อ่วม!ระบบขนส่ง จ่อขึ้นยกแผง ของขวัญปีใหม่2561 อยากได้กันไหม ?

ปี 2561 มีเกณฑ์ว่า รายจ่ายของคนในเมืองกรุงจะเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะ“ค่าใช้จ่ายจากการเดินทาง”เน้นย้ำไปที่ระบบสาธารณะ ซึ่งจากรายงานสภาพเศรษฐกิจไตรมาส 3/2560 ของสภาพัฒน์ ระบุว่า หมวดขนส่งของไทยมีการขยายตัวร้อยละ 3.7 ชะลอลงจากร้อยละ 6.9 ในไตรมาสที่ 2/2560
จากตัวเลขที่พบว่า “คนไทยซื้อรถเยอะ”ตัวเลขการใช้จ่ายซื้อยานพาหนะของครัวเรือน ขยายตัวร้อยละ 11.6 ตามปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เชิงพาณิชย์ สวนทางกับค่าใช้จ่ายด้านบริการขนส่ง ที่ชะลอลงร้อยละ 1.3 สาเหตุหลักมาจากการใช้บริการขนส่งทางบก และทางอากาศที่ชะลอลง

ที่ว่า“ค่าใช้จ่ายจากการเดินทาง”จะเพิ่มขึ้น ที่ชัดแล้ว ใน ปี 2561

เริ่มจาก“ประกาศและกฎกระทรวงคมนาคม”ฉบับที่ รมช.คมนาคม ปฏิบัติราชการแทน รมว.คมนาคม ลงนามเอาไว้ และจะมีผลบังคับใช้ทันทีวันที่ 1 ม.ค.61 นี้ได้แก่

“กฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน พ.ศ.2560”หรือ ข้อกำหนดค่าโดยสารสำหรับ “รถแท็กซี่มิเตอร์”ว่าด้วย รถยนต์รับจ้างที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร กำหนดโดยถือเกณฑ์ระยะทางสองกิโลเมตรแรก เก็บค่าโดยสาร “ไม่เกินห้าสิบบาท”และ กิโลเมตรต่อๆไป เก็บค่าโดยสารกิโลเมตรละ“ไม่เกินสิบสองบาท”ในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย เก็บค่าโดยสารในอัตรานาทีละ“ไม่เกินสามบาท”

ส่วนค่าบริการอื่น ให้กำหนดดังต่อไปนี้ กรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดได้ “ไม่เกินห้าสิบบาท”กรณีการจ้างจากท่าอากาศยาน หรือสถานที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยรถยนต์รับจ้างนั้นจอดรถรอคนโดยสารอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ณ จุดที่ได้จัดไว้เป็นการเฉพาะ กำหนดได้ “ไม่เกินหนึ่งร้อยบาท”กรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด กำหนดได้ “ไม่เกินสองร้อยบาท”

ส่วนรถยนต์รับจ้างที่จดทะเบียนในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร กำหนดค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ให้กำหนดโดยถือเกณฑ์ระยะทางสองกิโลเมตรแรก “ไม่เกินหนึ่งร้อยบาท”และกิโลเมตรต่อๆ ไป กิโลเมตรละ “ไม่เกินยี่สิบบาท”ในกรณีที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัยในอัตรานาทีละ“ไม่เกินห้าบาท”

ค่าบริการอื่น ให้กำหนดดังต่อไปนี้ กรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดได้ “ไม่เกินห้าสิบบาท” กรณีการจ้างจากท่าอากาศยานหรือสถานที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยรถยนต์รับจ้างนั้นจอดรถรอคนโดยสารอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ณ จุดที่ได้จัดไว้เป็นการเฉพาะ กำหนดได้ “ไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบบาท”กรณีการจ้างในเวลากลางคืนตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด กำหนดได้ “ไม่เกินหนึ่งร้อยบาท”กรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด กำหนดได้ “ไม่เกินสองร้อยบาท”ส่วนการกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น อาจกำหนดให้ แตกต่างกันตามเขตท้องที่ที่รถนั้นจดทะเบียน ท้องที่ที่ให้บริการ ช่วงเวลาที่ให้บริการลักษณะรถ หรือลักษณะการให้บริการก็ได้

ส่วน การเรียกเก็บค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารให้เรียกเก็บตามจำนวนเงินรวมที่แสดงไว้ ในมาตรค่าโดยสาร ส่วนในกรณีที่มีการเรียกเก็บค่าบริการอื่น ให้เรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากค่าจ้างบรรทุก คนโดยสารที่แสดงไว้ในมาตรค่าโดยสาร อธิบดีอาจประกาศกำหนดท้องที่ที่ให้บริการ หรือช่วงเวลาที่ให้บริการที่รถยนต์รับจ้างสามารถ ใช้วิธีตกลงราคา หรือวิธีการอื่นนอกจากการใช้มาตรค่าโดยสารเรียกเก็บค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารก็ได้

“สุดท้าย ให้เจ้าของรถยนต์รับจ้างติดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่นไว้ในรถ ณ ที่ซึ่งคนโดยสารเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ตามลักษณะ ขนาด และตำแหน่งที่อธิบดีประกาศกำหนด”

ค่าใช้จ่ายต่อมา วันก่อนข้อมูลจากบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานเดินรถสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-หัวลำโพง ว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทได้อนุมัติตามที่เสนอขอปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครบกำหนดต้องปรับขึ้นราคาตามสัญญา วันที่ 3 ก.ค. 61 ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI)ที่ปรับขึ้น

ทั้งนี้ จากการคำนวณพบว่า แม้ตลอดเส้นทาง 18 สถานี อัตราค่าโดยสารจะยังคงเท่าเดิมในอัตราปัจจุบัน คือเริ่มต้น 16 บาท และสูงสุด 42 บาท แต่จะมี 3 สถานีระหว่างทางที่จะปรับขึ้นสถานีละ 1 บาท เช่น จากเดิมเก็บ 22 บาท จะเพิ่มเป็น 23 บาท ซึ่งจะกระทบกับผู้โดยสารที่ใช้บริการระยะสั้น ๆ เท่านั้น คาดว่า จะเริ่มประกาศราคาใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.61 ซึ่งตามสัญญาจะต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า 1 เดือน หมายความว่า จะต้องออกประกาศราคาใหม่ภายในเดือนพ.ค.61 เป็นอย่างช้า

มีข่าวว่า BEMจะจัดโปรโมชั่น “บัตรไม่จำกัดจำนวนเที่ยว”มาเป็นตัวเลือกในอนาคต เพื่อรองรับส่วนต่อขยายในปี62 ที่คาดว่าจะมี ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 100,000 เที่ยวคน/วัน เป็น กว่า 500,000 เที่ยวคน/วัน ซึ่งในปีนั้นรถใหม่ที่สั่งซื้อจะมาครบ 35 ขบวน

ขณะที่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ประกาศ เก็บค่าโดยสารสายสีม่วงช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ อัตราปกติ 14-42 บาท หลังต่อเชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อแล้ว แต่ยังคงยกเว้นค่าแรกเข้าต่อที่ 2 หากผู้โดยสารใช้บริการทั้ง 2 ระบบ คือ สายสีม่วงกับสีน้ำเงิน จากคลองบางไผ่-หัวลำโพง จะเสียค่าโดยสาร 70 บาท/เที่ยว

ในส่วนของ“รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS Skytrain)”ของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับค่าโดยสารไปแล้ว ตั้งแต่ 1 ต.ค. 60 หลังไม่ได้ปรับมากว่า 4 ปี ทั้งสายสุขุมวิท สถานีหมอชิต-สถานีอ่อนนุช และสายสีลม สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สถานีสะพานตากสิน ไม่รวมส่วนต่อขยายของ กทม.จากเดิมราคา 15 - 42 บาท เป็น 16 -44 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 1-3 บาท แต่ยังคงราคาเดิมสำหรับผู้ใช้บัตรแรบบิท ประเภทเติมเงินถึง 31 มี.ค.61

ในส่วนของ “บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด”ในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่เก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายบีทีเอส ได้ปรับขึ้นเมื่อ 1 เม.ย. 60 ทั้งสายสุขุมวิท ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง 5.25 กม. 5 สถานี และสายสีลมช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า 5.3 กม. 4 สถานี ที่ 15 บาท ตลอดสาย

กรุงเทพธนาคม ยังอยู่ระหว่าง“ศึกษาจะปรับโครงสร้างราคาบีทีเอส”ส่วนต่อขยายใหม่ในส่วนของสายสุขุมวิท เนื่องจากภายในเดือน ธ.ค. 61 กทม.จะเปิดบริการส่วนต่อขยายสายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.8 กม. 9 สถานี ที่รับโอนโครงการจาก รฟม. และ “ศึกษาอัตราโครงสร้างค่าโดยสารของบีทีเอสใหม่” เป็นรูปแบบโซนนิ่ง เนื่องจากจะมีรถไฟฟ้าหลายสายเปิดบริการเพิ่มขึ้น

“โดยค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทจากอ่อนนุช-แบริ่ง-สมุทรปราการ อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะจัดเก็บอัตรา 35 หรือ 40 บาท ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บริหาร ส่วนบีทีเอสต่อขยายสายสีลมยังเก็บ 15 บาทตลอดสาย”

ค่าใช้จ่ายอีกประเภท“การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)”มีข่าวว่า ในเดือน เม.ย.61 คาดว่าจะมีการปรับราคาอีก เนื่องจาก วันที่ 1 ก.ย.61 จะครบกำหนดปรับค่าผ่านทางด่วน ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ตามสัญญาสัมปทานที่ทำไว้กับ BEM จะปรับขึ้นทุก 5 ปี ตามค่า CPI ซึ่งที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นเฉลี่ย 5-10 บาท

ขณะที่ กรมทางหลวง (ทล.) ใน วันที่ 5 ม.ค.61 จะทดลองใช้ด่านเก็บค่าผ่านทางถาวร“มอเตอร์เวย์”แบบระบบปิด ช่วงชลบุรี-พัทยา ระยะทาง 42 กม. ส่วนต่อเชื่อมกรุงเทพฯ-ชลบุรี จะเปิดให้ใช้ฟรี เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย และจะเริ่มเก็บค่าผ่านทางหลังเทศกาลสงกรานต์ จะเสียค่าผ่านทาง 105 บาท จากปัจจุบันวิ่งถึงชลบุรี 60 บาท

ส่วน “ทางยกระดับดอนเมือง หรือโทลล์เวย์”ตามสัญญาจะปรับทุก 5 ปี ตาม CPI ที่จะครบกำหนดวันที่ 22ธ.ค.62
นี่ยังไม่รวมที่ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้กรมการบินพลเรือน (กพท.) ไปติดตามและสั่งให้แต่ละสายการบินทบทวนความเหมาะสมของการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารของสายการบินต่างๆ หลังจากคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินและน้ำมันหล่อลื่นเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในบางสายการบินนั้น ไม่สะท้อนต้นทุนแท้จริงจนส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระดังกล่าวมากเกินไป

ส่วน “ค่ารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์ ขสมก.)”ซึ่งเมื่อปี 58 มีการปรับไปแล้ว 1 บาท โดยรถธรรมดา หรือรถร้อน ค่าบริการเพิ่มจาก 8 บาท เป็น 9 บาท รถปรับอากาศจาก 11-23 บาท เป็น 12-24 บาท

อย่างไรก็ตาม หลังมีผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เสนอให้มีการปรับขึ้นค่ารถโดยสาร “ทั้งระบบ” อีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบัน ขสมก. มีต้นทุนการบริหารจัดการสูงกว่าการจัดหารายได้ และ ขสมก. ต้องดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องมีรถเมล์ฟรี จึงทำให้มีอุปสรรคในการเพิ่มรายได้ กอรปกับรัฐบาล มีนโยบายให้บัตรประจำตัวสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย แต่กลับทำให้ ขสมก. มีแนวคิดที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารทั้งระบบได้

แต่ที่แน่ ๆ ยังไม่มีความชัดเจนว่า ปี 2561 "ก.คมนาคม" จะให้รถตู้โดยสารขึ้นราคา หรือไม่ หลังจากปีที่ผ่านมา มีการปรับเบาะเหลือแค่ 13 เบาะ

ทั้งหมดนี้ เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น สำหรับคนกรุงและคนไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 สวัสดีปีใหม่ ชอบของขวัญเหล่านี้กันไหม ??