รีวิวหนังใหม่ Ready Player One : สนุกที่สุดในรอบ10ปีของหนังพ่อมดสปีลเบิร์ก (ไม่สปอยส์) - MUST SEE ในโรง

สารภาพก่อนเลยว่าผลงานเรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งงานที่ผมรอคอยมานานมาก นับตั้งแต่มีการประกาศสร้างเมื่อหลายปีก่อน
ใช่ครับ ตอนนั้นอ่านแค่เรื่องย่อ รู้แค่ว่าจะเป็นไซไฟ โลกอนาคต ก็แทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว นี่คือหนังดีที่เรารอคอยจริงๆ สมการรอคอย อย่าพลาดในโรงกันนะครับ



และเมื่อได้ทราบข่าวว่าผู้กำกับที่มากความสามารถที่สุดอีกคนของฮอลลีวู้ด จะมาคุมบังเหียนเอง
ก็เฝ้ารอและติดตามข่าวคราวของมันตลอดนับจากนั้น

จริงอยู่ฉายาพ่อมดฮอลลีวู้ดของสปีลเบิร์กไม่ได้มาแบบฟลุคๆ
ผลงานมากมายของสปีลเบิร์กได้รับการยอมรับ กล่าวขาน และสร้างความน่าตื่นตะลึงมากมายในวงการภาพยนตร์
สิ่งที่ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆเลยก็คือ การที่สปีลเบิร์กมารับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นผลงานไซไฟแฟนตาซีที่สร้างมาจากหนังสือชื่อดังของ Ernest Cline ที่ขายดีมายาวนานหลายปีตั้งแต่ปี 2011


ในความรู้สึกตอนที่มันประกาศสร้าง แค่ชื่อ แค่เห็นแนวหนัง เรื่องย่อเล็กน้อย ก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ
เลยไปลองหาหนังสือมาอ่านดู และพบว่า นี่คือนวนิยายชั้นยอดในโซนไซไฟ ที่ดีที่สุดในทศวรรษนี้อีกเล่มก็ว่าได้ มันเป็นเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์วัยผู้ใหญ่ และเป็นมหากาพย์เล่มเดียวจบ เล่าได้ลงตัว ตรึงใจอย่างไม่น่าเชื่อ
เพียงแค่หนังสือ ก็ทำให้ผมรู้แล้วว่า มันมีวัตถุดิบมากแค่ไหนในการนำมาสร้างเป็นหนังเรื่องนี้ และโชคดีที่รอบนี้ ได้มีผู้กำกับเก่งๆอย่างสปีลเบิร์กมาจับโปรเจคนี้ กุมบังเหียนผู้กำกับด้วยตนเอง ยิ่งเชื่อได้ว่า งานต้องออกมาไม่ธรรมดาแน่นอน


และจากตัวอย่าง ทำให้เราได้เห็นแล้วว่า อายุ 71 ปีของผู้กำกับท่านนี้ ไม่ทำให้ผลงานของแกดูแก่ ดูเชยได้เลยสักนิด ทว่าผลงานที่ออกมา ยิ่งทวีความเก๋าเกมส์ขึ้นไปอีก จนแม้แต่ในตัวอย่าง เรายังเห็นเขาใช้คำนิยามให้ผู้กำกับสปีลเบิร์กรอบนี้ว่า a Game Changer ซึ่งจากบทสัมภาษณ์ แกได้พูดมาตลอดว่าแกรักโลกของเกมแค่ไหน หลงใหลมาตลอด และแน่นอนว่าโอเอซิส ใน Ready Player One คือขุมทรัพย์ชั้นยอด ที่รวมวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ยุค 80 มาไว้ในเรื่องเดียว ให้เล่าผ่านหนังเรื่องนี้ได้อย่างจัดเต็ม





นี่คือหนังที่คนดูกลุ่มแรกได้บอกมาแล้วว่า จะทำให้อ้าปากค้างกันอีกครั้งเสมือนตอนแกทำจูราสิคพาร์คภาคแรกเลย
และนี่คือหนังที่ผู้กำกับวัยเลข7ท่านนี้ อดหลับอดนอนมายาวนานมากที่สุดนับจาก Saving Private Ryan เพราะเรื่องนี้มันมีอะไรบางอย่างให้แกคิด จนเหมือนไฮเปอร์ ตัวดีด อยากเข้าออกห้องตัดตลอดเวลา
บิ้วท์ขนาดนี้ ไม่ดูก็แย่แล้ว
ดูจบ พบว่า พลังแห่งพ่อมดสปีลเบิร์ก และความคิดสร้างสรรค์โลกโอเอซิสของ เออร์เนส ไคลซ์สามารถทำให้เราพูดได้เต็มปากว่า

นี่คือหนังที่ดีที่สุดที่ผมได้ดูมาตั้งแต่ขึ้นปีใหม่2018
ที่บอกว่าให้อยากให้คะแนนเต็ม A+ ตั้งแต่ก่อนดู ขอปรับให้เป็น A+++++++++++++ เลยหลังดูจบ ด้วยพลังเนิร์ดเต็มขั้น โอเคอาจดาร์คน้อยกว่าในหนังสือ แต่การเล่าเรื่องแบบไร้กรอบจินตนาการแบบนี้ เป็นสิ่งที่เรารอเฝ้าดูมายาวนานมากในผลงานของสตีเว่น สปีลเบิร์ก และเมื่อบทประพันธ์ชั้นยอดได้ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เรื่องราวที่ควรถูกเล่า จากฝีมือผู้สร้างถูกคน ถูกเวลา งานได้ถูกสร้างขึ้น บอกเลยว่านี่คือความสุดของติ่งแล้ว
ไม่เสียดายที่รอมานานตั้งแต่ที่มันประกาศสร้าง จนมาถึงการตายคาโรงบนจอใหญ่ IMAX 3D ครั้งนี้ คะแนน 10/10 ให้เกินได้ ให้แน่นอน อารมณ์หนังเหมือนได้มาดู ชาร์ลี กับโรงงานช๊อคโกแลต แบบไซไฟแฟนตาซีล้ำยุค พร้อมกับการทรีบิวPop Cultureยุค80มากมาย ที่เป็นไอค่อนและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นเราเติบโตมาในยุคนี้


ในเวอร์ชั่นหนังมีประโยคหนึ่งที่น่าสนใจจาก เจมส์ ฮัลลิเดย์ ผู้ก่อตั้งโอเอซิส ที่เปรียบเสมือนโซเชี่ยลแบบเฟซบุ๊คในอนาคต
แกบอกว่า “อย่าเล่นตามกฎ” และสิ่งที่ผมเห็นคือ ผู้สร้างอย่างสปีลเบิร์ก และ เออร์เนส ไคล์ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่ารอบนี้
เราจะไม่เล่นตามบท เดินตามกรอบ แต่การเล่าเรื่องเป็นหนังครั้งนี้ จะไม่ตามหนังสือแบบ 100% บางส่วนที่ตกผลึกมากกว่า สดใหม่กว่า จะถูกใส่ลงมาในหนังชนิดที่ว่าคนอ่านหนังสือมาแล้วก็คาดเดาไม่ได้


Motion Capture ในหนังที่หลายคนกังขา สงสัยว่ามันจะคล้ายกับการ์ตูนอนิเมชั่นไหม บอกเลยว่า ดีกว่าที่คิดเยอะมากครับ มันแทบจะเนรมิตโลกทั้งใบของโอเอซิส อารมณ์แบบที่หนังอวตารมีแพนดอร่าได้เลย นักแสดงต้องเล่นและให้การแสดงจริงๆเพื่อเอาไปแคปเจอร์ออกมาแบบที่เราเห็นๆกันนะฮะ ใช้เวลาทำเป็นปีๆไม่มีทางลวกแน่นอน และถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะแฟนตาซีมากกว่า แต่ก็คิดว่าการนำเสนอด้วยเทคนิคนี้ ทำให้การเล่าเรื่องมีความไร้ขอบเขต เหนือจินตนาการมากขึ้น นั่นหมายความว่า หนังเรื่องนี้กำลังสร้าง way ของตัวเองที่ออกมามีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร


ดนตรีเรื่องนี้ ได้นักประพันธ์ดนตรีจาก Back to the Future มาทำ ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่ากลิ่นอาย ความเป็นแฟนตาซียุค 80 มาเต็มเหนี่ยวแน่นอน รวมถึงเพลงมากมายที่ขนกันมาใส่ในหนังเรื่องนี้

คามิโอ้ตัวละครต่างๆ มากันมากมาย จนนับแทบไม่หมด อาจไม่เยอะเท่าในหนังสือ แต่ว่าเวลาได้เห็นตัวละครที่เรารักในหนัง มันจะฟินน์ต่อใจทุกที และการเล่าเรื่อง ในฐานะแฟนหนังสือคนหนึ่ง ที่สัมผัสได้ว่า แม้รายละเอียดบางอย่างจะถูกเปลี่ยนไป แต่ความสนุก วิชวลเจ๋งๆ การเล่าเรื่องมันส์ๆ แบบ MASS สุดๆ และสนุกสุดๆแบบนี้ ไม่ได้พบเจอในหนังสปีลเบิร์กมานานมากแล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นการปล่อยของครั้งสำคัญของแกจริงๆ และทำให้รู้ว่า ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ก็ไม่มีคำว่าแก่เกินกว่าจะสร้างสรรค์งานดีๆขึ้นมาไว้บนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่ได้รับการขนานนามและยกย่องให้เป็นถึง พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด เรียกได้ว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซยุคใหม่ที่ทวงบัลลังก์นี้กลับมาได้อย่างคู่ควรจริงๆ


เชียร์ให้ไปดูบนจอใหญ่ IMAX 3D ให้ได้นะครับ ระบบเสียงและระบบภาพจัดว่าสุด

ใครที่ยังลังเล ผมบอกอีกครั้งว่า โปรแกรมนี้ห้ามพลาดในโรงนะฮะ ถ้ายิ่งสายเนิร์ดชอบดูหนังหรือเสพผลงานตั้งแต่ช่วงยุค80

ปักหมุดวันฉายได้เลยฮะ 29 มีนาคม เป็นต้นไปครับ

ชมเวอร์ชั่นรีวิวเต็มๆแบบคลิปก็ได้นะฮะ ฟังได้ยาวๆเลย ไม่สปอยส์ครับ