สีของปลายหัวน้องชายสุดที่รัก ก็บอกได้ว่าสุขภาพเป็นยังไง
ทุกวันนี้หนุ่มๆ หันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง บุคลิกภาพภายนอกดูดี ภายในก็เยี่ยมเช่นกัน ทั้งการออกกำลังกาย การเลือกกินอาหารที่ดี เพื่อสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก การที่เรามีร่างกายที่แข็งแรง ทั้งภายนอกและภายในนั้น ทำให้จิตใจของเราดี สดชื่นแจ่มใส และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราควรทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ในร่างกายที่แข็งแรงอาจแฝงไปด้วยโรคภัยต่างๆก็มี และเราจะรู้ได้อย่างไร หากโรคนั้นไม่เเสดงอาการ บางคนก็ไม่อยากจะตรวจร่างกายกับหมอ เพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้ว ไม่ต้องตรวจให้เปลืองเงินหรอก
วันนี้เราจะมาบอกวิธีสังเกตและดูว่าคุณแข็งแรงดีไหม มีโรคภัยหรือไม่ด้วยวิธีง่าย ทำได้ที่บ้าน นั่นก็คือ การดูสีของปลายกระจู๋ ถูกแล้วครับสีหำของคุณหนุ่มๆ นั่นแหละ จะช่วยบอกได้ว่าคุณมีโรคอะไรหรือเปล่า ไปดูกันเลยครับ
สีของปลายอวัยวะเพศชาย สามารถบ่งบอกอะไรได้บ้าง?
บ่งบอกได้ว่า คุณมีสุขภาพเป็นอย่างไร แล้วเสี่ยงต่อการเกิดโรคใดได้บ้าง เป็นอีกหนึ่งวิธีการตรวจเช็คสุขภาพของตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยการสังเกตุ เพียงแค่คุณรูดหนังส่วนนั้นขึ้น เพื่อดูสีที่ปลายอวัยวะเพศของตัวเองว่ามีสีอะไร เพียงแค่นี้ก็บอกได้แล้วว่า สุขภาพของคุณเป็นอย่างไร นั่นเอง
ถ้าปลายองคชาติหรือเจ้าโลกของคุณหัวมีสีแดงแป๊ด คุณต้องระมัดระวังสักหน่อย เพราะคุณมีอัตรายเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ต้องระมัดระวังภาวะ Bundle Ring
ซึ่งเป็นภาวะที่มีพังผืด เป็นลักษณะวงแหวนรัดรอบอวัยวะเพศ จึงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เลือดที่หล่อเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน และทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ถ้ามีสีแดงแจ๊ดปรึกษาแพทย์บ้างก็ดี
ถ้าเจ้าโลกของคุณมีหน้าตาซีดเซียว ซีดขาว แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะเป็นสีของอาการขาดน้ำ ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือถ้ามีสีเขียวคล้ำ บ่งบอกได้ว่าร่างกายของคุณมีไขมันสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป มักพบเจอในผู้ป่วยโรคเบาหวานเรื้อรังเป็นส่วนใหญ่
และถ้าอวัยวะเพศของคุณเป็นสีม่วง บอกเลยว่า น้องชายคุณกำลังแย่แบบสุด ๆ เพราะองคชาต ของคุณจำเป็นต้องพบแพทย์โดยด่วน ก่อนที่จะสายเกินแก้
ส่วนหนุ่ม ๆ ที่น้องชาย ปลายอวัยวะมีสีแดงอมชมพู บอกเลยว่า สีดังกล่าวเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และน้องชายพร้อมการใช้งานอย่างเต็มร้อย
การออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ตามที่ร่างกายต้องการ จะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บไม่ให้ถามหาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราควรหาเวลาไปตรวจร่างกายบ้าง อาจจะทุกๆ 6 เดือน หรือปีละครั้งก็ได้ เผื่อมีโรคภัยจะได้รักษาแต่เนิ่นๆ และทันท่วงที