ก.แรงงานออกกฏหมายใหม่ ดูแลลูกจ้าง 1 ล้านคน ได้รับเงินทดแทนบังคับใช้แล้ว
กระทรวงแรงงาน เตรียมบังคับใช้ พ.ร.บ. เงินทดแทนฉบับใหม่ ให้ความคุ้มครอง “ลูกจ้างรัฐ-มูลนิธิ-สถานทูต” เป็นครั้งแรก กำหนดให้ นายจ้างต้องจ่ายเงินเข้ากองทุน รายละ 480 บาทต่อปี ลงทะเบียน 9 ธันวาคม 2561-7 มกราคม 2562 ย้ำนายจ้างไม่ดำเนินการโดนปรับแน่
รายงานข่าวเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 15 พ.ย.61 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน แถลงถึงกรณีการ เตรียมบังคับใช้ พ.ร.บ.เงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
ภายหลังประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม และมีผลบังคับใช้วันที่ 9 ธันวาคม ว่า พ.ร.บ. เงินทดแทน ฉบับนี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับผู้ประกันตน 14 ล้านคน
โดยกฎหมาย ฉบับนี้จะขยายการดูแลเพิ่มเติมไปยังลูกจ้าง 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ลูกจ้างของส่วนราชการ จำนวน 902,000 คน
2.ลูกจ้างซึ่งทำงานในองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เช่น สมาคม มูลนิธิ จำนวน 100,000 คน
และ 3.ลูกจ้าง ซึ่งได้รับการจ้างงานในประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ
รวมแล้วทั้ง 3 กลุ่ม มียอดรวมไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบับจากเดิมจะคุ้มครองเฉพาะผู้ประกัน ม.33 ที่ทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนทั่วไป
โดยที่นายจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายเงินเข้ากองทุนทดแทนแต่เพียงผู้เดียว โดยจ่ายให้ลูกจ้างของลูกจ้างทั้ง 3 กลุ่มคนละ 480 บาท หรือคิดเห็นร้อยละ 0.2 ของเงินเดือน
ทั้งนี้ การจ่ายเงินเข้ากองทุนดังกล่าวเพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิ์คุ้มครอง 4 กรณี คือ
1 เพิ่มอัตราค่าทดแทนกรณีต่างๆ จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน
2 เพิ่มระยะ เวลาการจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้าง ทุพพลภาพ เป็นไม่น้อยกว่า 15 ปี จากเดิมไม่เกิน 15 ปี หรือตลอดชีวิต
3 เพิ่มระยะเวลาการจ่ายค่าทดแทนแก่ทายาท กรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหายมีกำหนด 10 ปี จากเดิมกำหนด 8 ปี
4 เพิ่มการจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างเท่ากับกองทุนประกันสังคม จำนวน 40,000 บาท จากเดิมจ่ายให้ 100 เท่าของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน
นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังกำหนดให้นายจ้างที่ได้จ้างงานวิธีเหมาค่าแรง จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเงินทดแทนเป็นครั้งแรก ซึ่งปัจจุบันมีการจ้างงานแบบเหมา ค่าแรงเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการลดความ เหลื่อมล้ำ ให้คนเหล่านี้ได้รับสิทธิตามกฎหมายเป็นครั้งแรก อีกทั้งในกรณีที่ลูกจ้างเสียชีวิตแต่ยังมีบุตรที่อายุเกิน 18 ปี ที่ยังศึกษาอยู่ไม่เกินกว่าระดับปริญญาตรีก็จะได้รับสิทธิเงินทดแทนจนกว่าจบปริญญาตรีด้วย
ส่วนนายจ้างจะได้รับประโยชน์จากการที่ปรับลดเงินเพิ่มตามกฎหมายจากเดิมร้อยละ 3 ต่อเดือน ลดลงเหลือร้อยละ 2 ต่อเดือน และกำหนดเกณฑ์การคำนวณเงินเพิ่ม กรณีนายจ้างค้างชำระเงินสมทบ โดยกำหนดให้จำนวนเงินเพิ่มต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย จากเดิมไม่ได้กำหนดเพดานเงินเพิ่มไว้
“ขณะนี้ สปส.ได้เพิ่มช่องทางการจ่ายเงินของนายจ้าง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงขอให้นายจ้างเตรียมตัวมาขึ้นทะเบียนลูกจ้างทั้ง 3 กลุ่มภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2561 ไปถึงวันที่ 7 มกราคม 2562 หากไม่มาดำเนินการจะมีโทษปรับตามกฎหมาย”พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ รักษาการเลขาธิการ สปส. กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม ปี 2560 พบว่า มีผู้ประกันตนเข้ามาใช้บริการเงินกองทุน ทดแทนแล้วกว่า 5.8 หมื่นคน และปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม มีประมาณ 4.8 หมื่นคน วงเงินรวมกว่า 1-2 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งตอนนี้กองทุนทดแทนมีเงินหมุนเวียนอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท