่นี่ดู ปรากฎว่า ห่างจากที่ Black Rock Garden ไปเพียง 200 เมตร มีวัดที่มีชื่อเสียงอยู่วัดนึง ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเที่ยวกัน นั่นคือวัด Linh Phuoc Pagoda, Chua Linh Phuoc หรือวัดเจดีย์มังกร วัดนี้โดดเด่นมากๆ ด้วยเจดีย์เก้าชั้นขนาดใหญ่ ที่มีความสวยงาม วัดนี้ เป็นวันที่มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราเจอนักท่องเที่ยวตะวันตกค่อนข้างเยอะ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ชั้นใต้ดินของเจดีย์มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเกจิอาจารย์ของประเทศไทยหลายรูป เช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ หลวงตามหาบัว หลวงปู่สด หลวงปู่แหวน และอีกหลายท่านมากๆ . . . นอกจากนี้ ยังมีส่วนแสดงจำลองนรกภูมิขุมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินลงไปดูได้อีกด้วย ฟิลเหมือนเข้าบ้านผีสิงที่แดนเนรมิตรเลย อิอิ น่าสนใจดี สรุปรวมๆ ที่นี่เราว่า ควรมา เพราะว่าวัดสวยดีค่ะ และไม่ไกลจากเมือง เป็นสถานที่ที่บริษัททัวร์ในดาลัท มักจะใส่ลงไปในโปรแกรมทัวร์ค่ะ ....

- - - - - - - - - - - - - -

หลังจากนั้นเรากับแฟนก็ขี่มอเตอร์ไซค์ กลับเข้ามาในเมือง เพื่อพักสักครู่ เพราะฝนทำท่าจะตก กลับถึงโรงแรม ก็สามารถเช็คอินได้พอดี เลยหอบกระเป๋าที่ฝากไว้ที่ล็อบบี้ขึ้นห้อง ห้องพักของที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ แต่จากการอ่านรีวิวก็พอจะทราบว่า โรงแรมที่นี่ไม่มีแอร์เกือบทุกที่ เนื่องจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นของดาลัท จึงไม่ต้องพึ่งแอร์ แค่เปิดหน้าต่าง มีพัดลมสักตัว ก็โอเคแล้วค่ะ . . . .

เราเผลอหลับไปเนื่องจากเพลียจากการเดินทาง และการตื่นเช้าตะลอนไปทั่วดาลัท ตื่นมาอีกทีก็ประมาณบ่าย 3 โมงแล้ว ก็เลยคิดว่าออกไปหาอะไรกินดีกว่า เพราะเมื่อเที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย และโจทย์อาหารสำหรับวันนี้ก็คือแหนมเนืองค่ะ . . . เราเลยสอบถามกับรีเซปชั่นของโรงแรมว่า ถ้าเราอยากไปกินแหนมเนืองสไตล์แบบบ้านๆ Local แนะนำร้านไหนดี รีเซปชั่นก็จดชื่อร้านมาให้ 2 ร้านคือร้าน Ba Hung กับ Long Hoa เมื่อนำชื่อร้านไปเซิร์ทใน google map ก็พบว่า ร้าน Ba Hung อยู่ใกล้สุด ก็เลยตัดสินใจกินร้านนี้ ไปค่ะ เราไปดูซิว่า แหนมเนืองแบบต้นตำรับ จะเหมือนแหนมเมืองที่เมืองไทยหรือเปล่า . . .

ขี่รถออกมาไม่ไกลจากโรงแรมสักเท่าไหร่ประมาณ 7 นาที เราก็มาถึงร้าน Ba Hung ค่ะ . . .

ร้าน Ba Hung เป็นตึกแถวเล็กๆ ด้านในมีโต๊ะประมาณ 7-8 โต๊ะ ตอนที่เราเข้าไปก็มีลูกค้าอยู่ประมาณ 4 โต๊ะ และเป็นคนเวียดนามทั้งหมด และเมื่อเราทำการสั่งอาหารจึงทำให้รู้ว่า ที่นี่ขายแต่แหนมเนืองอย่างเดียว และเป็นแหนมเนืองแบบบุฟเฟ่ท์ คิดราคาเป็นรายหัว ตกราคาคนละ 45,000 ดอง ( 63 บาท คือถูกมากกกกก!! ) เมื่อสั่งเสร็จรอไม่นาน พนักงานก็เอามาเสิร์ฟ ลักษณะแหนมเนืองของที่นี่ น้ำจิ้มจะมีสีออกเหลืองๆ นวลๆ ข้นๆ ไม่เป็นสีน้ำตาลๆ แบบบ้านเรา เสิร์ฟใส่ถ้วยมาแบบอุ่นๆ เลย ส่วนผักก็มาแบบจัดเต็ม ทั้งแตงกวา ผักกาดหอม ผักกาดแก้ว กุยช่าย และผักอื่นอีกมายมาย นอกจากนั้นก็ยังมีผักดองมาเป็นเครื่องเคียงด้วย ส่วนแป้งก็จะมาแบบแห้งๆ แต่ยังคงมีความเหนียวเบาๆ เขาก็ห่อทั้งอย่างนั้นกันเลย มาดูในส่วนของแหนมบ้าง ก็จะมีความเกรียมติดไหม้หน่อยๆ พอหอมๆ แต่เด็ดสุดจะอยู่ที่แป้งทอดกรอบ มีลักษณะเหมือนเกี๊ยวทอด แต่เราคิดว่าเขาน่าจะเอาแป้งที่ใช้ห่อแหนมเนืองมาทอดมากกว่่า . . . แนะนำแต่ละอย่างกันไปคร่าวๆ แล้ว ทีนี้เรามากินกันดีกว่าค่ะ เราตักพริกตำ ผสมลงไปในน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มรสชาติ จากนั้นก็เริ่มห่อเลย เด็ดสุดคือ ไอ้กรอบๆ ที่เหมือนเกี๊ยวที่เราบอกไป อย่าลืมใส่ม้วนไปด้วยน้า รับรองไม่ผิดหวัง จากนั้นก็เอาม้วนที่เสร็จแล้วจิ้มน้ำจิ้ม แล้วก็กินซะ . . . . . คือมัน อ ร่ อ ย ม า ก ก ก !!!!!! มันนัว มันหอม กรอบ นุ่ม อร่อย แบบอร่อยจริงๆ อยากให้ได้ลองกัน แป้งที่ไม่ได้ชุบน้ำ เวลาที่เราเคี้ยวมันจะให้ความรู้สึกเหนียวนิดๆ แต่เมื่อเอนไซในปากเราทำงาน มันก็จะนุ่มและนัวไปพร้อมๆกับของทั้งหมดที่เรากิน .. ลืมบอกไปว่าร้านนี้ ถ้าของหมดสามารถเติมได้ไม่อั้น ทั้ง แป้ง ผักสด ผักดอง น้ำจิ้ม ยกเว้นตัวแหนมที่ต้องจ่ายเงินหากสั่งเพิ่ม เอาเป็นว่าร้านนี้เด็ด อร่อยถูกใจ แต่แอบเลอะไปหน่อย แบบพวกทิชชู่ ถูกทิ้งตามพื้นเยอะ และที่ตลกอยู่อย่างนึงคือ มีวัยรุ่นชาวเวียดนามกลุ่มใหญ่มานั่งกินแหนมเนืองกับเบียร์จนกรึ่ม แบบ เฮ้ย! นี่นั่งกินเบียร์กับแหนมเนืองจนเมามายได้ยังไงกัน 555 เมืองไทยไม่มีฟิลแบบนี้นะ เห็นแล้วก็ฮาดีค่ะ อิ่มกันแล้วใช่ไหม ถ้าใช่ก็ไปเที่ยวกันต่อ ฝนก็ครึ้ม แต่ก็ไม่กลัว เพราะเรามีเสื้อกันฝนจ้า . . .

- - - - - - - - - - - - - -

พวกเราขี่มอไซค์ออกมาจากร้านแหนมเนืองก็น่าจะประมาณ 16.30 น. โอ้วโห้วววว คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกด้วย อภิมหาแห่งการขับขี่มอเตอร์ไซค์ขั้นเทพได้เริ่มขึ้นแล้ว ช่วงเวลาปกติรถเขาก็ขับขี่กันแบบปาดๆ ทิ่มๆ จะชนไม่ชนกันอยู่แล้ว แต่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเลิกเรียน และเลิกงาน และที่เด็ดคือ ถนนเส้นที่เราไปเป็นถนนเส้นที่มีโรงเรียนอยู่ติดกันประมาณ 3-4 โรงได้ โอ่ยยยยย! ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งมอเตอร์ไซค์ ทั้งจักรยาน ทั้งรถยนต์ ทั้งคนเดิน ทั้งคนข้าม พันลวันกันไปหมด เราทำได้ก็แค่ขี่ตามๆ เขาไป เกาะกลุ่มเขาให้ได้ เขาเบรคเราเบรค เขาหยุดเราหยุด เขาไปเราก็ไป เพราะให้ฉายเดี่ยวต้องมีชนแน่ๆ 5555 . . . . แต่ว่าการฝ่าการจราจรที่คับคั่น ก็ไมได้ช่วยให้เราไปถึง Dalat Cathedral หรือ โบสถ์ไก่ ได้ทันเวลา เพราะโบสถ์สีชมพูแสนสวยที่เราดูมาจากรีวิว ปิดซะแล้ว อดเข้า ฝนก็ใกล้จะตก เด็กนักเรียนก็เยอะ โอเค เรายอมแพ้ เอี้ยวหลังในขณะที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ หันไปถ่ายรูปโบสถ์จากด้านนอกได้ 1 แชะ! โอเค ไปที่อื่นก็ได้ . . .

- - - - - - - - - - - - - -

เราทำการดูสถานที่ที่น่าสนใจที่อยู่ในระแวกเดียวกับโบสถ์ไก่ ก็เลยเจอสถานที่อีกสถานที่นึง ที่แบบ มาดาลัท ใครๆ เขาก็มาที่นี่ นั่นคือ Crazy House นั่นเอง . . . ปกติ จะเห็นรีวิวพามาเที่ยว Crazy House แบบตอนกลางวันใช่ป่ะ แต่วันนี้ เราพามาในช่วงโพล้เพล้ค่ะ เก๋ไปอีก 55555 พอไปถึงเอามอเตอร์ไซค์ไปจอดข้างๆ ทางเข้า เสียค่าจอด 5,000 ดอง (7 บาท) จากนั้น ก็เสียค่าเข้าคนละ 50,000 ดอง 2 คน รวมเป็น 100,000 ดอง (140 บาท) เมื่อเข้าไปแล้วทำให้เราพบว่า Crazy House ที่เราดูข้อมูลมาจากรีวิว ที่เป็นการรีวิวช่วงกลางวัน มันไม่เหมือนกับที่เรากำลังสัมผัสในตอนนี้ มาช่วงโฟล้เพล้แบบนี้ มันมีไฟสวยๆ ให้เราดูด้วย ยิ่งเพิ่มความน่าพิศวงสมกับชื่อ Crazy House เข้าไปอีก และสิ่งที่เราพบจากที่นี่ ก็คือว่า นอกจากบ้านที่มีรูปทรงแปลกประหลาด และบันไดงงๆ ที่พาดไปพาดมา ตั้งแต่ชั้นล่าง ยันข้ามไปบนหลังคาบ้านแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวเมืองดาลัทที่สวยอีกแห่งนึงด้วย . . . เราขึ้นไปบนตึกชั้นสูงสุด สามารถมองเห็นตัวเมืองดาลัทได้เกือบทั้งหมด เมืองเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขา บ้านแต่ละหลังเริ่มเปิดไฟสีส้มดวงเล็กๆ ในขณะที่ภูเขาที่ห้อมล้อมเมืองค่อยๆ ถูกบดบังจากไอฝนและความมืดที่โปรยตัวลงมา เป็นความสวยงามอีกแบบที่ไม่จำเป็นจะต้องเห็นในตอนกลางวันก็ได้ เย็นๆ ค่ำๆ แบบนี้ก็สวยไม่แพ้กันเลย เราเดินเล่นใน Crazy House สักพัก ก็ตัดสินใจกลับ ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้น เอาหล่ะ ได้เวลาควักเสื้อกันฝนมาใช้ซะที . . . แต่ลืมไป รีวิวส่วนใหญ่เขาจะบอกว่า ที่ด้านหน้า Crazy House มีร้านขายโยเกิร์ต ที่อร่อยมาก เราว่าเราไม่ควรพลาดเรื่องอะไรแบบนี้ 555 ออกมาจาก Crazy House เราจึงมองหาร้านที่ว่า . . อ้าววว ร้านของเจ๊คนที่เก็บค่าจอดมอเตอร์ไซค์นี่เอง . . .

โยเกิร์ตของที่นี่จะมีให้เลือก 4 รส ด้วยกันคือ รสข้าวเหนียว รสถั่วดำ รสเสาวรส (ราคา 15,000 ดอง หรือ 21 บาท) และรสธรรมชาติ (ราคา 10,000 ดอง หรือ 14 บาท) เราสั่งรสธรรมชาติมา แล้วตักเข้าปาก . . . เฮ้ยยย! คืออร่อยจริง หวานละมุนมาก เปรี้ยวเบาๆ คือดีจริงๆ ควรโดน อย่าลืม ถ้ามา Crazy House ต้องหาและลองกินดูนะ เชื่อเรา !

- - - - - - - - - - - - - -

ขี่มอเตอร์ไซค์กลับออกมาจาก Crazy House คุณพระ! ฝนตกอย่างหนัก ไม่ไหวๆ กลับโรงแรมก่อนดีกว่า แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าคืนนี้เราจะได้ไปตะลุย Night Market หรือเปล่า เดี๋ยวมาลุ้นกัน

รอเวลาอยู่บนห้องประมาณครึ่งชั่วโมง สถานการณ์ฝนน่าจะดีขึ้น เราเลยตัดสินใจออกไปเดินเที่ยว Night Market ดีกว่า . . . ความเฉอะแฉะของถนนหนทางเป็นอุปสรรคนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร เราอยากมาดู เราอยากมาชม ว่าที่นี่เขามีอะไรดีและน่าสนใจบ้าง . . . แต่วันนี้สงสัยฝนตก เลยทำให้ร้านรวงต่างๆ ไม่ได้ออกมาตั้งร้าน แต่ก็ยังพอมีความคึกคักให้เห็นอยู่บ้าง เราตัดสินใจเดินหาร้านหอย ที่เขาบอกว่าจะตั้งร้านอยู่แถวๆ วงเวียน แต่ก็ไม่เจอ ก็เลยเดินเข้าซอยข้างวงเวียนไปเรื่อยๆ ทันใดนั้น ท่ามกลางร้านขายเสื้อผ้า มีร้ายหอยร้านเล็กๆ ซ่อนอยู่ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจึงปรี่เข้าไปสั่งทันที . . . เราสั่งหอยจุ๊บต้มกะทิ หอยตลับ และหอยอีก 1 อย่างที่แม่ค้าเชียร์นักเชียร์หนาว่า “Vietnam good!!!” โอเค กู้ดก็กู้ด จัดไป . . . รอไม่นาน หอยต่างๆ ก็ถูกเสิร์ฟมาไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ที่เรานั่งอยู่ รสชาติใช้ได้ทุกเมนู และที่สำคัญ อิหอย Vietnam good ที่แม่ค้าบอก มันกู้ดจริงๆ เมนูนี้ที่ร้านเอาไปต้ม ทำให้เนื้อหอยที่เรากินมีลักษณะเหมือนกินหอยเป่าฮื้อเลย ดีงามมาก จบมื้อนี้ คิดค่าเสียหายมา 200,000 ดอง ( 280 บาท )

กินหอยเสร็จก็เหมือนจะอิ่มนะ แต่อยากหาอะไรใส่ท้องให้มันอิ่มจริงๆ อีกสักหน่อย และแน่นอน มาถึง Night Market แล้วก็ต้อง “พิซซ่าเวียดนาม” สิ อันนี้ไม่รีวิวว่าเป็นร้านไหน แต่คิดว่าร้านไหนก็ได้ เพราะดูแล้วเหมือนๆ กัน ยังกะเฟรนชายด์ 5555 เลือกๆ จิ้มๆ เอาเลยร้านไหนก็ได้ค่ะ . . . พิซซ่าเวียดนาม สำหรับเรา เราชอบนะ เป็นของกินเล่นแบบเบาๆ ที่รสชาติอร่อย เหมือนลูกผสมระหว่างโตเกียวไส้เค็ม กับขนมเบื้องไส้หวาน รสชาติอร่อยเลยทีเดียว อันนี้ควรกินไม่ควรพลาดค่ะ . . .

จะอิ่มไหม? อ๋อ ยังค่ะ ขออีกหน่อย 555 เดินเที่ยวดูร้านค้าต่างๆ ไปเรื่อยๆ ฟิลเหมือนเดินงานกาชาด เดินไปสักพักก็เจอร้านปิ้งย่างเสียบไม้ เป็นร้านรถเข็นเรียงรายเต็มไปหมด เหมือนเดิมค่ะ ไม่รีวิวร้าน จะเข้าร้านไหนก็ได้คิดว่าไม่ต่างกัน เราก็เลือกร้านนึง สั่งมากินที่โต๊ะเตี้ยๆ ข้างถนน สำหรับเรา ร้านปิ้งย่างรถเข็นพวกนี้ ถ้าอยากได้ฟิลแบบกินสตรีทฟู้ดที่เวียดนามก็พอได้อยู่ แต่ถามว่าอร่อยไหม เราว่าเฉยๆ หมูปลาร้า หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง ข้าวเหนียว หม่าล่า บ้านเราเด็ดกว่าเยอะค่ะ แต่ก็เอาเถอะ บอกว่าเขาธรรมดารสชาติเฉยๆ ก็ซัดไป 10 กว่าไม้ รวมแล้วราคา 140,000 ดอง (196 บาท) ปากมันกลับโรงแรมกันเลยทีเดียว . . . ก่อนเดินกลับก็หันไปเห็นมันเผา หอมเชียว มีคุณยายแก่ๆ ขายอยู่ เอ้า! รออะไร ก็ซื้อเซ่ !!! ได้มันกลับโรงแรมมาอีก 1 หัว เอ้า! เอาให้สุด ก่อนกลับโรงแรมเจอร้านขายเบเกอรี่ชื่อ ร้าน Lien Hoa ก็เลยเดินเข้าไปดูว่ามีอะไรขายบ้าง เห็นคนเยอะ พอดข้าไปถึง อันนั้นก็น่าซื้อ อันนี้ก็น่าซื้อ สรุปสุดท้ายก็บอกกับตัวเองว่า ... ซื้อต่อไม่รอแล้วนะ!! 55555 เอาเป็นว่า กลับห้องมาพร้อมกับมันเผา วุ้นผลไม้ ชีสเค้ก คัสตาด และนมดาลัท จำเริญเพลินใจ ราตรีสวัสดิ์ แค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ยังอยู่เที่ยวดาลัทต่ออีก 1 วัน รีบนอนจ้า ไปจ้ะ ไปนอน . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เดี๋ยวมาติดตามกันต่อน้า

#WhereWeGo
#เที่ยวเวียดนาม 
#เที่ยวดาลัท

 

เนื้อหาโดย: sonew
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sonew's profile


โพสท์โดย: sonew
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยชาวมุสลิมตันหยงมัสปลื้มใจบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไม่แบ่งแยกศาสนาiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!วันนี้ที่รอคอย! กอดทั้งน้ำตา..หนุ่มตามหาแม่แท้ๆ นานกว่า 29 ปีจนเจอราศีที่อ่อนไหวและอ่อนแอที่สุดหนังเรื่อง "คนกราบหมา" ได้เข้าฉายหลังจากถูกแบนมา 25 ปีเกมพลิก!! เมื่อหนุ่ม ๆ เเอบเเม่ไปหาปลา เกือบโดนด่า เเต่พอเห็นลูกได้ปลาตัวใหญ่กลับบ้าน เสียงเปลี่ยนทันทีเลยนะเเม่สาว "เจี๊ยบ" ทำเนียนเดินรวมกับ นร.ญี่ปุ่น..ทำเอาหนุ่ม "บอย" ถึงกับแยกไม่ออก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นกอันตรายที่สุดในโลกเกิดเหตุม้วนเหล็กกลิ้งทับคนตายรีวิวแกะกล่อง G.I.JOE THE RISE OF COBRA จีไอโจ สงครามพิฆาตคอร้าทมิฬ ในรูปแบบ Blu-ray discชาวมุสลิมตันหยงมัสปลื้มใจบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไม่แบ่งแยกศาสนาของในร้านนี้หยิบได้ฟรีทุกชิ้น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
ของในร้านนี้หยิบได้ฟรีทุกชิ้นอะเมซิ่งไทยแลนด์ ! แพร่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ นักท่องเที่ยวทะลักแห่เที่ยว ฉลองสงกรานต์ 5 วัน เงินสะพัดกว่า 100 ล้าน พลิกโฉมหน้าก้าวสู่เมืองหลักอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยๆ ในลำปางแจกสูตร ทำสังขยาใบเตย ทำง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน
ตั้งกระทู้ใหม่