แรงจริง! ”เอ็ด”เผย”เล็กซี๊ด”ทุบสถิติขายเสื้อ,โซเชียลมีเดียผี
ยอมเขาเลยเมื่อเอ็ด วูดเวิร์ดซีอีโอของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดเผยว่าอเล็กซิส ซานเชซทุบสถิติการขายชุดแข่งหลังย้ายเข้ามาร่วมทีมในเดือนมกราคม นอกจากนี้ยังสร้างสถิติใหม่ให้กับโซเชียล มีเดียของสโมสรด้วย
อเล็กซิสเซ็นสัญญาย้ายสลับขั้วกับเฮนริค มคิทาร์ยานที่ข้ามฟากไปอยู่กับอาร์เซน่อลในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และการย้ายตัวของแข้งทีมชาติชิลีก็สร้างอิมแพ็คให้ทีมทันที
วูดเวิร์ดเปิดเผยว่า "อเล็กซิส ซานเชซสร้างสถิติใหม่ของการเซ็นสัญญาเดือนมกราคมในเรื่องขายชุดแข่ง, ขายได้มากกว่าสถิติเก่าถึง 3 เท่า"
วูดเวิร์ดกล่าวถึงรายละเอียดต่างๆในงานประชุมผู้ลงทุนภายหลังจากมีการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสองของซีซั่น 2017-18 ออกมา และเขายังระบุด้วยว่าดีลสลับขั้วดังกล่าวยังทำสถิติใหม่ให้กับโซเชียล มีเดียของสโมสร
"การแลกตัวกันครั้งนี้ทำให้เกิดสถิติในโซเชียล มีเดียที่น่าสนใจขึ้นมา"วูดเวิร์ดบอก
"เป็นโพสต์ในอินสตาแกรมที่ได้รับความสนใจเยอะที่สุดของยูไนเต็ด โดยมีไลก์และคอมเมนต์ถึง 2 ล้าน, เป็นโพสต์ในเฟซบุคที่ได้รับการแชร์เยอะที่สุด, เป็นโพสต์ที่ได้รับการรีทวิตเยอะที่สุดและแฮชแท็ก #Alexis7 เป็นเทรนด์ทั่วโลกอันดับหนึ่งของทวิตเตอร์"
"เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น โพสต์ประกาศนั้นเกิดอินเตอร์แอ็คชั่นมากกว่าการประกาศขายนักเตะแพงที่สุดของโลกในซัมเมอร์ก่อนถึง 75 เปอร์เซนต์ ที่เนย์มาร์ย้ายจากบาร์เซโลน่าไปอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง"
นอกเหนือจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับทั่วทั้งพรีเมียร์ลีกด้วย โดยที่วูดเวิร์ดได้บอกว่าการถ่ายทอดสดของลีกสูงสุดของแดนผู้ดีกำลังเติบโตต่อเนื่อง
"รายงานที่บอกว่าการถ่ายทอดสดกีฬามาถึงจุดสิ้นสุดนั้นถูกกล่าวเกินจริงไปมาก ผมเพิ่งกลับมาจากการประชุมพรีเมียร์ลีกที่ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ายอดผู้ชมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซนต์ต่อปี โดยเฉพาะที่ในเอเชียกับอเมริกาเหนือ"
ดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของพรีเมียร์ลีกจะมีการปรับเปลี่ยนกันอีกครั้งเมื่อพ้นฤดูกาล 2018-19 โดยที่กระบวนการยื่นประมูลคว้าสิทธิ์นั้นใกล้จะถึงสิ้นสุดแล้ว
"ผมต้องระวังกับเรื่องนี้หน่อยเนื่องจากมันเป็นเรื่องเซนซิทีฟในเวลานี้ เพราะการประมูลภายในประเทศรอบแรกจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้ และที่ผมบอกได้คือถ้าคุณดูจากประวัติที่ผ่านมาเราก็คาดหมายว่ากระบวนการขายลิขสิทธิ์ในประเทศจะจบลงในช่วงเวลาสั้นๆ ในเวลาไม่กี่สัปดาห์"
แหล่งข้อมูล Facebook : ลิงชิงบอล
อ่านข่าวฟุตบอลได้ที่ https://www.facebook.com/lingchingballpage/