แจงดราม่าค่าปรับใหม่คนไม่พก-ไม่มีใบขับขี่ 5 หมื่น !!
และสอดคล้องพฤติกรรมคนไทยมากขึ้นและลดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเรื่องใบขับขี่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ มีโทษปรับสูงสุดถึง 5 หมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน จากเดิมโทษปรับสูงสุด 1 พันบาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกรมขนส่งทางบก ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางแฟนเพจ "กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News" ระบุ "กรมการขนส่งทางบก แจง!! ประเด็นการแก้กฎหมายเพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถ ยังอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยืนยัน!! ยังไม่มีผลใช้บังคับแต่อย่างใด"
โดยในตอนนี้ กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินกาปรับปรุงกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พรบ.รถยนต์ พ.ศ.2522 และพรบ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 โดยรวมเข้าเป็นฉบับเดียวกัน และเป็นการปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมายให้เป็นเครื่องมือในการควบคุมกำกับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ให้มากขึ้น รวมถึงปรับเพิ่มบทลงโทษกรณีผู้ขับขี่กระทำผิด เพื่อให้ผู้ขับขี่ตระหนักและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งขณะนี้ "ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ...." อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา และประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
สำหรับรายละเอียดใน "ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ...." มีการเสนอแก้ไขปรับเพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถ คือ ความผิดเกี่ยวกับการขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ปัจจุบันมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1 พันบาท ส่วนร่างพรบ.ฉบับใหม่เสนอให้ปรับเพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท
ความผิดเกี่ยวกับการขับรถในระหว่างใบอนุญาตสิ้นอายุ ถูกพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต หรือถูกยึดใบอนุญาต ปัจจุบันมีโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท ส่วนร่างพรบ.ฉบับใหม่ จะเพิ่มโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท และส่วนความผิดเกี่ยวกับการขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาต ปัจจุบันมีโทษปรับไม่เกิน 1 พันบาท ในขณะที่ร่างพรบ.ฉบับใหม่ปรับสูงสุดไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งจะทำให้เกิดความสอดคล้องกับบริบทการบริหารราชการ การ ควบคุม กำกับ ดูแล และบังคับใช้กฎหมาย ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
..............................................................
23-8-61 เวลา 11.02 น.