แจกโปรแกรมคำนวณวันไข่ตกฟรี! พร้อม 5 วิธีนับวันไข่ตกเพื่อการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติ
หากใครกำลังหาวิธีปั๊มลูกแบบธรรมชาติอยู่ ก็ขอให้อ่านบทควมมนี้ ! เพราะเรามีวิธีเด็ดๆ มานำเสนอ นั่นก็คือ “วิธีนับวันไข่ตก” ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงมีโอกาสตั้งครรภ์เพิ่มสูงขึ้น แบบปลอดภัย ทำได้ง่ายๆ และที่สำคัญ คือทำได้ทุกเดือน ไม่เปลืองตังด้วยนะเออ!
ถ้าอยากรู้ก็มาอ่านกันเล้ยยยย!
นับวันไข่ตก ช่วยอะไร ?
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจยังมีคำถามคาใจอยู่ว่า แล้วการนับวันไข่ตกนั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างไร?
การตั้งครรรภ์จะเกิดขึ้นได้ในช่วงที่เพศหญิงกำลังไข่ตก การเล็งช่วงเวลาในการปั่มปั๊มให้ตรงวันที่ไข่ตก หรือประมาณ 2 วันก่อนหน้าวันไข่ตก ก็ยิ่งช่วยให้มีโอกาสท้องสูงมากขึ้น แต่ที่สำคัญที่ควรเน้นเลยคือห้ามลืมว่าไข่ของเพศหญิงมีอายุเพียง 24 ชั่วโมง และสเปิร์มของเพศชายจะอยู่รอดในร่างกายของผู้หญิงได้เพียง 5 วันโดยประมาณเท่านั้น การกะช่วงการมีเพศสัมพันธ์ให้ตรงกับวันไข่ตก จึงสำคัญมากนั่นเอง ซึ่งเราก็มีเคล็ดลับเด็ดๆ ในการนับวันไข่ตกง่ายๆ มาฝากกันดังนี้ค่ะ
1. นับรอบเดือนให้แม่นยำ
ระยะของรอบเดือน จะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน จนถึงวันสุดท้ายก่อนมีประจำเดือนครั้งต่อไป ยกตัวอย่างเช่น เดือนที่แล้ว ประจำเดือนมาวันแรกในวันที่ 1 ม.ค. พอเดือนนี้ประจำเดือนก็มาวันแรกในวันที่ 1 ก.พ. ดังนั้น ระยะของรอบเดือนคือ 1 – 31 ม.ค. = 31 วัน นั่นเองค่ะ
การนับรอบเดือนแบบนี้ จะช่วยระบุวันไข่ตกได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอแต่หากเพื่อนๆ คนไหนยังงงกับการคำนวณอยู่ เราก็มีลิ้งค์โปรแกรมคำนวณวันไข่ตกอัจฉริยะมาฝากกันค่ะ
https://www.myhoneybun.com/ovulation-calculator/
2. ตรวจปัสสาวะ หรือตรวจน้ำลาย
การตรวจปัสสาวะ หรือตรวจน้ำลาย เป็นการนับวันไข่ตกที่ต้องอาศัยอุปกรณ์เฉพาะ ซึ่งการตรวจแบบใช้ปัสสาวะ คือการตรวจหาฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (LH: Luteinizing Hormone) ที่จะเพิ่มขึ้น 2 – 5 เท่าก่อนวันไข่ตก และหากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 48 ชั่วโมงหลังตรวจพบฮอร์โมน LH ในระดับสูงสุด ก็จะช่วยให้คุณผู้หญิงมีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้น
ส่วนการตรวจด้วยน้ำลาย คือการนำกล้องจุลทรรศน์แบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มาส่องตรวจตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งในช่วงก่อนไข่ตก จะส่องพบว่าเกลือในน้ำลายแข็งตัวจนมีลวดลายคล้ายใบเฟิร์น อันเป็นผลมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนจะสูงขึ้น และปริมาณเกลือในน้ำลายสูงขึ้น ดังนั้น หากส่องพบลวดลายดังกล่าวก็เตรียมตัวปั๊มทายาทได้เลย เพราะลวดลายนี้เป็นตัวบอกว่าคุณจะไข่ตกในอีก 1 – 2 วันนี้ค่ะ
3. จดวัดอุณหภูมิร่างกาย
ก่อนการตกไข่ อุณหภูมิในร่างกายของผู้หญิงจะลดลงภายใน 12 – 24 ชั่วโมง และจะลดลงไปอีกเรื่อยๆ จนต่ำที่สุดในวันที่ไข่ตก แต่หลังจากนั้น อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส ไปจนกว่าจะมีรอบเดือนครั้งต่อไป ซึ่งหากว่าที่คุณแม่คนไหนอยากเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ก็ลองจดอุณหภูมิในร่างกาย เพื่อหาวันที่เหมาะสมในการมีเพศสัมพันธ์ดูนะคะ
หากวัดอุณหภูมิร่างกายแล้วพบว่า อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะแบบนี้แปลว่าเลยช่วงไข่ตกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถเก็บสถิติไปเรื่อยๆ ต่อไปได้ เพื่อเป็นข้อมูลที่แม่นยำสำหรับเดือนถัดไปค่ะ
4. สังเกตมูกที่ปากมดลูก
หากมูกที่ปากมดลูกมีลักษณะคล้ายไข่ขาวดิบ ใสๆ ลื่นๆ และยืดหยุ่นกว่าปกติ ก็แปลว่าอยู่ในช่วงวันที่ไข่ตก หรือในช่วงก่อนและหลังไข่ตกไม่กี่วันแล้ว ซึ่งที่มูกเปลี่ยนไปมีลักษณะดังกล่าวก็เพื่อช่วยให้สเปิร์มเคลื่อนที่เข้าสู่มดลูกได้สะดวกขึ้นนั่นเอง ดังนั้น หากสังเกตุเจอมูกแบบนี้ ก็เตรียมตัวปั๊มเบบี้กันได้เลย แต่ทั้งนี้ การมีเพศสัมพันธ์ การใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยหล่อลื่น หรือการใช้ยาบางประเภทก็อาจส่งผลต่อลักษณะของมูกที่ปากมดลูกได้นะคะ
5. สังเกตอาการแปลกอื่นๆ
ในช่วงวันไข่ตก บางคนอาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยข้างเดียว เนื่องจากรังไข่ข้างที่เจ็บเป็นข้างที่ผลิตไข่ในรอบเดือน หรืออาจมีความต้องการทางเพศสูงขึ้น เพราะสัญชาตญาณการสืบพันธุ์และการที่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณช่องคลอดมากขึ้น ซึ่งหากเริ่มแสดงอาการเหล่านี้ ก็เตรียมกระซิบสามีมาปั๊มทายาทได้เลย เพราะเป็นสัญญาณของวันไข่ตกที่ใกล้เข้ามาแล้วค่ะ