คุก 18 เดือน ! พุทธอินโดร้องเรียนมัสยิสเปิดลำโพงดังแสบแก้วหู ศาลสั่งขังผู้ร้องเรียนแทน
ต้องเข้าใจศาลอินโด นะท่านนะ เพราะคงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่า "ประเทศนี้เป็นดินแดนของพระอ้าหล่า ชาวมุสลิมย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะการเปิดลำโพงเสียงดังซึ่งดังมาก่อนที่สตรีชาวพุทธท่านนั้นจะเข้ามาพักพาอาศัยในดินแดนแห่งนี้" จึงยกความถูกให้แก่พระอ้าหล่า ส่วนความผิดย่อมจะเป็นของ "ผู้ร้องเรียน" อย่างมิต้องสงสัย
พิจารณาความต่อไปว่า ถ้าศาลตัดสินให้ "มัสยิดผิดและสตรีชาวพุทธถูก" มันก็จะเป็นบรรทัดฐานให้เกิดการร้องเรียนไปทั่วประเทศ ต้องปิดหรือไม่ก็หรี่ลำโพงลงเหมือนกันหมด และนั่นย่อมจะกลายเป็นปัญหาทางการเมืองครั้งใหญ่ ดังนั้น สตรีชาวพุทธท่านนี้จึงต้องผิด ต้องรับบท "แพะรับบาป" แทน ไม่มีข้อแม้ใดๆ
ก็ถูกแล้วล่ะ ไปอยู่บ้านเขาก็ต้องตามเขา จะตามเราก็ต้องกลับมาบ้านเรา จะเปลี่ยนเขาหรือเปลี่ยนเราอะไรมันง่ายกว่ากัน ผิดกันก็แต่ว่า ไทยแลนด์แดนพุทธนี่สิ ที่ยกสิทธิพื้นฐานให้แก่มุสลิม อาทิเช่น โรงเรียนบากงพิทยา ซึ่งตั้งขึ้นมาในที่วัด กฎหมาย ระบบระเบียบอะไรก็วางไว้อย่างยาวนานมากว่าครึ่งศตวรรษ วันดีคืนดีมีนักเรียนมุสลิม ถือสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ "สวมฮิญาบ" เข้าห้องเรียน พอถูกทักท้วงว่ามันจะเกินวิสัยนักเรียน รัฐบาลไทยซึ่งน่าจะรักษาธรรมเนียมของโรงเรียน แต่กลับไม่ โน่น ไปรักษาสิทธิของนักเรียนซึ่งมาใหม่ แถมยังสั่งย้าย "ครูใหญ่" หรือผู้อำนวยการพ้นจังหวัดไปซะอีก
ขอแสดงความเสียใจไปยังสตรีชาวพุทธในแดนมุสลิมด้วยว่า "เสียใจด้วยค่ะ" ถึงหนูไม่อยู่อินโดแล้วก็อย่ามาเลยเมืองไทย เพราะเมืองนี้ไม่ใช่แดนมุสลิมที่จะปกป้องสิทธิของศาสนามุสลิม แต่เป็นแดนพุทธที่ไม่ปกป้องสิทธิของพุทธต่างหาก ต่างกันเลยจ๊ะ
เอเอฟพี - ผู้หญิงคนหนึ่งในอินโดนีเซีย ประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ ถูกตัดสินจำคุก 18 เดือน ในวันอังคาร (21 ส.ค.) ต่อกรณีที่คร่ำครวญเกี่ยวกับเสียงดังจากการละหมาดของมัสยิดแห่งหนึ่ง คำพิพากษาภายใต้กฎหมายหมิ่นศาสนาอันเป็นที่ถกเถียง
เมเลียนา วัย 44 ปี ชาวพุทธเชื้อสายจีน ถูกพบว่ามีความผิดฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม ต่อกรณีที่เธอไปร้องขอให้มัสยิดที่อยู่ใกล้ๆ บ้านลดเสียงลำโพงลง เพราะว่ามันดังเกินไปและทำให้เธอแสบแก้วหู
คำพิพากษาในวันอังคาร (21 ส.ค.) ดูเหมือนจะเป็นการเติมเชื้อความกังวลว่า แบรนด์มุสลิมสายกลางของอินโดนีเซีย กำลังถูกคุกคามจากพวกสุดโต่งที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
ศาลในเมืองเมดานบนเกาะสุมาตรา บอกว่า ความเห็นของผู้หญิงคนดังกล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน คือต้นเหตุให้เกิดการจลาจล ม็อบชาวมุสลิมที่ขุ่นเคืองพากันยกพวกปล้นสะดมวัดชาวพุทธหลายแห่ง ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านเชื้อสายจีนบางส่วนในพื้นที่ต้องหลบหนี ด้วยความหวั่นเกรงว่าจะถูกทำร้าย
ทนายความจำเลยบอกว่า ลูกความของเขาจะอุทธรณ์คำตัดสิน ขณะที่องค์การนิรโทษกรรมสากล เรียกร้องให้ศาลสูงเพิกถอนบทลงโทษดังกล่าว "มันเป็นคำตัดสินที่น่าขันที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง" อุสมาน ฮามิด กรรมการบริหารขององค์การนิรโทษกรรมสากลประจำอินโดนีเซียระบุในถ้อยแถลง
"การลงโทษจำคุกใครบางคน 18 เดือน สำหรับบางเรื่องที่เล็กน้อยมาก คือตัวอย่างที่โจ่งแจ้งเกี่ยวกับการใช้กฎหมายดูหมิ่นศาสนา อย่างตามอำเภอใจ และปราบปรามฝ่ายเห็นต่างมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศแห่งนี้"
อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ได้รับรองศาสนาที่ได้รับการคุ้มครองไว้ทั้งสิ้น 6 ศาสนา ได้แก่ อิสลาม, คริสต์นิกายคาทอลิก, คริสต์นิกายโปรเตสแตนท์, พุทธ, ฮินดู และขงจื๊อ ขณะเดียวกันก็มีกฎหมายรับรองสิทธิเสรีภาพการแสดงออก
อย่างไรก็ตามการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา โดยเฉพาะอิสลาม อาจจบลงด้วยการติดคุก ทั้งนี้กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆรณรงค์มาช้านานต่อต้านกฎหมายหมิ่นอิสลามของอินโดนีเซีย โดยพวกเขาอ้างว่าบ่อยครั้งมันถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดและเป้าหมายส่วนใหญ่คือชนกลุ่มน้อยต่างๆ