9 ทฤษฎีที่อ้างว่า การเหยียบดวงจันทร์เป็นเรื่องโกหก
9 ทฤษฎีที่อ้างว่า การเหยียบดวงจันทร์เป็นเรื่องโกหก
หนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของมวลมนุษยชาติ นั่นก็คือการที่มนุษย์ลงไปเหยียบบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ด้วยยานอะพอลโล 11 ที่นำโดยหัวหน้านักบินอวกาศ นีล อาร์มสตรอง และผู้ช่วย บัส อัลดริน และ ไมเคิล คอลลินส์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1969
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนเชื่อว่า การเหยียบดวงจันทร์ของอเมริกาครั้งนั้นเป็นเรื่องหลอกลวงชาวโลก ด้วยเหตุผลเรื่องการแสดงศักยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เหนือกว่ารัสเซีย ในช่วงสงครามเย็น แล้วเหตุผลที่พวกเขามากล่าวอ้างล่ะ คืออะไรกันบ้าง ? วันนี้เพชรมายาจะพามาให้ชมกัน ถือว่าอ่านเพื่อความบันเทิงก็แล้วกันครับ
1. การโบกสะบัดของธง
นักทฤษฎีสมคบคิดชี้ให้เห็นว่า ระหว่างการถ่ายทอดสดการลงเหยียบบนดวงจันทร์ ธงชาติอเมริกาที่ถูกปักเอาไว้ มีลักษณะเหมือนถูกลมพัด ซึ่งในความเป็นจริงบนดวงจันทร์ไม่มีทางที่จะมีอากาศทำให้ธงโบกสะบัดได้แน่นอน ในขณะที่นาซ่าได้อธิบายว่า ธงถูกเก็บอยู่ในหลอดผอมๆ และเมื่อคลี่ออกมาจึงทำให้มันมีลักษณะเป็นคลื่น ส่วนการโบกสะบัด ก็เกิดจากการที่นักบินอวกาศสัมผัสเสาอลูมิเนียมนั่นเอง
2. ร่องรอยการลงจอด
ทฤษฎนี้ ว่าด้วยการลงจอดยานอะพอลโล 11 บนดวงจันทร์ ซึ่งควรจะมีร่องรอยการลงจอดที่เป็นหลุมหรือเห็นได้ชัดกว่านี้ เพราะขนาดร่องรอยการเดินบนพื้นผิวดวงจันทร์ยังเห็นได้ชัดเจน ส่วนนาซ่าอธิบายเรื่องการลงจอดไว้ว่า เนื่องจากสภาวะแรงดึงดูดบนดวงจันทร์น้อยกว่าโลกมาก และพื้นผิวของดวงจันทร์ส่วนใหญ่เป็นหินแข็ง ดังนั้น ร่องรอยการลงจอดจึงแทบไม่มีเลย เช่นเดียวกับเวลาเครื่องบินลงจอดบนพื้นคอนกรีต ก็ไม่ทิ้งหลุมบ่อเอาไว้เช่นกัน
3. แหล่งกำเนิดแสงหลายแห่ง
บนดวงจันทร์ จะมีแหล่งกำเนิดแสงเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือแสงจากดวงอาทิตย์ ดังนั้น ทิศทางของเงา ควรจะไปในทิศทางเดียวกันเสมอ แต่จากภาพจะเห็นได้ว่า เงาของมีทิศทางที่แตกต่างกัน ซึ่งมันมาจากแหล่งกำเนิดแสงมากกว่า 1 แน่นอน ส่วนนาซ่าพยายามอธิบายว่า มันเกี่ยวกับภูมิทัศน์ที่ไม่สม่ำเสมอ
4. แถบรังสีแวนอัลเลน
แถบรังสีแวนอัลเลน เป็นแถบรังสีที่เกิดขึ้นจากสนามแม่เหล็กของโลก ที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันอันตรายจากรังสีและอนุภาคพลังงานจากดวงอาทิตย์และแหล่งกำเนิดอื่นๆ แต่ข้อเสียของมันก็คือเป็นอันตรายต่อดาวเทียม ยานอวกาศ และมนุษย์อวกาศที่ต้องผ่านรังสีนี้
ซึ่งนักทฤษฎีสมคบคิดได้กล่าวว่า การส่งยานอะพอลโลไปดวงจันทร์ครั้งนั้น จะต้องผ่านแถบรังสีแวนอัลเลน ที่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่นาซ่าตอบโต้เรื่องนี้ด้วยการบอกว่า นักบินอวกาศจะเผชิญกับรังสีแวนอัลเลน ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับรังสีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
5. ไฟสตูดิโอ
หลังจากที่ภาพถ่ายบนดวงจันทร์ถูกปล่อยออกมา นักทฤษฎีบางคนได้ตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับวัตถุลึกลับที่สะท้อนผ่านหน้ากากนักบินอวกาศของยานอะพอลโล 12 ซึ่งเป็นการลงจอดบนดวงจันทร์เป็นครั้งที่ 2 วัตถุดังกล่าวดูเหมือนจะถูกห้อยลงมาจากเชือกหรือลวด ซึ่งมีการวิเคราะห์ไปว่า มันเป็นไฟสปอตไลท์ที่มักใช้กันในสตูดิโอภาพยนตร์
6. การเดินแบบสโลโมชั่น และ สายเคเบิ้ลที่ซ่อนอยู่
นักทฤษฎีสมคบคิดได้อ้างถึงการเคลื่อนไหวของนักบินอวกาศบนดวงจันทร์ที่เชื่องช้า ด้วยการทำภาพแบบสโลโมชั่น ที่ช้ากว่าปกติ 2.5 เท่า นอกจากนั้น การที่นักบินอวกาศกระโดดได้สูงกว่าปกติ จำเป็นต้องใช้สายเคเบิ้ลที่ซ่อนอยู่ช่วย ถ้าสังเกตุจากคลิปด้านบน จะเห็นช่วงที่นักบินอวกาศล้มและลุกขึ้นในท่าทางที่ผิดปกติ คล้ายถูกดึงด้วยสายเคเบิ้ล
7. ไม่มีดวงดาว
อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจคือ ภาพถ่ายบนดวงจันทร์ แทบไม่เห็นดวงดาวเลย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดวงจันทร์ไม่มีเมฆและชั้นบรรยากาศที่มีตัวกรองมากมายเหมือนกับโลกของเรา ถึงแม้น่าซ่าจะอ้างว่า เป็นเรื่องของคุณภาพของภาพถ่าย ที่ทำให้เราไม่เห็นดวงดาว แต่ทว่า ภาพถ่ายคุณภาพสูงหลายๆ ภาพของนาซ่าก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นว่ามีดวงดาวเช่นกัน
8. หินตัวอักษร C
หนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุด ในการไปเหยียบดวงจันทร์ ก็คือภาพที่แสดงให้เห็นถึงก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่ปรากฏตัวอักษร C อย่างชัดเจนบนนั้น ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า เครื่องหมายบนก้อนหิน ถูกทางกองถ่ายทำเครื่องหมายเอาไว้ แต่บังเอิญหันก้อนหินมาผิดด้าน ส่วนนาซ่าได้ออกมาให้ความเห็นว่า ข้อแรก นาซ่าตำหนิผู้ล้างภาพ ที่อาจเล่นตลกเพิ่มอักษร C ลงไปเอง หรือข้อสอง อาจเป็นเส้นผมที่บังเอิญร่วงและติดอยู่ในกระบวนการล้างภาพก็เป็นได้
9. ฉากหลังซ้ำๆ
ภาพจากอะพอลโล 15 ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ถึงแม้พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นคนละสถานที่ๆ ห่างกันหลายไมล์ แต่ฉากหลังของทั้ง 2 ภาพ เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นทำให้นักทฤษฎีเชื่อว่า นาซ่าใช้ฉากหลังเดียวกัน ในระหว่างถ่ายทำวีดีโอการลงจอดบนดวงจันทร์ของปลอม ในขณะที่นาซ่าอธิบายว่า เนื่องจากดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่าโลกมาก เส้นขอบฟ้าที่ปรากฏขึ้น จึงดูใกล้กว่าที่ดวงตามนุษย์เห็น
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
เขมร" ปั่นประสาท 2 มหาอำนาจ ชี้พิรุธเขมรทิ้งขีปนาวุธต้านรถถังให้ไทยยึด เพราะไม่มีรหัส แล้วหวังแก้เผ็ดสหรัฐ
เขมรระแวงหนัก! คุมเข้มห้ามบิน “โดรน” ทั่วกรุงพนมเปญ หวั่นแผนลอบโจมตี “ฮุน เซน” กระแสโซเชียลไทยถล่มยับ
ทลายเครือข่ายหวยออนไลน์! รวบเจ้ามือใหญ่ ‘บ้านทรัพย์มหาศาล’ คาบ้านพักที่พิมาย
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
ดาราดัง "ยุน ซอก ฮวา" เสียชีวิตแล้ว
ยูเนสโก โดน แก๊งสแกมเมอร์ แอบอ้างหลอก เอาเงินลงทะเบียน
มารู้จัก DP-20 โดรนสอดแนมสัญชาติไทย
เขมรระแวงหนัก! คุมเข้มห้ามบิน “โดรน” ทั่วกรุงพนมเปญ หวั่นแผนลอบโจมตี “ฮุน เซน” กระแสโซเชียลไทยถล่มยับ
"อันวาร์" ร้ายลึก "ปานเทพ" แฉเส้นทางอาวุธใหม่จีน ที่ไทยยึดได้จากเขมร พบจีนขายให้แค่ "มาเลย์ฯ"
ดาราดัง "ยุน ซอก ฮวา" เสียชีวิตแล้ว
อย่าเพิ่งทิ้ง! ถูกลอตเตอรี่แต่ลืมไปขึ้นเงิน เช็กให้ชัดระยะเวลา 2 ปี นับจากวันไหนกันแน่?
มารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซน
รู้หรือไม่ ? ที่มาและประวัติของ "สุกี้ยากี้" เป็นมาอย่างไร ?
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ทึ่งทั่วไทย : "น้ำตกแม่กาษา" น้ำตกลำธารใส Unseen แม่สอด จังหวัดตาก






