ราชาเงินทุน ร้อง สตช.ฟ้องกรมบังคับคดี เรียกเงิน 1,700 ล้านบาทคืนนานมากถึง 40 ปี

ราชาเงินทุน ร้อง สตช.ฟ้องกรมบังคับคดี  เรียกเงิน 1,700 ล้านบาทคืนนานมากถึง 40 ปี

สำนักงานกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พลเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วันชัย อยู่แสง รอง.ผบก.อำนวยการ สนง.สตช.เป็นรับหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกันคดีของ ราชาเงินทุน มีนายเสรี ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการและเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทย์บริษัทราชาเงินทุน จำกัด ที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมมือกับ แบงค์ใหญ่ สร้างหลักฐานจนทำให้ล้มละลาย ไม่ชอบด้วยกฏหมายทำให้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ม.9 ทำให้เจ้าหนี้ผู้ซื้อตั๋วเงิน(เงินฝาก) และผู้ซื้อหุ้นโดยสุจริตในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายพันคน สร้างความเสียหายหลายพันล้าน จึงต้องมาร้องทุกข์กับทาง สตช.เพื่อทำการฟ้องกรมบังคับคดีในโอกาสต่อไป

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติและเป็นเลขาธิการภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ พร้อมทั้ง นายณัชพล สุขพัฒนะ(มาร์ค พิทบูล) ประธานชมรมคนคุณภาพ ได้นำ นายเสรี ทรัพย์เจริญ อายุ 87 ปี อดีตประธานกรรมการ บริษัทราชาเงินทุนจำกัด ซึ่งได้ถูกหน่วยงานภาครัฐ และ แบงค์ใหญ่ร่วมมือกันสร้างหลักฐานโดยมิชอบ จึงทำให้ บริษัทราชาเงินทุนถูกฟ้องล้มละลาย สร้างความเสียหายมากมาย ซึ่งทางบริษัทราชาเงินทุน ได้เรียกร้องกับหน่วยงานของรัฐจนทางศาลสถิตยุติธรรม ได้เพิกถอนคดีว่าบริษัทราชาเงินทุนไม่ผิด ก็ได้ติดตามถามไถ่กับกรมบังคับคดี และหน่วยงานพิทักษ์ทรัพย์สินเพื่อนำทรัพย์สินมาคืนให้กับเจ้าหนี้ลูกหนี้ของบริษัทราชาเงินทุน และ ได้เงินทุน ไปแล้วบางส่วน แต่ยังคงเหลือเงินอีก 1,700 ล้านบาทที่ยังอยู่ในส่วนของการพิทักษ์ทรัพย์สิน กรมบังคับคดี ทึ่ปิดบังซ่อนเร้นนิ่งเฉยมาเป็นเวลานานถึง 38 ปี โดยกล่าวอ้างว่าบริษัทราชาเงินทุน ไม่มีหลักฐานในการยื่นเรื่องขอคืนทรัพย์สินที่ยังคงค้างอยู่ การติดตามทวงถามทุกช่องทางในด้านกฏหมาย แต่ยังขาดพยานหลักฐานการขอคืนทรัพย์สินเงินทองจึงถูกละเลยมาโดยตลอด

เมื่อไม่นานนี้ นายเสรี ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการของบริษัทราชาเงินทุน ได้ค้นหาหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวกับคดีการฟ้องร้อง ล้มละลายนั้น ได้มาจนครบทุกขั้นตอน จึงปรึกษาทางภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติและภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ เพื่อเดินเรื่องเรียกร้องความเป็นธรรมต่อทรัพย์สินที่ยังคงค้างในกรมบังคับคดีมูลค่า 17,00 ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยในช่วงนั้นเป็นเวลายาวนานถึง 38 ปี ทรัพย์สินจึงเพิ่มขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านมา การยื่นเรื่อง ครั้งนี้ต่อ สตช.เพื่อให้รับรู้จะได้นำหลักฐาน การร้องเรียนไปแจ้งความยังหน่วยงานของรัฐอีกหลายหน่วยงาน เพื่อเรียกร้องความเป็น ธรรมให้กลับคืนมาต่อทรัพย์สินของบริษัทราชาเงินทุน ซึ่งเป็นผู้เสียหายทั้งหมด ยังคงต้องเดินหน้าเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อหน่วยงานของรัฐในการฟ้องร้องเรียกทรัพย์สินคืนจากกรมบังคับคดีต่อไป