ก.คลังไฟเขียวธอส.ขยายโครงการบ้านล้านหลังแล้ว
จากกรณีที่ครม.ได้เห็นชอบให้ธอส.จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง มุ่งสร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงานหรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว เตรียมกรอบวงเงินสินเชื่อ 60,000 ล้านบาทนั้น
โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา ที่มีการเปิดใจจองสิทธิวันแรก บรรยากาศที่ธอส. สำนักงานใหญ่ ลูกค้าประชาชนจำนวนมากต่างทยอยเดินทางมารอจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง กับธอส. อย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้ารายแรกที่มาถึงคือยังหน้าสำนักงานใหญ่คือ คุณปุณณภา แก้วบัวดี อายุ 42 ปี ทราบว่าเดินทางมาจากเขตมีนบุรี ประกอบอาชีพแม่บ้าน มาถึง ธอส. ตั้งแต่ 21.30 น.ของคืนวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
อ่านข่าว : คิวทะลักล้นรอแต่ค่ำวานซืน จองบ้านล้านหลัง "ธอส."จัดราคาต่ำล้าน "สมคิด"สั่งขยายโครงการเพิ่ม
ล่าสุดทางด้านนายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานธนาคารอาคารสงเคราะห์ ( ธอส. ) เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว. การคลัง ว่า รมว.การคลัง มอบนโยบายให้ ธอส. ช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการจะมีที่อยู่อาศัยให้ได้มากที่สุด เนื่องจากในการเปิดรับจองสิทธิโครงการบ้านหลังแรกรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา มีประชาชนจากทั่วประเทศยื่นขอสินเชื่อมารวมกันกว่า 1.3 แสนล้านบาท สูงกว่ากรอบวงเงินที่ตั้งไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้รมว.การคลัง ยังได้สั่งให้ ธอส. สรุปยอดผู้ขอสินเชื่อและให้เสนอแผนขยายวงเงินและระยะเวลาโครงการออกไป เพื่อเสนอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณา ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี ( ครม. ) เห็นชอบโครงการในส่วนที่ขยายเพิ่มต่อไป
โดยทางด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า หลังจากนี้ธนาคารจะเริ่มตรวจคุณสมบัติผู้ยื่นเอกสารเรียงตามลำดับ และประกาศรายชื่อทาง www.ghbank.co.th รวมถึงการส่งข้อความอัตโนมัติ หรือ เอสเอ็มเอส เริ่มในวันที่ 25 ธ.ค. 2561 เพื่อให้ผู้ที่มีรายชื่อได้เตรียมยื่นเอกสารประกอบในการขอสินเชื่อซึ่งจะเริ่มให้นำเอกสารเข้ามายื่นขอสินเชื่อที่สาขาได้ตั้งแต่ 2 ม.ค. 2561หรือต้องติดต่อยื่นคำขอกู้กับธนาคารภายใน 90 วันโดยกำหนดวงเงินปล่อยกู้รอบแรกที่ 3 หมื่นล้านบาท
สำหรับในรอบแรกที่ปล่อยกู้ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อดูว่าคนที่รายชื่อตามประกาศจะเข้ามาขอสินเชื่อจริงเท่าไหร่ และวงเงินที่ขอสินเชื่อจะเต็มจำนวน 3 หมื่นล้านบาทหรือไม่ เพราะยอดที่ยื่นในคำขอจะอยู่ที่ 1 ล้านบาท แต่ในการปล่อยสินเชื่อจริง ทรัพย์เช่น บ้านหรือ คอนโด อาจจะมีวงเงินไม่ถึง เช่น อาจมีราคา 8-9 แสนบาท ซึ่งธนาคารจะสรุปยอดจำนวนคนและวงเงินสินเชื่อในรอบแรกได้ช่วงเดือน ก.พ. 2562 เพื่อนำยอดที่เหลือมารวมกับยอดหลังอีก 2 หมื่นล้านบาท ที่จะมีการทยอยประกาศรายชื่อในระยะต่อมา รวมถึงจะพิจารณาเรื่องการเปิดโครงการในเฟสต่อไปด้วย
และขอยืนยันว่าผู้จองสิทธิที่มีรายชื่อติดบัญชีเครดิตบูโรยังมีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังได้ เพราะธนาคารจะผ่อนปรนโดยพิจารณาจากความสามารถการชำระหนี้และประวัติการกู้เป็นรายบุคคลไป นอกจากนี้ธอส.ยังเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีเอกสารไม่เพียงพอหรือขาดเอกสารการเงินที่ชัดเจน ให้นำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้านหรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือน มาประกอบการพิจารณาเพื่อคำนวณรายได้เพิ่มได้ ขณะเดียวกันยังจัดโครงการ ธอส.โรงเรียนการเงิน ช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงิน ซึ่งถ้ามีประวัติการออมสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 9 เดือน สามารถใช้เป็นหลักฐานที่มาของรายได้หรือนำค่าเช่าวงเงินที่ผ่อนชำระเงินดาวน์ที่อยู่อาศัยมานับรวมเป็นการออมได้ด้วย
อย่างไรก็ตามข้อมูลเบื้องต้น ภาคที่มียอดจองสูงที่สุด คือ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดจอง 2.9 หมื่นล้านบาท สาขาภาคใต้ มียอดจอง 2.7 หมื่นล้านบาท สาขาภาคกลาง ยอดจอง 1.9 หมื่นล้านบาท กรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดจอง 1.8 หมื่นล้านบาท สาขาภาคตะวันออก 1.6 หมื่นล้านบาท สาขาภาคเหนือ ยอดจอง 1.3 หมื่นล้านบาท และสาขาภาคตะวันตกยอดจอง 5 พันล้าน
สำหรับวงเงินที่รัฐบาลเปิดเพดานรองรับการใช้สิทธิจองโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลังครั้งนี้ จำนวน 5 หมื่นล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3% ต่อปี นานสูงสุดถึง 5 ปีแรกโดยแบ่งเป็น
1.สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อยวงเงิน 50,000 ล้านบาทให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก 3.00% ต่อปี ผ่อนชำระเพียง 3,800 บาท/เดือน พ่วงค่าธรรมเนียม 4 ฟรี
2.สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จัดทำที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมดของโครงการ ดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR–1.25% ต่อปี กำหนด Kick Off โครงการภายในเดือนธันวาคม 2561
แหล่งที่มา: TNEWS