พี่สาวเล่า เรื่องผี!!
ประสบการณ์ เจอผี!!!!!
_____พ่อพี่เขย____
เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นประสบการณ์เจอผีของพี่สาวเราเอง
เรื่องราวนี้ ผ่านมาประมาณ 17 ปีแล้วนะคะ
แต่ทว่า พี่สาวเรายังจำได้ไม่มีลืม บ้านแฟนพี่สาวเราอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ตัวบ้านของแฟนพี่สาวนั้นอยู่ติดวัด ทางเข้าบ้านจะมีซอยเล็กๆติดกับวัดเลยคะ ต้องเลาะข้างๆรั้ววัดเข้าไป บริเวณบ้านนี่แบบว่า มีเพียงรั้วที่กั้นวัดกับบ้านไว้เท่านั้นคะ ถ้าอยู่บ้าน จะมองเห็นภายในวัดได้อย่างชัดเจนทุกซอกทุกมุมก็ว่าได้ โดยเฉพาะเมรุนี่ จะมองเห็นทุกขั้นตอนของการทำกิจกรรมที่วัดเลยคะ ทั้งแสงสีเสียงคะ
มาเข้าเรื่องกันเลยนะคะ ตอนพี่เราอยู่กินกับแฟนใหม่ๆ (ขอเรียกง่ายๆว่าพี่เขยละกันนะคะ)
ช่วงที่พี่สาวกับพี่เขยอยู่กินกันมาได้สัก5-6ปี ช่วงระหว่างนั้น พ่อพี่เขยยังแข็งแรงดี เเต่พอมาช่วงหลังๆ ด้วยอายุของท่านที่มากขึ้น ท่านก็มีอาการป่วย และอาการป่วยของท่านค่อนข้างหนักมาก เพราะตรวจเจอโรคร้ายและยังมีอีกหลายโรคเเทรกซ้อนด้วย แต่ท่านก็สู้กับโรคเหล่านั้น แต่สู้มาได้สักพัก ท้ายสุด ท่านก็จากไป อายุท่านตอนนั้น71 ปี
หลังจากท่านจากไป ทางครอบครัวพี่เขยก็จัดงานซึ่งก็จัดที่บ้านนั้นเเหละ จัดงาน 3 วันตามประเพณีทั่วไปคะ
จนกระทั่ง มาถึงวันเผา พี่เขยและลูกหลานอีกหลายคนก็บวชหน้าไฟ ในวันเผาคนมาร่วมงานเยอะมากๆ ณ ตอนที่ทำพิธีเสร็จแล้วเหลือแค่ให้ ญาติทยอยกันขึ้นไปวางดอกไม้จันท์ พี่เขยและญาติๆที่บวชหน้าไฟด้วยกันหลังทำกิจแล้ว ได้ไปยืนรวมกันอยู่ข้างเมรุ พี่สาวเราก็กำลังเดินขึ้นไปวางดอกไม้จันท์ให้ท่าน พี่เขยมองมาที่พี่สาวและชี้ให้ดูรอยแดงที่แขน ซึ่งขนาดมองแบบไกลๆยังเห็นชัดว่ามันแดงมากๆเหมือนคนไปตีหรือแขนไปกระแทกโดนอะไรมาคะ แต่พี่สาวเราก็ไม่ได้ถามอะไร เนื่องจากคนมาร่วมงานเยอะเลยค่อนข้างชุลมุน
จนกระทั่งจบงาน หลังจากเก็บกระดูกเสร็จสิ้นในตอนเช้า พี่เขยที่บวชหน้าไฟก็สึกเรียบร้อยละ
หลังจากเก็บงานเสร็จแล้วก็นั่งพูดคุยตามประสาพี่น้อง อยู่คุยกันไม่นานเพราะต่างคนก็ต่างเหนื่อย เลยเเยกย้ายเข้านอนบ้านใครบ้านมัน
พี่เขยกับพี่สาวนอนบ้านเเม่ ที่พึ่งจัดงานผ่านไปนั้นเเหละคะ
ขอบอกลักษณะของบ้านแม่พี่เขยก่อนนะคะ
ตัวบ้านเป็นไม้ทั้งหลัง เเบบบ้านเป็นห้องโถ่งกว้างๆ ไม่มีแบ่งห้อง มองเห็นกันทะลุปรุโปร่งทั่วทั้งบ้าน มีไม้ระเเนงกั้นห่างๆแค่พอเป็นห้องกับเรือนชานเท่านั้นคะ เเละตรงเรือนชานด้านนอกเป็นพื้นที่กว้างๆ มีระเเนงไม้กั้นห่างๆรอบๆเรือนชาน ทางขึ้นบ้านเป็นบันไดไม้ ตรงบันไดทางขึ้น จะมีอ่างล้างเท้าที่จะมีแท่นปูนอยู่ตรงกลาง เอาน้ำใส่ไว้รอบๆอ่าง สำหรับขัดถูเท้าล้างเท้าให้สะอาดก่อนขึ้นบ้านคะ ซึ่งอ่างเนี้ย ต้องเป็นบ้านแบบสมัยเก่าๆเดิมๆ (ตามบ้านตจว.ทั่วไปน่าจะยังมีอยู่คะ)
พอพี่น้องแยกย้ายกันหมดแล้ว
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ น่าจะประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ พี่สาวกับพี่เขยก็จัดแจง จัดที่นอนหมอนมุงเสร็จก็เข้านอน แต่ไม่ได้เข้าไปนอนในห้องโถงกับเเม่ แต่นอนตรงเรือนชานติดบันไดทางขึนบ้านนั้นเเหละคะ มีเพียงไม้กั้นแบบห่างๆเท่านั้น
ตรงจุดที่พี่สาวกับพี่เขยนอนจะติดกับบันไดเลยคะ ในคืนนั้น มีแสงสว่างจากดวงจันทร์และแสงไฟจากเสาไฟหน้าบ้าน แสงนั้นทะลุเข้ามาตรงจุดที่พี่สาวกับพี่เขยนอนคะ พี่สาวเราไม่ชอบนอนมืดๆเลยเอาผ้ามากั้นกันแสงไฟตรงไม้ระเเนงติดบันไดนั้นเเหละคะ ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยกันแสงมากนัก
ตามตจว. 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม นี่เงียบสงัดเลยนะคะ
หลังจากจัดที่นอนเรียบร้อยแล้ว ก็เข้านอน พี่สาวเราเป็นคนขี้กลัว จินตนาการสูงเเถมหลับค่อนข้างยากอยู่แล้ว ยิ่งแปลกที่ยิ่งยากคะ พี่สาวบอกว่าปกติทุกๆคืนพี่เขยเป็นคนหลับง่ายมากๆ หัวถึงหมอนนี่ หลับเป็นตายเลยคะ แต่คืนนี้ พี่เขยยังไม่หลับ ต่างคนก็ต่างพยายามข่มตาหลับ นอนๆไปน่าจะเกือบๆเที่ยงคืนได้คะ อยู่ๆหมาในหมู่บ้านพากันเห่าหอน รับกันเป็นช่วงๆคะ ใกล้บ้านเข้ามาเรื่อยๆ และเเน่นอนคะ พี่สาวเราเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว พี่บอกว่าใจนี่เต้นเเรงมากๆเลยคะ ในใจเริ่มกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับพี่สาวเราชอบอ่านเรื่องผีๆด้วยเลยนอกจากคิดเเล้วยังจินตนาการไปไกลเลยคะ
หมาก็ยังหอนโหยหวลอยู่ตลอด สักพัก พี่สาวเราก็ได้ยินเสียงเหมือนคนค้นหาอะไรอยู่ใต้ถุนบ้าน เสียงดังกุกกักๆ (ซึ่งบ้านพี่เขยเป็นพื้นยกสูงคะ สำหรับเอาไว้เก็บอุปกรณ์ ที่ทำไร่นาคะ) พี่สาวเรานอนท่าตะเเคงหูเลยแนบพื้น จึงได้ยินเสียงชัดมาก พอได้ยินเสียงนั้น พี่สาวเราเลยขยับเข้าไปใกล้พี่เขยแบบเอาหน้าซุกเลยคะ ตอนที่พี่เราได้ยินเสียงก็ยังไม่แน่ใจว่าพี่เขยได้ยินมั้ย พอซุกหน้าเข้าไปถึงรู้เลยว่า ไม่ใช่แค่พี่สาวเราคนเดียวที่ได้ยิน
พี่บอกว่าได้ยินเสียงหัวใจพี่เขยเต้นแรงมากๆคะ เสียงหัวใจว่าดังเเล้ว แต่เสียงค้นหาของยังดังยิ่งกว่าและดังอยู่ตลอด (เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงถุงพลาสติก,แกลอนน้ำ สำหรับใส่น้ำไปทำนากระทบกันไปมาคะ) พี่สาวกับพี่เขยนี่นอนคลุมโปงเลยคะ พี่ว่าเหงื่อของความกลัวแตกพลั่กเลย นอนกันแบบ ไม่กระดุกกระดิก แทบกลั้นหายใจกันเลยคะ
เสียงนั้นดังอยู่สักพัก เสียงก็เงียบไป เงียบไม่นานก็ได้ยินเสียงอีกที แต่ไม่ใช่เสียงคนค้นของ
แต่...มันคือเสียงคนล้างเท้าในอ่างล้างเท้า ล้างนานมากๆ ไม่ต้องคิดเป็นอื่นเลยคะ ใช่แน่ๆ(พ่อพี่เขยตอนมีชีวิตอยู่ชอบล้างเท้าก่อนขึ้นบ้านประจำคะ) พี่สาวเราบอกว่าใจเต้นแรงกว่าได้ยินเสียงครั้งแรกซะอีกเพราะอยู่ใกล้มากๆ คือถ้าเปิดผ้าที่กั้นเเสงออกคือต้องเจอแน่ๆ เเต่ไม่ได้เปิดนะคะเพราะแค่นี้ก็จะฉี่ราดอยู่เเล้ว 5555
เสียงล้างเท้ายังดังอยู่ นานมากๆ สักพักกลับไปค้นหาของที่ใต้ถุนอีกละ ณ ตอนนั้น บรรยากาศรอบๆเงียบมากๆเสียงมด-แมลงกลางคืน ก็เงียบสนิท (คิดในใจว่ามด-แมลงพวกนี้ ไม่อยู่เป็นเพื่อนกันเลย55) เสียงหมาก็ยังหอนกันเป็นทอดๆยาวนานที่สุดเท่าที่เคยดูในหนังผีมาเลยคะ เสียงค้นหาของยังดังอยู่สักพัก แล้วก็เงียบไปพี่เราคิดว่าน่าจะไปเเล้วมั้ง ค่อยหายใจได้ทั่วท้องกันหน่อย
เเต่เเล้วเสียงล้างเท้าก็กลับมาอีกครั้ง เสียงครั้งนี้ดังกว่าเดิมและชัดมากกว่าเดิมซะอีก พี่สาวบอกว่ากอดกันจนจะหายใจไม่ออกด้วยความกลัว ในช่วงที่กลัวสุดขีดนั้น หูก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ (จนคิดว่าความกลัวทำให้หูเเว่วไปเอง) แต่ตอนที่ได้ยินเสียงรถใกล้เข้ามานั้น เสียงล้างเท้าก็ค่อยๆเงียบหายไป ท่ามกลางความคิดสับสน ก็ได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนผ่าความเงียบเข้ามา พี่สาวกับพี่เขยนี่ตกใจจนสะดุ้งสุดตัวเลย
(มารู้ตอนเสียงตะโกนซ้ำครั้งที่สองว่าเป็นหลานชายพี่เขย)
หลาน : น้าๆ
พี่สาว-พี่เขย : ......(ฟังเสียง)
*หลานเรียกครั้งที่2
หลาน:น้าๆ น้านวล
*พี่สาว-พี่เขยรีบเปิดผ้าที่กั้นไว้ พอเห็นชัดว่าเป็นหลานเลยรีบถามว่า
พี่สาว-พี่เขย : ห๊าาา อะไร?
พอรู้ว่าหลานมาชวนไปกินไก่อบฟางที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกคุ้มหนึ่ง พี่เขยกำลังจะอ้าปากถามความคิดเห็นพี่สาวว่าจะไปหรือไม่ไปดี พี่สาวเรารีบบอกเลยว่าไปๆ เเบบไม่ต้องลังเลเลยคะ
พี่เขยกำลังจะถามความคิดเห็นนี่อ้าปากค้างเลย 5555 (เพราะปกติ พี่สาวเราไม่ค่อยไปไหน )
ในใจพี่สาวคิดว่าไปอดทนรอกินไก่อบฟางให้ยุงกัดขา ดีกว่า นอนกลัวอยู่ที่เดิม พี่สาวคิดได้เเบบนั้น รีบลุกพรวดเลย พอคว้ากระเป๋าได้ เเทบกระโจนลงจากบ้านเเบบไม่เหลียวหลังเลยคะ
พอไปถึงบ้านหลานก็นั่งพูดคุยกันทั่วไป แต่ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่พี่ๆเจอให้ใครฟังนะคะ จนเกือบๆ 6 โมงเช้า พี่สวกับพี่เขยกลับมาบ้านแม่คะ พี่สาวรีบวิ่งไปดูที่อ่างล้างเท้าคะ ในใจก็คิดและภาวนาว่าเสียงที่ได้ยินทั้งหมด ขอให้เป็นเสียงลมหรือเป็นเสียงของคางคก กบ หรืออึ่งอ่าง ที่ตกลงไปแล้วขึ้นไม่ได้ทีเถอะ
แต่พอไปมองดูที่อ่างล้างเท้า โอ้!!!! แม่เจ้า ไม่มีอะไรในอ่างล้างเท้าเลยคะ พี่สาวเรามองหน้าพี่เขยแล้วถามพี่เขยว่า เสียงเมื่อคืนนี่ พ่อมาใช่มั้ย?? พี่เขยมองหน้าพี่สาว แล้วพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไรคะ
หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก พี่สาวกับพี่เขยก็บอกลาแม่กับพี่ๆ เก็บกระเป๋ากลับมาทำงานที่กทม. พอถึงที่พักพี่เขยเล่าให้พี่สาวฟังว่า ตอนที่พี่เขยบวชหน้าไฟให้พ่อ ที่ยืนอยู่ข้างเมรุเเล้วชี้ให้พี่สาวดูแขนที่แดงๆ
พี่เขยบอกว่ารู้สึกเจ็บที่เเขน เหมือนคนเอามือมากำที่เเขนเเรงๆ แรงจนร้องโอ้ยเลยคะ พี่เขยบอกว่าเจ็บมากๆรู้สึกเหมือนแขนจะหักอย่างนั้นเลย พี่เขยยกแขนขึ้นมาดูเพราะคิดว่ามดเเมงกัดหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีมองดูที่เเขนก็บวมเป่งเเดงเป็นรอยนิ้วมือเลยคะ ต้องบอกว่าคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย พี่เขยเลยคิดว่าพ่อคงเป็นห่วงเเม่ ตอนนั้นพี่เขยเลยนึกในใจบอกพ่อที่ล่วงลับไปแล้วว่า ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ เดี๋ยวพี่เขยกับพี่ๆจะช่วยดูแลแม่ให้ดีๆเหมือนตอนที่พ่อดูแล ไม่น่าเชื่อเลยว่า หลังจากบอกกล่าวไปเเบบนั้น ความเจ็บก็หายไป แต่อาการแดงและบวมนั้นยังอยู่นะคะ
หลังจากกลับมากทม.ก็ไม่เจอเหตุการณ์แปลกๆอีกเลยคะ
แต่ทุกๆครั้งเวลาไปบ้านพี่เขยทีไร พี่สาวก็ยังกลัวๆอยู่เลยคะ เห็นอ่างล้างเท้ากับมองใต้ถุนบ้านที่ไร เสียงที่เคยได้ยินในคืนนั้น ก็ก้องขึ้นมาทุกทีเลยคะ (บ้านของพี่เขยที่พ่อเคยอยู่ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนเเปลงอะไร ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม )
*ขอบคุณที่เข้ามาอ่านประสบการณ์หลอนด้วยกันนะคะ