ทางเลือกสำหรับผู้ปกครองรุ่นใหม่ !!
ผมทำงานกับกลุ่มเยาวชนมา 10 ปีกว่า ในเรื่อง เพศ การป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
สิ่งผมอยากเล่า ผมเรียนรู้จากพวกเขาตอนนี้ที่เราได้คุยกัน ฝึกอบรม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนผ่านการเป็นเด็ก เยาวชน และวัยรุ่น มาแล้วทั้งนั้นกับไม่ค่อยเปิดใจที่จะเข้าใจพวกเขาเลยทั้ง ๆ ที่ตอนเราเป็นเด็ก เยาวชน และวัยรุ่นเราก็อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจในช่วงที่เราเป็นเด็ก และเยาวชนมากที่สุดเช่นกัน
และยิ่งสมัยนี้ เด็ก และเยาวชนชอบฟังเหตุผลต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ควรจะอธิบาย มากกว่าที่จะพูดว่า ห้าม! อย่าทำ! อย่าขัดคำสั่งนะ! ทำไม่ได้! โดยที่ผู้ใหญ่มักจะไม่อธิบายด้วยเหตุผล และไม่รับฟังคำอธิบายของพวกเขา เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ตัวอย่าง “ห้ามมีความรัก ในวัยเรียน เดียวจะเรียนไม่จบ”
ไม่ผิดที่ผู้ใหญ่จะพูดแบบนั้น แต่ผู้ใหญ่น่าจะอธิบายมากกว่าที่จะพูดด้านเดียว ซึ่งการมีความรักในวัยเรียนหลายคนก็เรียนไม่จบจริง ๆ อันนี้ผมไม่เถียงนะแต่ไม่ใช่ทุกคน บางคนถึงแม้มีความรักในวัยเรียนเขาทั้งสองคนก็เรียนจบและเป็นคู่ชีวิตสร้างครอบครัวร่วมกันมาก็มีมากมาย ผู้ใหญ่ควรชวนพวกเขาวิเคราะห์ถึงข้อดี-ข้อเสีย ที่จะตามมาหากมีความรักในวัยเรียน แต่ถ้าจะมีจริง ๆ พวกเขาคิดอย่างไร ขอบเขตของการมีความรักควรมีแค่ไหน แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับคำว่าเด็ก เยาวชน และวัยรุ่น การชวนคุย รับฟังพวกเขา และเคียงข้าง เมื่อพวกเขามีปัญหาตั้งหากที่เป็นเกาะป้องกันให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่าปล่อยให้พวกเขาไปหาข้อมูลจากโลกภายนอก หรือ รอให้โรงเรียนสอน เพราะว่าโรงเรียนมีหน้าที่สอนหนังสือมากกว่าที่จะสอนทักษะชีวิต เราในฐานะผู้ปกครองต้องเริ่มสอนพวกเขาก่อนที่จะให้คนอื่นมาบอกแล้วสิ่งที่บอกมันเป็นข้อมูลที่ผิด ๆ ครับ
ตัวอย่าง “ห้ามชิงสุกก่อนห่าม”
ต้องย้อนกลับไปตอนทีพวกเราเป็นเด็ก เยาวชน และวัยรุ่น ห้ามชิงสุกก่อนห่าม เราก็อยากทำ เราอยากลอง เราอยากรู้ แต่การห้ามในยุคนั้นกับยุคนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะว่าในยุคนั้นไม่มีการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์มือถือ การเดินทางก็ไม่ค่อยสะดวกรวดเร็ว ฯลฯ
ผมคิดว่ายุคนี้เราต้องสองทางเลือกกับพวกเขา ยิ่งยุคนี้ร่างกายของเด็ก เยาวชน และวัยรุ่นเติบโต รวดเร็วกว่าเมื่อสมัยก่อน พวกเราพยายามห้ามความคิด พยายามปิดกั้นข้อจำกัดทุกทาง แต่พวกเราไม่สามารถห้าม หรือ ปิดกั้น การเติบโตทางร่างกายได้ เมื่อถึงในวัยของพวกเขาร่างกายมันก็แสดงความต้องการมันออกมา เช่น ความต้องการทางเพศ ความต้องการทางอารมณ์ การอยากมีความรัก การอยากมีห้องนอนส่วนตัว การมีโลกส่วนตัว เป็นต้น
ผู้ใหญ่อย่างเราควรสอนพวกเขาว่า ถ้ามีความต้องการทางเพศ มีอารมณ์ทางเพศพวกเขาต้องทำอย่างไร ไม่ใช่บอกว่า ถ้ามีความต้องการทางเพศ ให้ไปเล่นกีฬา หรือหางานบ้านทำ ลองนึกถึงความรู้สึกตนเองสิ ถ้าตนเองมีอารมณ์ทางเพศ พวกเราสามารถหันเหไปเล่นกีฬา หรือทำงานบ้าน ได้จริงหรือ ?
การสำเร็วความใคร่ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันช่วยเรื่อง ห้ามชิงสุกก่อนห่าม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย-ผู้หญิง หรือเพศไหน ๆ แต่ผู้ใหญ่อย่างเราควรบอกพวกเขาว่าแค่ไหนถึงจะเหมาะสม แบบไหนที่ไม่หมกมุ่น เพราะอะไรคนเราถึงต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ควรทำที่ไหน และเรื่องแบบนี้ไม่ควรเอาไปเปิดเผยให้คนอื่นฟังเพราะอะไร ดีกว่าให้พวกเขาไปเรียนรู้วิธีการต่าง ๆ หาข้อมูลจากโลกภายนอก
ที่ผ่านมาพวกเขาตอบผมว่า เขาหาข้อมูลเรื่องสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองจากเพื่อน และอินเตอร์เน็ต มากกว่าจากผู้ปกครอง เพราะถ้าสอบถามผู้ปกครองจะโดนต่อว่า
และสิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือข้อมูลที่เขาได้จากคนรอบข้างมักเป็นข้อมูลที่ผิด มักเป็นความเชื่อ และไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความจริง
ถ้าพวกเขาต้องชิงสุกก่อนห่าม อะไรจะตามมา การชวนคุย รับฟังพวกเขา และเคียงข้าง เมื่อพวกเขาตัดสินใจคือสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ในยุคนี้
การสอนเรื่องการป้องกันก็เป็นทางเลือกที่จะให้พวกเขาปลอดภัยในทุกเรื่อง เช่น ท้องเมื่อไม่พร้อมในวัยเรียน ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การทำแท้ง เป็นต้น
พวกเขาบอกผมว่า
-ถ้าพวกเขาสอบถามว่า เพราะอะไรพวกเขาถึง อวัยวะเพศเล็ก-ใหญ่ไม่เท่ากัน ทำไมน้องผู้หญิงนอนกับพี่ชายไม่ได้เมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ฯลฯ “ถ้าสอบถามก็จะโดนที่บ้านด่าว่าทำไม่ต้องรู้เกินเด็ก”
-ถ้าพวกเขาสอบถามเรื่องการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง “พวกเขากลับถูกมองว่า แรด ร่าน ไม่เหมาะสม”
-ถ้าพวกเขาเดินไปซื้อถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งท้อง หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ “พวกเขาต้องเผชิญกับสายตาทั้งคนขายและคนรอบข้าง มองพวกเขาอย่างตัวประหลาด”
-ถ้าพวกเขาทำแท้ง เมื่อพวกเขาไม่พร้อมจะมีลูกในวัยเรียน “พวกเขาก็โดนสังคมประณามอีก”
-ถ้าพวกเขาพกถุงยางอนามัยติดตัว “พวกเขาก็โดนด่าว่าไม่เหมาะสม”
ท้ายที่สุดพวกเขาไม่มีทางเลือกเลยเหรอ !!
ถ้าเราเปิดใจคุยกับพวกเขาจะได้รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับเรื่องแบบนี้ เขามีแผนอย่างไร เขามีทางออกไหมถ้าเขาต้องเจอกับปัญหาจริง ๆ
อย่ารอให้คนอื่นมาสอนเรื่องเพศกับลูก ๆ ของคุณ หรือรอให้ลูกของคุณไปหาข้อมูลเรื่องเพศจากคนอื่น ๆ
แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดบางครอบครัวเท่านั้น เพราะว่าบางครอบครัวก็เปิดใจคุยเรื่องเพศกับลูกจริง ๆ
ขอบคุณเจ้าของภาพประกอบ