ดร.โสภณปัดตัวเลขราชการ ฟังธงท่องเที่ยวไทยดิ่งเหว
ในขณะที่ราชการบอกว่านักท่องเที่ยวเข้ามาไทยมากเป็นประวัติการณ์ แต่ปรากฏว่าตัวเลขจากผู้เกี่ยวข้องกลับมองว่า "ดิ่งเหว" ทั้งนี้เป็นผลสำรวจจากผู้ค้าใน 'เอเซียทีค' ที่พัฒน์พงศ์ และแท็กซี่ดอนเมือง-สุวรรณภูมิก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ได้ให้คณะนักวิจัยออกสำรวจความคิดเห็นของผู้ค้าสินค้าต่าง ๆ ในศูนย์การค้า 'เอเซียทีค' ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไปเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ผลปรากฏว่าตัวเลขที่ออกมาตรงข้ามกับตัวเลขของทางราชการเป็นอย่างยิ่ง
ความเห็นของผู้ค้าใน 'เอเชียทีค' ต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th)
จากการสำรวจผู้ค้าจำนวน 150 รายในศูนย์การค้าแห่งนี้ พบว่า ส่วนมากเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่าเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ โดยอาจกล่าวได้ว่า 57% เห็นว่าลดลง และมีเพียง 14% เท่านั้นที่เห็นว่าเพิ่มขึ้น ที่เห็นว่าเหมือนเดิมมีเพียง 29% ถ้าสมมติว่า 50% คือตัวเลข 'สอบผ่าน' ปรากฏว่า ผู้ค้าประเมินผลไว้ที่ 43% ถือว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง หรือ 'สอบตก'
ในด้านรายได้จากการขายสินค้าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาโดยเปรียบเทียบก็พบว่า มีถึง 39% บอกว่าลดลงมาก ที่บอกว่าลดลงมี 34% ที่บอกว่าเท่าเดิมมีเพียง 23% ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นมากมีเพียง 4% เท่านั้น หากใช้เกณฑ์ 50% ถือว่า 'สอบผ่าน' ก็จะพบว่า คะแนนที่ได้อยู่ที่ 39% เท่านั้นแสดงว่า 'สอบตก'
รายได้จากการค้าขายของผู้ค้าลดลงมากพอสมควร
เมื่อถามถึงเศรษฐกิจไทยในปี 2561 จะเป็นอย่างไรในอนาคต ผลปรากฏว่าส่วนมากยังบอกเหมือนปี 2560 คือยังไม่ได้ดีขึ้น ที่ว่าดีขึ้นมา 25% ส่วนที่ว่าจะดีขึ้นมากมีเพียง 1% เท่านั้น แต่มีที่เห็นว่าแย่ลง 11% และแย่ลงมาก 4% และในการนี้คะแนนรวมอยู่ที่ 51% กรณีนี้ดูเหมือนกับ 'สอบผ่าน' แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าเศรษฐกิจแย่เหมือนเดิม คือเหมือนปี 2560 และคาดว่าคงจะไม่แย่ลงไปกว่านี้ที่แย่มากอยู่แล้ว จึงทำให้คะแนนได้มากกว่า 50% แต่หลายคนก็บอกว่าหากมีการเลือกตั้ง สถานการณ์อาจจะดีขึ้นกว่านี้
ในการสำรวจยังพบว่าผู้ค้าบางรายก็บอกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่ได้ลดลงหรือลดลงไม่ได้มาก แต่คนมาส่วนมากมาเดินชมบรรยากาศต่าง ๆ แต่ไม่ค่อยซื้อสินค้า หรือใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าลดลง บ้างก็ว่านักท่องเที่ยวจีนมาเดิน แต่ไม่ได้มาซื้อสินค้าเท่าที่ควร นอกจากนี้สำหรับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ทำงานมานาน 4-5 ปี คือตั้งแต่แรก ๆ ที่ศูนย์การค้านี้เปิดใช้บริการ ก็มีความเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จำนวนรถทัวร์ที่มาจอดลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน
ผลการสำรวจที่คล้ายกันเมื่อวันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2560 ดร.โสภณ ก็ได้ให้คณะไปสำรวจผู้ค้าพัฒน์พงศ์ ปรากฏว่าส่วนมากประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลด-เศรษฐกิจตก สวนทางตัวเลขทางการ (http://bit.ly/2wzVgFL) และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ดร.โสภณ ก็ได้ให้คณะไปสำรวจความเห็นของคนขับแท็กซี่ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ปรากฏว่าต่างมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง (http://bit.ly/1TgPQra) ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะไม่ได้มาใช้บริการแท็กซี่ แต่นักท่องเที่ยวชาติอื่นก็ลดน้อยลงเช่นกัน
การที่ผลสำรวจภาคสนามกับตัวเลขของทางราชการสวนทางกันเช่นนี้ ผู้เกี่ยวข้องจึงควรศึกษาให้แน่ชัด การลงทุนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การสร้างโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยว จึงควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีความเสี่ยงที่แฝงอยู่ การวิเคราะห์ทางการเงินจึงควรเพิ่มค่าความเสี่ยงหรือ Risk Premium ให้มากขึ้น เผื่อกรณีที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าตัวเลขที่เป็นทางการนั่นเอง
อนึ่งศูนย์การค้า 'เอเซียทีค' แห่งนี้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย มีความพยายามในการส่งเสริมให้ผู้ค้าสามารถประกอบการค้าได้เป็นอย่างดี มีการขยายพื้นที่จอดรถให้สะดวกมากยิ่งขึ้น การที่ผู้ค้าตอบว่าการค้าลดลงนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์การค้าแห่งนี้โดยตรง การค้าในศูนย์การค้าแห่งนี้ดูจะดีกว่าศูนย์การค้าอีกเป็นจำนวนมาก เพียงแต่เศรษฐกิจโดยรวม และจำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่ได้มากเช่นเดิมต่างจากตัวเลขของทางราชการ ก็จึงทำให้ผู้ค้าประเมินผลรายได้จากการค้าขายลดต่ำลง