“รวมภาพและกราฟฟิตี้เสือดำ” ทั่วไทย แทนเสียงเรียกร้องความยุติธรรม !!
หากพูดถึง “Graffiti” ใครหลายคนอาจจะร้องยี้ เพราะงาน “Graffiti”นั้นไม่ใช่ศิลปะที่มีกลุ่มคนชั้นสูงให้ความยอมรับซักเท่าไหร่นัก บางคนอาจจะมองว่าเป็นศิลปะขยะ เป็นศิลปะที่ไว้สำหรับปลดปล่อยอารมณ์ของพวกวัยรุ่นขี้ยาเท่านั้น แต่สำหรับพวก Writer (นักเขียน) หรือผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้สรรค์สร้างศิลปะบนผืนกำแพง บนท้องถนน บนรถเมล์ รถไฟ หรือที่ไหนๆ ก็ตามบนท้องถนน“Graffiti” ที่พวกเขารู้จักนั้น มันเป็นมากกว่าศิลปะครับ
เรามาค่อยๆ ทำความรู้จักกันนะครับ ว่า “Graffiti” คืออะไร สำหรับคำว่า “Graffiti” นั้นหมายถึง "ภาพวาดที่เกิดจากการขีดเขียนหรือการขูดขีดไปบนผนัง" เป็นศัพท์ที่มาจากภาษากรีก คือคำว่า graphein ที่แปลว่า "การเขียน"และคำว่า "graffiti" โดยตัวของมันเองเป็นคำพหูพจน์ของคำว่า"graffito" ในภาษาอิตาเลียน
จากหนังสือ Freight Train Graffiti ให้คำนิยาม ว่า "กราฟฟิตีถือเป็นวัฒนธรรมนอกกระแสที่เปรียบได้กับสัญลักษณ์ของความเป็น ขบถ ราวกับว่ามันก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซ่าน เป็นสุข เมื่อยามที่ศิลปินกราฟฟิตีได้ท้าทายต่ออำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามกีดกัน กำจัดกราฟฟิตีให้หมดไป"
กราฟฟิตีเริ่มต้นขึ้นในเมืองฟิลาเดลเฟียในช่วงทศวรรษที่ 60 สาเหตุการเกิดของกราฟฟิตีนั้น ในยุคสมัยที่การเหยียดสีผิวเป็นไปอย่างเข้มข้น พวกพี่มืดในอเมริกาต่างลุกขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ในหลักของสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งเกิดการปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยสิทธิพลเมืองขึ้นในปี ค.ศ. 1964 แต่ว่าคนผิวสีก็ยังตกอยู่ในสภาพคนชายขอบของสังคม ดังนั้นจึงได้เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาสร้างสรรค์งานศิลปะ ทั้งเพลงบลูส์ แจ๊ซ และเร้กเก้ และอีกด้านหนึ่งของคนผิวสีที่ต้องเผชิญ หรือรวมทั้งชนกลุ่มน้อยที่เป็นคนยากจน พวกเขาได้แสดงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ดิบหยาบ ประกาศให้เห็นถึงความ ขบถ ดังเช่น ดนตรี Rap ที่เต็มไปด้วยคำด่าทอสังคมอย่างไม่เกรงกลัว กราฟฟิตี และดนตรี Hip hop จึงถือกำเนิดมาในยุคสมัยนี้ และเหตุการณ์นี้ยังสามารถอธิบายได้ถึง สังคม วัฒนธรรม และการเมืองที่มีความไม่เสมอภาคกัน และกราฟฟิตีก็จะถูกมองว่าเป็น "การแสดงออกส่วนบุคคลที่เกิดจากความคับแค้นใจและต้องการอิสรภาพ" ด้วยครับ
ที่มา: https://www.google.co.th/search?q=กราฟฟิตี้เสือดำ
http://1155108050411.blogspot.com/2014/01/graffiti.html
cr ในภาพ