คนจนเตรียมเฮๆ!!! ครม.เห็นชอบอนุมัติฉุกเฉิน ปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อย ไม่เกิน "คนละ 5 หมื่นบาท" ไม่ต้องง้อหนี้นอกระบบอีกต่อไป!!!
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 2 ของธนาคารออมสิน วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท พร้อมอนุมัติวงเงินงบประมาณที่ใช้ในโครงการดังกล่าว เป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดไม่เกิน 4,000 ล้านบาท โดยมอบหมายให้ธนาคารออมสินทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 2 ของธนาคารออมสินนี้ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ประมาณ 2 แสนราย โดยไม่ต้องไปใช้บริการสินเชื่อนอกระบบ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่มีภาระดอกเบี้ยสูง และในบางกรณีที่มีการติดตามทวงหนี้โดยใช้ความรุนแรง ส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมา
โครงการสินเชื่อรายย่อยฯ ดังกล่าว จะอนุมัติให้กู้ไม่เกินรายละ 50,000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกิน 0.85% ต่อเดือน มีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้จะพิจารณาการให้สินเชื่อจากความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก โดยสามารถตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรได้ แต่จะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ และสามารถขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 มี.ค. 63 สำหรับกลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนที่มีการประกอบอาชีพและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน หลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก โดยสามารถตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรได้ แต่จะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉินเร่งด่วน โดยไม่ต้องไปใช้บริการหนี้นอกระบบ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูง สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการให้ดีขึ้นประมาณ 200,000 ราย
...................................................................
31-3-61 เวลา 19.02 น.