หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ส่องเกษตรยุค “ออเจ้า” ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว สู่ยุคปัจจุบัน

Share แชร์บอร์ด ข่าววันนี้ เนื้อหาโดย ZOOMPR

ส่องเกษตรยุค “ออเจ้า” ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว สู่ยุคปัจจุบัน

 

ละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ที่กำลังเป็นกระแส “ทอล์คออฟเดอะทาวน์” อยู่ในขณะนี้ ถือว่าเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ด้วยเนื้อหาที่แปลกแหวกแนวสร้างสรรค์แตกต่างจากละครเดิมๆ ของไทยในอดีตที่มีแต่ตบตีแย่งชิงเชิงชู้สาวเป็นส่วนใหญ่ พระนางอย่าง “แม่การะเกด” และ “พ่อหมื่นสุนทรเทวา” ซึ่งแสดงได้อย่างลงตัว มีเสน่ห์ เรียกแฟนคลับให้เกาะติดอยู่หน้าจอในช่วงวันพุธ พฤหัสบดีได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังมีนักแสดงร่วมแทคทีมประชันฝีมือกันมากมาย จนทำให้ละครเรื่องนี้มีคุณภาพระดับคับแก้ว โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั้งเรื่องเกือบทุกตัวละครไม่ว่าจะตัวเด่นหรือตัวรอง

“ดูละครแล้วให้ย้อนดูตัว” ด้วยละครเรื่องนี้นับว่ามีการสอดแทรกขนมธรรมเนียม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงอย่างมาก พฤติกรรมของตัวเอกในละครที่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไร ก็จะมีผู้ชมนิยมชมชอบทำตามและแชร์ตามโลกโซเชี่ยลในชั่วพริบตา ยกตัวอย่างการนำเสนอเมนูอาหารในเรื่อง เช่น กุ้งแม่น้ำเผา มะม่วงน้ำปลาหวาน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง หมู่โสร่ง เป็นต้นทำให้ได้ทราบประวัติความเป็นมาของเมนูหรือเรื่องนั้นๆ ด้วย จนสร้างปรากฏการณ์ที่แตกต่างมากถ้าเทียบกับละครเรื่องอื่นๆ

แต่ยังมีอีกหนึ่งมุมหนึ่งที่ทางผู้ผลิตละครเรื่องนี้นำเสนอน้อยไปสักนิด คือเรื่องของวิถีเกษตรกรรมไทยในสมัยนั้น ซึ่งความจริงน่าจะเป็นยุคที่เรียกได้ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” เพราะการทำเกษตรกรรมของชาวอยุธยาสมัยนั้น คงยังไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นพิษมากมายเหมือนในปัจจุบันนี้ บ้านเมืองยังคงอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผู้คนยังดื่มด่ำกับธรรมชาติได้เกือบทั่วทุกตารางนิ้ว น้ำท่าที่ใช้ในการอุปโภค บริโภค ตามห้วยหนอง คลองบึงก็ใช้ได้ทันที ไม่ต้องระวังยาฆ่าหญ้า รวมถึงสารกำจัดโรคแมลงอย่างในปัจจุบัน ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้นำเข้ามาได้อย่างสะดวกโยธินจนยอดปีละหลายหมื่นล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรนำไปอาบชโลมลงแปลงเพาะปลูก ตกค้างอยู่ตามป่าต้นน้ำลำธารและยอดเขาเมื่อฝนตกก็ชะล้างสารพิษเหล่านี้ลงไปสู่แหล่งน้ำ ลำคลอง ส่งผลให้น้ำเป็นพิษ กุ้ง หอย ปู ปลา ล้มหายตายจากสูญพันธุ์ไปเป็นจำนวนมาก

 ยกตัวอย่าง “ศัตรูพืช ศัตรูข้าว” เช่น หนูนา และปูนา ยังเกือบจะสูญพันธุ์ จนนำมาสู่ความน่าสมเพชเวทนาในปัจจุบันคือเกษตรกรต้องหันมาเพาะเลี้ยงจำหน่ายขยายพันธุ์ “หนูนา” และ “ปูนา” สร้างรายได้กันอย่างน่าอนาถใจ เพราะในไม่ช้ามันอาจจะล้นและกลับมาทำลายพืชผลของเกษตรกรเอง ที่โลกกลับตาลปัตรเช่นนี้ ก็เพราะสาเหตุหลักมาจากการใช้สารพิษอย่างไม่บันยะบันยัง จนทำให้ศัตรูพืชที่แพร่กระจายขยายพันธุ์ได้ง่าย ยังเกือบสูญพันธุ์และลดน้อยถอยลงดังที่กล่าวไป เพราะสารเคมีที่เป็นพิษถูกส่งไปทำลายล้างเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้ง “ชนิดดี” และ “ชนิดร้าย” ในธรรมชาติจนราบคาบหมดสิ้น และอาจจะไม่เว้นแม้กระทั่ง “มนุษย์” ด้วยก็เป็นได้ ถ้ายังไม่ “หยุด”!!! แล้วเราจะปล่อยให้ประเทศของเราเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ กระนั้นหรือ???... เดาไม่ออกเลยว่าอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต่อไปคงต้องเพาะเลี้ยงหนอน แมลงศัตรูพืชมาเป็นอาหารกันอีกด้วยหรือไม่

จึงอยากเชิญชวนเหล่าออเจ้าชาวเกษตรกรมาช่วยกัน ลด ละ เลี่ยง เลิกใช้สารพิษกันเถอะ โดยหันมาใส่ใจวิธีการทำเกษตรปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ แบบพึ่งพิงอิงธรรมชาติ ใช้ปัจจัยการผลิตจากสิ่งที่มีง่ายๆใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ ใบหญ้า ตอซังฟางข้าว พืชสมุนไพรไล่แมลงอย่างขิง ข่า ตะไคร้  ใบมะกรูด ขมิ้นชัน ไพล ฟ้าทะลายโจร ฯลฯ รวมถึงการใช้จุลินทรีย์ขี้ควาย จุลินทรีย์หน่อกล้วย จุลินทรีย์ขุยไผ่ ทั้งหมดเป็นจุลินทรีย์ท้องถิ่นไทยที่ใช้ในการปราบโรคแมลง ใช้หินแร่ภูเขาไฟไทยในการปรับปรุงบำรุงดิน สร้างระบบนิเวศน์ให้กลับสู่สภาพยุคออเจ้าให้มากที่สุด

วันนี้คนไทยกำลังสนุกและมีความสุขกับละคร “บุพเพสันนิวาส” กำลังนิยมชมชอบชุดไทย แต่งไทย กิน ขนมไทย อาหารไทย และสถานที่ต่างๆ ในประวัติศาสตร์ไทย แล้วทำไมเราจะกลับไปทำอาชีพเกษตรกรรมแบบไทยๆ บ้างไม่ได้ โดยการใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย ใช้หินแร่ภูเขาไฟไทย ใช้สมุนไพรไทย ตามวิถีการทำเกษตรแบบไทยๆ โดยไม่ต้องใช้สินค้านำเข้าพวกสารเคมีกำจัดโรค แมลง ศัตรูพืชจากต่างประเทศ เท่านี้ก็สามารถช่วยอนุรักษ์ทรัพยากร สิ่งแวดล้อม ผืนแผ่นดินของไทยให้อยู่ยั้งยืนยงไปชั่วลูกชั่วหลานแบบบูรณาการสร้าง “ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ตามนโยบายรัฐบาล “ลุงตู่” ได้อีกทางหนึ่งได้อย่างดีเลยทีเดียวนะขอรับ

สนับสนุนบทความโดยนายมนตรี บุญจรัส

กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02 986 1680 – 2

เนื้อหาโดย: zaaaaaaa
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ZOOMPR's profile


โพสท์โดย: ZOOMPR
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: เยี่ยหัว
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
10 เคล็ดลับในการฮีลใจตัวเอง สามารถทำได้อย่างไรบ้าง มาดูกันจ้ากราบหัวใจ!บุญอันยิ่งใหญ่ ของครอบครัว "รูปดี" ผู้บริจาคร่างอาจารย์ใหญ่จดไว้เลย!! 2ตัวล่าง 78ให้มาตรงๆ 1 เมษายน 2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รพ.แม่ลาน แจง! "บังชาติ"หรือ"แม่หญิงลี" ไม่ได้เป็นบุคลากรรพ.แม่ลาน หลังบุคคลดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิด!อ่านนิยายไร้สาระจริงหรือ"ซีอิ๊วแบบเม็ด" ฉีกทุกกฎของซอส..นวัตกรรมใหม่จาก "เด็กสมบูรณ์""บิ๊กเต่า" รับหลักฐาน "ทนายตั้ม" ลั่น ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง9 โรงเรียนหญิงล้วนที่น่าสนใจในประเทศไทย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
คลิปไวรัล! “เตือนแล้วไมีฟัง” พ่อสั่งสอนลูกชาย โดยทุบคอนโซลเกมจนพังยับเยินหนุ่มพ่นน้ำลายนาน 5 นาที กลายเป็นสถิติโลก!!เกิดเหตุทะเลาะวิวาททั่วสนามบินรัวซีรัสเซียส่งเรือรบไปทะเลแดงแล้ว
ตั้งกระทู้ใหม่