[SEO] บินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ระวังจะถูกแผดเผา!
เป็นเวลาหลายปีที่มีการถกเถียงกันในเรื่องการทำ SEO ว่ากลยุทธ์ประเภท “หมวกดำ” หรือ “หมวกสีเทา”นั้นจะทำให้ติดอันดับบน Google ได้อย่างรวดเร็วนั้นยังเป็นที่ยอมรับกันอยู่!
แต่ถึงอย่างไรก็มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้หลายๆ คนก็ให้ความเห็นว่าในการทำ SEO แบบนี้มันอาจจะทำติดอันดับบน google ได้เร็วก็จริงแต่คุณก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนั้น ถึงแม้คุณจะติดอันดับได้เร็วและอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี แต่ google ฉลาดพอที่จะรู้ได้ว่าคุณมาแนวไหน แต่เชื่อเถอะหลายๆ คนที่มาทางสายดำนี่แล้วก็ยังติดใจในรสชาตินี้อยู่ เหมือนเป็นเรื่องท้าทาย และน่าสนุก แต่ก็อย่าลืมว่าถ้ามีการผิดพลาดอะไรขึ้นมาคุณจะต้องแลกมันมาด้วยชื่อเสียงที่จะกลายเป็นชื่อเสีย!
แม้ว่าคนที่ทำงานมาทางด้าน SEO จำนวนมากจะมีประสบการณ์หลายปีในด้านนี้ แต่อัลกอริทึมของ Google ก็มีการพัฒนาให้ฉลาดมากขึ้น จนทำให้ทุกวันนี้การทำ SEO กลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะมือใหม่ที่เป็นสายสีดำหรือสีเทา มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้ไม่ติดอันดับ หรือไม่ก็โดนแบนไปเลย
และนี่คือข้อมูลของ Google และ Bing ที่จะทำให้รู้ว่าอะไรที่ขัดต่อนโยบายในการจัดอันดับของพวกเขา (สายดำสายเทาต้องดู)
การทำเครือข่ายบล็อกส่วนตัว
เป็นการเผยแพร่บทความของคุณไปใน Blog ต่างๆ ที่ฟรี เพื่อแสดงให้ผู้อ่านนั้นได้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของคุณ และเป็นการสร้างแบรนด์ในตัวบุคคล รวมไปถึงในการสร้าง Backlinks
ในระยะแรกๆ คุณอาจจะเผยแพร่บทความไปยัง Blog ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ Google เข้ามาจับบทความของคุณ โดยการเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากลิงก์เป็นส่วนสำคัญที่เย้ายวนใจในการทำ SEO คุณก็เริ่มจะทำลิงก์กลับไปหาตัวเองเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย
และถ้าคุณไปโพสตามเว็บลงประกาศโฆษณา รวมถึงตามเว็บบอร์ดต่างๆ แบบเยอะๆ ไม่เลือกที่ เพื่อหวังจะเป็นการสร้าง Backlink จึงเป็นเทคนิคที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี หากถูก Google มองว่าเป็นการสแปม ซึ่งในระยะหลังหาก Google เริ่มจับทิศทางได้ว่าเป็นการแสปมลิงค์ เว็บไซต์คุณจะถูกลงโทษโดยการลดอันดับจนไปถึงแบนเว็บไซต์ ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์นั้นจะต้องเริ่มต้นใหม่ซึ่งมันไม่คุ้มเลย
เนื้อหาสปินบทความยัดไส้คีย์เวิร์ด
เลิกเสียเหอะไอ้ประเภทที่ว่าเขียนบทความให้บอทอ่านมากกว่าคน แถมยัดคีย์เวิร์ดลงไปในเนื้อหาเยอะๆ เนี่ย
การสร้างเนื้อหาที่ดีต้องใช้เวลานานและมีราคาแพง จึงไม่แปลกใจที่สายดำหรือสายเทาจะมองหาทางลัด โดยการ Spin บทความ แปลงคำบางคำ บิดคำนิดบิดคำหน่อย แต่กลับกลายเป็นว่าอ่านไม่รู้เรื่อง วิธีการทำแบบนี้คือการ Spin บทความ หรือไม่หลายๆ คนใช้ทางลัดโดยการให้หน้าเนื้อหาของตัวเองนั้นมี Keyword ที่ซ้ำๆ ถี่ๆ เพื่อที่จะให้ติดอันดับ SEO ได้เร็วขึ้น แต่อยากจะบอกว่าการมีคำซ้ำมากๆ นั้นไม่เป็นผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาว เพราะถ้าคุณเป็นคนที่ทำเว็บไซต์ในสายคุณภาพจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้เลย เพราะถ้าคุณเองอ่านไม่รู้เรี่องแล้วก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาอ่าน ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณก็ไม่เป็นที่ยอมรับของ Google ด้วยเช่นกัน
SEO ทำลายคู่แข่ง
วิธีนี้เป็นวิธีที่โหดเหี้ยมในสมัยก่อนเพราะเป็นการยิง link พวก spam ไปยังเว็บคูู่แข่ง
SEO เชิงลบ (Negative SEO) หมายถึงการใช้เทคนิคพวกสายดำแบบสมัยก่อนโดยการเพิ่ม link ไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการที่จะทำให้อันดับร่วง ไม่ก็ก๊อบเนื้อหาของเว็บไซต์คุณแล้วเอาไปใส่ไว้ในเว็บไซต์ต่างๆ หลายๆ เว็บ แล้วทำ link กลับไปหาคุณ รวมไปถึงการยิง DDOS ใส่ ไม่ก็ Hack เว็บของคุณเพื่อแทรกมัลแวร์หรือแก้ไขเนื้อหา (โคตรชั่วเลย) แต่ยุคนี้ Google จับทางได้ มีการตรวจสอบและไม่สนใจพวก link สแปม โดยจัดอันดับจากพฤติกรรมของผู้ใช้เป็นหลัก
จ่ายตังซื้อ link
การซื้อหรือขายลิงค์เพื่อส่งผ่าน PageRank ซึ่งรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเงินสำหรับลิงค์หรือการโพสต์ ถือเป็นการละเมิดหลักเกณฑ์ของ Google มานานแล้ว การซื้อขายลิงค์ ไม่ว่าทั้งทางตรง หรือทางอ้อม ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการบิดเบือนธรรมชาติของการค้นหา เพราะอย่าลืมว่า search engine ถือว่าหน้าเว็บค้นหาของเขาคือหน้าบ้าน ถ้าหากมีการเบี่ยงเบนจากเว็บที่มีการซื้อลิ้งค์แต่ไม่มีคุณภาพยิงมาหน้าแรกมากๆ ย่อมส่งผลเสียกับเว็บไซต์ของคุณในการจัดลำดับบน search engine อย่างไม่ต้องสงสัย
การทำ Cloaking
มันก็คือการทำหน้าเว็บที่แสดงผลแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นหัวข้อบอกไว้ว่าเป็นเว็บเกี่ยวกับการให้ความรู้ทางด้าน SEO แต่พอคนเข้ามาดูจริง ๆ กลับกลายเป็นเว็บแสดงเนื้อหา 18+ นอกจากนี้ Search Engine ก็มองว่าเว็บของคุณไม่ดีด้วย การทำ Cloaking การทำหน้าเว็บเพื่อหลอก Bot ของ Search Engine โดยทำเพื่อให้เว็บติดอันดับอย่างรวดเร็ว ก็เหมือนกับการโกหก หลวกลวงชาวบ้านนั่นแหละ
การทำ Cloaking เป็นเทคนิคที่มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้คุณได้รับการลงโทษหรือแม้แต่โดนแบนแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด นอกจากนี้Google ยังสามารถจับรูปแบบการทำ Cloaking ได้ง่ายๆโดยใช้ IP