เอาแล้วไง? พยานสำคัญเปิดปากเห็นกับตา "มิ๊ก" ไม่ใช่ฆาตกร ทำไมโดนจับประหาร!!!?
วันที่ 21 มิ.ย. 61 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นายสุนทร และนางยุคล สุขมาก พ่อแม่ นายดนุเดช สุขมาก ผู้เสียชีวิตจากการก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์โดยนักโทษประหาร นายธีรศักดิ์ หลงจิ หรือ มิก เข้ายื่นหนังสือขอให้ตำรวจเร่งรัดคดีจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.ต.สมพงศ์ ทองใบ ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า คดีดังกล่าวสามารถสอบสวนได้อยู่แล้วเนื่องจากอยู่ในอายุความ แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวน เพราะทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระยะเวลาของการสืบสวนสอบสวน ซึ่งก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้หนักใจเกี่ยวกับเรื่องคดีดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่นายเอ (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองกับเพื่อนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปที่สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนรินทร์ 95 เห็นวัยรุ่น 2 คน กำลังจ้วงแทงวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง โดยคนร้ายคนหนึ่งอยู่ด้านหลังมัดแขนวัยรุ่นคนถูกทำร้ายไว้ ส่วนอีกคนกำลังใช้มีดจ้วง ขณะนั้นตนกับเพื่อนได้ชะลอรถอยู่ห่างจากคนร้ายประมาณ 50 เมตร ซึ่งคนร้าย 2 คนนั้นก็หันมามองตนกับเพื่อนด้วย โดยตนกับเพื่อนไม่รู้จักว่า 2 คนนั้นเป็นใคร
หลังจากนั้นคนร้าย 2 คนนั้น ก็ได้วิ่งมาขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์และขี่ไล่ตามตนกับเพื่อนมา ซึ่งในมือถือมีดชูมาด้วย เพื่อจะจ้วงแทงตน คงหวังปิดปาก แต่ตนรีบบอกเพื่อนให้เร่งความเร็วรถ จึงหนีมาได้
ทั้งนี้ ช่วงที่ 2 คนร้ายหันมามองตนกับเพื่อน เป็นจังหวะเดียวกับนายมิกซึ่งมากับเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์สวนทางกับตนมาพอดี โดยนายมิกก็เห็นเหตุการณ์ และตะโกนบอกตนว่า “อย่าเข้าไป อย่าเข้าไป เขาแทงกันอยู่” โดยต่างคนก็รีบซิ่งรถหนี โดยมีดที่คนร้ายจ้วงแทงวัยรุ่นคนที่เสียชีวิตเป็นมีดเล่มใหญ่และยาว ไม่ใช่มีดที่ออกข่าวด้ามเล็กแหลม
โดยหลังเกิดคดี ตนกับเพื่อนก็ติดตามข่าว จนกระทั่งมาทราบว่า นายมิกถูกจับ แต่ตนคาดไม่ถึงว่า เหตุการณ์จะบานปลายกลายมาถึงขั้นถูกประหาร ตนและเพื่อนจึงรู้สึกเสียใจมาก เพราะนายมิกไม่ได้ทำ และตนก็ไม่เคยถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำหรืออะไร ตนยืนยันว่า คนร้าย 2 คนที่ก่อเหตุนั้น ตนไม่รู้จักจริงๆ จำได้แค่ว่า คนแทงผิวดำ รูปร่างสูงใหญ่ ส่วนคนมัดตัวเล็กกว่า ตนกับเพื่อนก็รู้สึกตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์จะมาเป็นแบบนี้ ตนกับนายมิกแค่รู้จักกัน เพราะอยู่ในตำบลเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้กินนอน หรือเที่ยวด้วยกัน
ด้านนางสายจิตร หลงจิ อายุ 47 ปี แม่นายมิก กล่าวด้วยน้ำตาคลอตลอดเวลาว่า 6 ปีที่ลูกชายอยู่ในเรือนจำ เมื่อแม่เดินทางเยี่ยม ลูกชายจะบอกกับตนตลอดว่า เขาไม่ได้ทำถ้าเขาทำเขารับแล้ว จนกระทั่งนาทีสุดท้าย เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้ทำ ตนจึงสงสารลูก ซึ่งในเหตุการณ์มีคนเห็นเหตุการณ์หลายคน จึงอยากขอวิงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้เห็นเหตุการณ์ให้ออกมาบอกความจริง
ส่วนตัวก็เข้าใจฝั่งคนสูญเสีย ไม่มีใครไม่เสียใจ หัวอกคนเป็นแม่ ลูกทั้งคน ถ้าลูกเราทำจริง เราก็ยอมรับตรงนั้น แต่ขณะนี้ลูกยืนยันกับแม่ว่า ลูกไม่ได้ทำ มาถึงขณะนี้รอตำรวจจับคนร้ายอีกคน เป็นความหวังว่าคนร้ายที่เหลืออีกคนที่ตำรวจบอก จะได้มาพูดความจริงว่าใช่หรือไม่ใช่ ที่บอกว่าลูกเป็นคนทำ ตอนเห็นภาพข่าวที่คนตายนอนอยู่แล้ว แม่เขากอดลูก ตนก็เสียใจ ก็ถามลูกว่า ลูกทำหรือไม่ ถ้าลูกทำ ลูกต้องยอมรับนะ ลูกก็บอกว่า ผมไม่ได้ทำม๊ะ จึงเสียใจมาก เสียใจแทนเขา เพราะนึกถึงหัวอกลูกเขาลูกเราด้วยเช่นกัน