โรงเก็บพันธุ์พืช คลังสมบัติวันโลกแตก ที่สำคัญที่สุดในโลก !
ห้องนิรภัยแห่งสฟาลบาร์ (Svalbard Global Seed Vault) แหล่งเก็บพันธุ์พืชที่ใหญ่และมีความสำคัญมากที่สุดในโลก สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางขั้วโลกเหนือ ห่างจากจุดศูนย์กลางเพียง 1,300 กิโลเมตร เปิดดำเนินการมาแล้ว 10 ปี นับตั้งแต่ปัญหาสภาวะโลกร้อนหนักขึ้น และหากโลกเกิดแตกขึ้นมาจริงๆ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ จะถูกแจกจ่ายให้กับประชากรนำไปเพะาปลูก เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงอยู่ต่อไป
สถานที่แห่งนี้ถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม สถาปนิกออกแบบโดย อาศัยภูเขาน้ำแข็งเป็นตัวควบคุมปริมาณความเย็นภายในตัวอาคาร โดยพวกเขาเจาะภูเขาเป็นทางยาว จากนั้นจึงเริ่มวางท่อและแบ่งสัดส่วนของห้องโดยใช้ประตูนิรภัยหนาแน่น เพื่อกักเก็บความเย็นไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากเกินไป เพราะอาจทำให้ เมล็ดหายากบางพันธุ์ตายได้ (ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี ใช้งบทั้งหมด 300 ล้านบาท โครงการนี้รัฐบาลนอร์เวย์เป็นเจ้าภาพออกทุนให้)
ภายในอุโมงค์แห่งนี้ จะมีอุณหภูมิคงที่ -18 องศาเซลเซียส จำนวนห้องทั้งหมดไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดกว่า 5 ร้อยล้านเมล็ด จะถูกเก็บอยู่ภายในห้องโถงใหญ่รวมกันเพียงที่เดียว เพราะทำให้ค้นหาได้ง่าย และแน่นอน มันจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ เมล็ดพันธุ์สำคัญต่างๆ กำลังเดินทางมาสมทบเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา (ปัจจุบันมีเมล็ดพืชประมาณ 940,000 สายพันธุ์ แต่สามารถเก็บได้ถึง 4.5 ล้านชนิด)
ห้องนิรภัยสฟาลบาร์ก็เปรียบเสมือนเรือโนอาห์ ที่แช่แข็งตัวอย่างเมล็ดพืชไว้ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นสงครามนิวเคลียร์ ภาวะโลกร้อน จนถึงวันที่น้ำท่วมโลก และนี่ไม่ใช่คำกล่าวอ้างเกินจริง เพราะมันเคยเกิดขึ้นจริงๆแล้ว เมื่อปี 2017 เกิดเหตุน้ำแข็งที่ปกคลุมบริเวณพื้นที่ตัวอาคารละลายเร็วกว่ากำหนด ทำให้น้ำรั่วซึมเข้าไปท่วมในอาคาร ส่งผลให้อุณหภูมิภายในเพิ่มสูงขึ้นเป็น 0 องศาเซลเซียส แต่โชคดีที่มีห้องนิรภัยอยู่ 3 ห้อง ทำให้คนงานภายในอาคารไม่ได้รับบาดเจ็บ และโรงเก็บเมล็ดพืชยังอยู่ลึกเข้าไปกว่า 110 เมตร ไม่ส่งผลกระทบต่อเมล็ดพันธ์ุแต่อย่างใด พวกเขารอจนน้ำไหลออกนอกอาคาร และวางแผนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก
และนี่คือเหตุการณ์ที่ช่วยยืนยันว่า หากโลกเกิดแตกขึ้นมาจริงๆ มนุษย์เราทุกคนคงต้อง Back To Basic เราเกิดมาจากธรรมาชาติ ก็ต้องอยู่กินกันแบบธรรมชาติ สิ่งอำนวยความสะดวกหรออย่าหวังเลย แค่มีอาหารกินในวันสิ้นโลกก็ดีพอแล้ว อ่อหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้นอร์เวย์ให้งบกว่า 450 ล้านบาท ในการปรับปรุงให้ระบบต่างๆภายในอาคารทันสมัยยิ่งขึ้น
ที่มา: https://www.theverge.com/2018/2/26/17052690/doomsday-seed-vault-upgrade-13-million