3 เทรนด์ E-commerce ที่จะมาแรงในปี 2019
อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีอีกแล้วนะครับ สำหรับในปี 2018 นี้ถือว่าเป็นปีทองของอีคอมเมิร์ซเลยก็ว่าได้ ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายผ่านธุรกิจออนไลน์มากขึ้นจริงๆ และสำหรับปี 2019 จะเป็นปีที่ดีขึ้นไปอีก ยอดขายทั่วโลกจะต้องโตขึ้นอีก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในวงการนี้ ลองจับกระแส 3 Trends อีคอมเมิร์ซที่จะเจริญรุ่งเรืองภายในปีหน้าได้ตามนี้เลยครับ
1. สัมผัสได้ด้วยตา
“ภาพ” คือวิธีที่ดีที่สุดในการนำเสนอสินค้า เมื่อพูดถึงการชอปปิงออนไลน์ คนที่คิดจะซื้อต้องสามารถมองลึกไปในทุกรายละเอียด เพื่อให้เขาได้ตัดสินใจซื้อได้ โดยไม่ผิดหวังในภายหลัง
อุปสรรคหนึ่งในระหว่างที่คิดกับตัดสินใจซื้อคือ พวกเขามักไม่แน่ใจว่า ภาพกับของจริง ๆ ที่จะได้จะเหมือนกันไหม โดยเฉพาะในหมวดสินค้าระดับหรู เนื่องจากพวกเขาไม่ได้สัมผัสสินค้านั้น การนำเสนอด้วยภาพที่มีคุณภาพสูงในมุมมองต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่านั้นที่จะเอาชนะความลังเลได้
ขั้นที่ 1 ของเทรนด์นี้ก็คือ ทำให้ภาพซูมได้และแน่ใจว่า ใช้ภาพคุณภาพสูงพอในการขยายได้ โดยที่ไม่เสียเวลาในการดาวน์โหลดนาน (ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการคลิกลดลงถึง 39%)
ขั้นที่ 2 เพื่อเพิ่มประสบการณ์การชอปให้มากขึ้น ผู้ขายควรใช้วิดีโอสาธิต หรือ demo video เพื่อโชว์สินค้า ซึ่ง 52% ของคนที่ได้เห็น บอกว่าวิดีโอช่วยให้พวกเขามั่นใจในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น
ขั้นที่ 3 ภาพ 3D หรือการสร้างภาพสามมิติ เช่น American Greetings ผู้สร้างสรรค์และผลิตสินค้าประเภทแสดงความยินดีหรือโอกาสต่าง ๆ ทางสังคม ได้นำภาพ 3D มานำเสนอแก่ผู้ชมเว็บไซต์ เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ ๆ อย่างความวิบวับ ฟอยล์ ลายนูน หรือกิมมิคอื่น ๆ ของการ์ดอวยพร ซึ่งยากที่ชื่มชมและสัมผัสได้แบบลึกซึ้งด้วยภาพแบบ 2D
สรุปกันอีกครั้งสำหรับข้อแรกนี้คือ การผสมผสานด้วยภาพ 3D การซูมแบบไม่มีรอยต่อ ไร้รอยสะดุด และการเข้าถึงสินค้าแบบไร้ข้อจำกัด การชอปออนไลน์จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ล้ำและเกินคาดสำหรับลูกค้าในปี 2562
2. รู้ใจคนด้วย AI
ทุกวันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อนาคตของอีคอมเมิร์ซขึ้นอยู่กับ AI (artificial intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์) จาก 3D avatar ประจำตัวและที่ปรึกษาด้านแฟชันแบบเวอร์ชวล ที่โต้ตอบกับเราได้ ไปถึงการรวบรวมข้อมูลของ AI อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพื่อเพิ่มยอดขาย AI ก็คือแนวหน้าในการปฏิวัติอีคอมเมิร์ซ
เนื่องจากการตัดสินใจในเรื่องธุรกิจต้องพึ่งพาข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ ความต้องการที่จะใช้เครื่องมือในการวัดก็สูงขึ้นด้วย อัตรา conversion rate ทราฟิกของเว็บไซต์ และระดับการมีส่วนร่วมหรือ engagement ของลูกค้าจึงสำคัญ เพื่อนำทางให้นักการตลาดในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องข้อมูลที่ไม่มีอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้สามารถหาได้แล้ว โดยเจ้า AI นี้จะสามารถติดตามวิถีของผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าว่าเขามีการโต้ตอบกับภาพของสินค้าที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ร้านอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น ภาพ 2D หรือ 3D ก่อนประมวลผลมานำเสนอเป็น Heat Map หรือแผนที่ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมาใช้ตัดสินใจ เครื่องมือ AI จะทำให้สามารถเน้นจุดที่ลูกค้าสนใจและนำเสนอมุมที่ดีที่สุดสำหรับการวางตำแหน่งสินค้า
ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ได้จาก AI ผู้ค้าอีคอมเมิร์ซจะสามารถพัฒนามุมมองด้านภาพของสินค้า เลือกชุดเลือกสีได้แบบโดนใจ และนำของที่ขายดีที่สุดมาวางไว้ด้านหน้าให้คนเลือกซื้อ พร้อมทั้งทำให้ผู้ค้าสามารถติดตามสิ่งที่เขานำเสนอกับลูกค้าและดูสิ่งที่ลูกค้าสนใจได้ ในไม่ช้า ความคาดหวังของคนซื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้คำว่า “เร็ว ๆ นี้” กลายเป็น “เดี๋ยวนี้” อย่างแน่นอน
3. ไร้รอยต่อในร้านค้าจริง
เมื่อพูดถึงอนาคตของอีคอมเมิร์ซ พ่อค้าแม่ขายก็ดูเหมือนจะเดินไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวหลังมองร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ทั่วทุกแห่งหน แต่อย่างไรก็ดี มีอะไรบางอย่างที่การซื้อตามร้านจริง ๆ ให้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากการชอปออนไลน์แม้แต่Amazon กับ Alibaba ก็ยังทดสอบพลังแห่งการชอปของร้านค้าที่มีอยู่บนโลกจริง ไม่ใช่โลกเสมือน
อย่างตอนนี้ Amazon ได้เปิดร้านจริงๆ ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก คนที่เข้าไปชอปรีวิวให้ร้านนี้ในระดับ 4 ดาวทีเดียว ด้วยการใช้เวอร์ชวลมาทาบทับการขายบนร้านที่จับต้องได้ พร้อมทั้งคัดสรรสินค้าไอเท็มเด็ดๆ ที่เป็นเบสต์เซลเลอร์ส่งตรงมาให้ลูกค้าชอปกันถึงในร้าน
ส่วนเครือ Alibaba ก็เพิ่งจะเปิดตัวร้านต้นแบบ FasionAI นำเสนอวิธีการในการเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยความช่วยเหลือของ AI ร้านนำร่องนี้ให้บริการเฉพาะวันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์ที่ Hong Kong Polytechnic University ซึ่งมีนวัตกรรมอย่าง “กระจกอัจฉริยะ” ที่แสดงข้อมูลของสินค้าที่ลูกค้าสนใจ เมื่อลูกค้านำสินค้านั้นมาลองหน้ากระจก พร้อมให้คำแนะนำถึงไอเท็มอื่น ๆ ที่แมตช์กับสิ่งที่ลูกค้าจะเลือกซื้อ
อีกวิธีในการนำประสบการณ์ชอปแบบดิจิทัลมาไว้ในร้านค้าจริงคือ “ป้ายดิจิทัล” หรือ Digtal Signage จะทำให้เกิดการเติมเต็ม ด้วยลูกเล่นที่ก่อให้เกิดการโต้ตอบกัน เพิ่มการมีส่วนร่วม และทำให้เกิดประสบการณ์ omnichannel ระหว่างร้านค้าออฟไลน์กับร้านค้าออนไลน์แบบไร้รอยต่อ
ตู้คีออสก์แบบอินเทอร์แอ็กทีฟนี้จะรวมเอาสินค้าที่หลากหลาย และขึ้นอยู่กับผู้ผลิตซอฟต์แวร์ของป้ายดิจิทัลว่า จะเล่าเรื่องอย่างไร บ้างอาจจะนำเสนอในรูปแบบหนังสั้นของแบรนด์สินค้า บ้างอาจจะโฟกัสไปที่การนำเสนอภาพ 3D หรือจะใช้ทั้งคู่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลูกค้าจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งนอกจากการนำเสนอภาพสินค้าที่ดีขึ้นแล้ว ในปีหน้า ป้ายดิจิทัล จะช่วยให้ลูกค้าเบราว์สเลือกสินค้าที่ไม่มีอยู่ในร้านจริง สั่งซื้อผ่านโค้ด และสั่งให้ไปส่งถึงบ้านได้
บทสรุป
การพัฒนาในเรื่องภาพของสินค้า การใช้ AI ในการวิเคราะห์เชิงลึกและสร้างการมีส่วนร่วม และการฟื้นฟูปฏิวัติร้านค้าแบบดั้งเดิม คือเทรนด์ที่กำลังมาในปี 2019 เทรนด์เหล่านี้เมื่อนำมาผสมผสานใช้ด้วยกัน จะสร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจ ช่วยกระตุ้นยอดขาย และปูทางสู่การสร้างนวัตกรรมของแบรนด์ ตลอดจนการสร้างประสบการณ์ที่น่าพอใจให้แก่ลูกค้าในอนาคต