แม่จ๋า หนูอยู่ในคุกกับแม่ได้ไหม
เวลาเกือบ บ่าย 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คุมตัวหญิงสาว ผมยาวผอมเพรียว อายุประมาณ 32 ปี เข้ามาส่งผม พร้อมยื่นบันทึกจับกุม และส่งยาบ้าซึ่งอยู่ในซองพลาสติกคล้ายซองยา ให้ผม
“เอานี่คับ ยาบ้า 50 เม็ด ผมเอาตัวผู้ต้องหาขึ้นไปควบคุมนะครับ”
ผมหยิบบันทึกจับกุมมาอ่านแบบลวกๆ ว่าเธอโดนจับข้อหาอะไร ที่ไหน ปฎิเสธ หรือรับสารภาพ อย่างคร่าวๆ แล้วพยักหน้าให้ชุดจับพาเธอไปควบคุมในห้องขัง..
“น้อง เดี๋ยวสอบปากคำผู้ต้องหาไปพลางๆก่อน ทำคำร้องฝากขังให้เรียบร้อยด้วย พี่ไปดูเหตุรถชนก่อน เด๋วจะกลับมาช่วยดูให้..” ผมออกปากฝากเรื่องให้น้องฝึกงานช่วยทำเรื่องไว้ก่อนเพราะพรุ่งนี้12 สิงหา ศาลเปิดทำการครึ่งวัน ผู้ต้องหาที่ถูกจับมาในวันนี้(11ส.ค.61) ต้องส่งฝากขังศาลในวันที่ 12 สิงหาคม ช่วงเช้าทั้งหมด เนื่องจากเป็นวันหยุดติดต่อกัน
“พี่ครับ ผู้ต้องหาบอกว่า มีลูกเล็กๆอยู่ที่ห้องพัก 2 คน ยังไม่รู้เลยครับว่าแม่ถูกจับ เพราะอยู่ที่สนามเด็กเล่น ผมถามแล้ว ไม่มีญาติ ไม่มีคนรู้จักเลย แฟนเพิ่งถูกจับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เอายังงัยดีครับ” น้องฝึกงานบอกเมื่อผมกลับมาถึงโรงพัก
“ ตำรวจ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์ เราทำเท่าที่ทำได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมชุดจับไม่พาเด็กๆมาที่โรงพักด้วยล่ะ เราจะได้จัดการต่อให้ แล้วเป็นหน้าที่เราจะต้องไปตามหาเด็กมา มันใช่หรือ งานเราก็ทำไม่ทันอยู่แล้ว?”
ผมแกล้งเสียงแข็งบอกน้องไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นก็พบเจอบ่อยที่ผู้ต้องหาถูกจับมาพร้อมลูกด้วยกัน ซึ่งถ้าเป็นวันทำการตามปกติ เราก็ประสานคนมารับผิดชอบดูแลได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเราอยู่แล้ว..
จัดการเรื่องรถชนกันเสร็จไป รายสุดท้าย หันดูข้อมือ เวลาบอก 15.30 น. พอมีเวลาเดินไปคุยกับผู้ต้องหาในห้องขัง ซักถามรายละเอียดสักหน่อย มันคาใจผมอยู่.....
“หนูเป็นคนโคราช เพิ่งมาอยู่กับแฟนที่บ้านเอื้ออาทร ได้ไม่ถึงเดือน เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แฟนก็โดนจับคดียาเหมือนกัน หนูไม่รู้จักใครเลย พี่วานไปดูลูกให้หนูหน่อย รับมานอนกับหนูที่นี่สักคืนน่ะ สงสารเด็กๆยังไม่รู้เลยว่า หนูถูกจับ “
ผู้ต้องหา บอกผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมดูแววตาเธอ ถึงมันจะดูเหมือนจะเฉยชา ไม่ยี่หระต่อโลก แต่ก็ซ่อนความเป็นแม่คนไม่พ้น เธอพูดทันไม่จบประโยค น้ำตาก็เริ่มเอ่อมาคลอ....
“เอาละ..พักอยู่ห้องไหน เด่วสารวัตรไปดูให้” ผมรับปากเธอ พร้อมซักถามรายละเอียดให้ชัดเจน
“ หนูอยู่เคหะเอื้ออาทร ชั้น 4 ห้อง748หรือ847 หนูจำไม่ได้ ลูกหนูเล่นกับเพื่อนที่สนามเด็กเล่นชั้นล่าง ห้องหนูขึ้นชั้น4 เลี้ยวซ้ายตรงไป จะเห็นรองเท้านักเรียนวางอยู่หน้าห้องค่ะ”
………………….
รถชนรายสุดท้าย เมื่อใกล้ ออกเวร ผมนั่งรถกลับมาจากที่เกิดเหตุรถชนระหว่างทางผมคิดว่าผมจะไปรับเด็กยังไงคนเดียว รถยนต์ก็ไม่มี เมื่อถึงสี่แยกโรงพัก ระหว่างรอไฟแดง จึงตัดสินใจเล่าเรื่องจะไปรับเด็กๆให้พี่ดาบแม้ว พลขับรถร้อยเวร ได้ฟังเพื่อขอให้พี่เขาช่วยไปตามเด็กกับผม...
“น่าสงสารเด็กๆ ไปสารวัตร ไปกับผม “ พี่แม้ว พูดพลางหันหัวรถจากจะมาโรงพักเปลี่ยนช่องเบี่ยงเข้า ถนนเอกชัย เพื่อจะมุ่งหน้าไป เคหะเอื้ออาทรวัดกลาง ทันที...
เกือบชั่วโมง ที่คลำหาห้องพักของผู้ต้องหา ขึ้นลงชั้น4 อยู่สองสามรอบ จนต้องให้น้องฝึกงานช่วยโทรศัพท์คุยกับผู้ต้องหาจนหาอาคาร ห้องดังกล่าวเจอ เล่นเอาเหนื่อยกันทั้งคู่..แต่ก็ไม่ผิดหวัง
ผมเรียกเด็กๆที่เล่นกันที่สนามเด็กเล่นให้ช่วยตามน้องไอซ์ กับน้องนุ๊คให้ที เด็กสนุกสนาน เมื่อเห็นตำรวจเข้ามาพูดคุย ต่างกุลีกุจอ อาสาวิ่งไปตาม ตะโกนเรียกน้องไอซ์กันลั่น จนพบตัวเด็กทั้งสอง
น้องไอซ์ อายุประมาณ ๙ ขวบ เป็นเด็กที่มองครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นเด็กฉลาด ผิวสีแทน กับเส้นผมที่ดำขลับ คิ้ว ตาที่คมเข้มเหมือนแม่ ทำให้เด็กน้อยดูสวยสดใสน่ารัก สมวัย ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าปล่อยเด็กผู้หญิงนี้ไว้ในที่แถวนี้ จะเกิดอะไรตามมา..
“แม่หนู อยู่ไหน ค่ะลุงตำรวจ” น้องไอซ์เริ่มรู้ตัวทัน ถามผม ผมสังเกตุสีหน้า เธอนิ่งเหมือนใช้ความคิดตลอดเวลาขณะที่เดินตามผมมายังห้องพัก ไม่ได้เฮฮา เหมือนน้องชายที่ไม่รู้เรื่องประสีประสาแต่อย่างใด
ผมคิดตลอดทางแล้วว่าเมื่อเจอน้อง จะบอกน้องให้ตามตำรวจมาได้อย่างไร ถ้าเด็กๆกลัวตำรวจแล้วไม่มาล่ะ ผมจะทำยังไงต่อไป ..
“แม่อยู่โรงพักน่ะหนู เขาให้ลุงตำรวจมารับ” ผมตอบเลี่ยงๆไปเด็กๆเดินตามผมมาขึ้นรถ อย่างว่าง่าย ระหว่างเดินทางผมพูดคุยกับเด็กเพื่อให้ผ่อนคลาย
“ไง ลูกเรียนเป็นงัย เรียนเก่งกันหรือปล่าว โรงเรียนหยุดกี่วันลูก”
“หนูสอบได้ที่ 3 ส่วนน้องหนู มันเรียนได้แค่ 1 กว่าๆ “ น้องไอซ์บอกแทนน้องเสร็จสรรพ เจ้าตัวเล็กน้องชายรีบเถียงแทนว่า” หนูไม่ค่อยได้ไปเรียน คับ หยุดบ่อย แต่เมื่อวันศุกร์ หนูทำการ์ดวันแม่ สวยได้ที่๑ ด้วยละ แต่ยังไม่ได้เอามาให้แม่ ครูเขาเอาไปติดโชว์หน้าห้อง” เจ้าน้องชายพูดอวดพี่สาวให้ผมฟัง... ผมนิ่งแบบจุกไม่อยากจะนึกถึงว่าอีกไม่เกิน10นาทีข้างหน้า ภาพจะเป็นอย่างไรต่อไป...
ผมเปิดโอกาสให้แม่ลูกได้สั่งเสีย พูดคุยกันเกือบชั่วโมง ก่อนที่จะประสานเจ้าหน้าศูนย์บ้านพักเด็กและครอบครัวเรื่องจะขอส่งตัวเด็กไปยังบ้านพัก..
เสียงสะอื้นของแม่ เสียงร้องของลูกคงดังเป็นระยะๆในยามค่ำของวันหยุด..วันที่หลายครอบครัวแม่ลูกกอดกัน กินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข คำสอนของแม่ในวันที่ไร้อิสระภาพคงพร่ำสอน ให้พี่สาวรักน้องและดูแลน้องให้ดี ให้ตั้งใจร่ำเรียนหนังสือ แหวนทองที่นิ้วของแม่ สมบัติติดตัวชิ้นสุดแม่ถอดออกมาไหว้วานให้ขายมาเพื่อแบ่งให้เป็นค่าขนมลูก .. มันคงเป็นการทำหน้าที่แม่ครั้งสุดท้ายในวันแม่นี้........
ผมไม่ได้ไปหาแม่ในตอนเย็นหลังออกเวร ตามที่รับปากแม่ไว้.. เพราะทำหน้าที่ที่มันติดพันกันจนมืดค่ำดึกดื่น...ไม่มีพวงมะลิ ไม่มีอาหารมื้อหรู มีแต่งานที่ต้องทำให้จบสมบูรณ์ แต่ผมเชื่อว่าการที่ทำให้แม่คนหนึ่งพ้นความทุกข์ใจ หมดห่วงนั้น เป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง....และบุญนั้นขอยกให้บิดามารดาที่ให้กำเนิดผมมา จนทำให้ผมมีโอกาสได้ทำในสิ่งนี้.....
ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ,พี่สิบเวร,พี่แม้วพลขับ,น้องนนท์,พี่ตุ๊ ประจำวัน,น้องปิงปอง รับผลบุญกุศลถ้วนหน้ากันครับ..
#คัดลอกจากเรื่องเล่าของร้อยเวร
แฟนเพจ ร้อยเวร