บ้านพักคนชรา ทางเลือกที่ดีในอนาคต จริงหรือ?
ผศ.ดร.วีรณัฐ โรจนประภา นักวิชาการสังคมผู้สูงอายุ และนายกสมาคมบ้านปันรัก กล่าวถึงคำถามที่ว่า บ้านพักคนชรา ทางเลือกที่ดีในอนาคต จริงหรือ? "ผมตอบได้ไม่ยากเลยว่า “ไม่จริง” เพราะบ้านพักคนชราในปัจจุบัน เป็นรูปแบบเหมือนกับสถานที่นำผู้สูงวัยซึ่งไร้ลูกหลานดูแล มาฝากหรือทิ้งไว้ โดยความเป็นจริง บ้านพักคนชราเรามีอยู่แล้วตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็คือ “บ้านที่ท่านเกิด” นั่นเอง
บ้านที่ท่านใช้ชีวิตเติบโตมา คือบ้านพักคนชราของแต่ละคน มิใช่ศูนย์รวมคนชราที่ไร้ญาติอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ฉะนั้นแนวทางการแก้ไขเรื่องที่พักอาศัยของผู้สูงวัย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรณรงค์ให้เห็นมุมมองในทัศนคติใหม่ว่า “บ้านพักคนชรา แท้ที่จริงแล้ว คือบ้านพักหรือเคหสถานของท่านเอง” ให้เกิดขึ้น อาจจะต้องใช้กลไกด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับความกตัญญู ในการส่งเสริมให้ลูกหลานได้ทำหน้าที่ดูแลบุพการีที่ให้กำเนิดและเลี้ยงตนมา
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องพึงระวังมิให้กฎหมายนั้น กลายเป็นเรื่องของการใช้บทลงโทษ มิฉะนั้นอาจจะส่งผลกระทบตีกลับมาทางด้านของจิตใจของลูกหลานที่มีต่อพ่อแม่ของตนได้ และอาจเกิดปัญหาที่ซับซ้อนตามมาให้สังคมต้องตามแก้ไขอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าวิถีของครอบครัวในยุคปัจจุบันรวมไปถึงในอนาคต จะกลายเป็นครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่า จะมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่จะไม่มีลูกหลานไว้คอยดูแลกันจริงๆ จึงมีความจำเป็นต้องพึ่งพิงศูนย์พักคนชรา
และเพื่อเป็นการป้องกันข้อบกพร่องนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหา จึงจำเป็นต้องเกิดบ้านพักคนชราที่เรียกว่า “บ้านพักคนชราของชุมชน” อาจจะมีแนวทางใกล้เคียงกับลักษณะของหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ก็คือ “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งศูนย์พักพิงผู้สูงอายุ” และอาจจะมีเงื่อนไขที่จะรับผู้สูงอายุในหมู่บ้านนั้นมาดูแล โดยให้ลูกหลานในหมู่บ้านนั้น เป็นผู้ดูแลกันเอง เช่นนี้ก็จะเป็นทางออกที่สวยงาม เกิดความอบอุ่น เสริมสร้างกำลังใจ และยังเป็นการสร้างงานให้เกิดขึ้นในหมู่บ้านอีกด้วย รวมไปถึงเป็นการปลูกฝังเสาหลักของปูชนียบุคคล ผู้อาวุโสในหมู่บ้าน ให้ยังคงเป็นกำลังสำคัญในหมู่บ้านของตัวเอง มิใช่กลายเป็นผู้อยู่อาศัยในบ้านของคนอื่น
หากเรายังปล่อยให้บ้านพักผู้สูงอายุดำเนินไปด้วยวิถีทุนนิยม มีการแข่งขันกัน หรือต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อแย่งชิงที่ว่าง เพื่อให้พ่อแม่ของตนได้เข้าไปอยู่ในบ้านที่ได้ชื่อว่า ดูแลได้ดี มีความสวยงามและมีมาตรฐาน มันก็จะเป็นการสร้างปัญหาไม่ต่างไปจากปัจจุบัน ที่เราต้องแข่งขันกันส่งลูกเข้าโรงเรียนที่เชื่อว่าไปดีมีคุณภาพ ต้องทุ่มทุนการจ่ายใต้โต๊ะ ซึ่งถือว่าเป็นวงจรอุบาทว์ ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเติบโตมาเป็นวิถีในวัยทำงาน และกำลังจะส่งผลเป็นวิถีในช่วงบั้นปลายชีวิตอีกด้วย
ฉะนั้น ข้อสรุปในปัญหานี้ก็คือ “บ้านเกิดของท่าน ก็คือบ้านพักคนชรา” หรือถ้าไม่มีจริง ๆ ก็ควรจะเป็นหนึ่งหมู่บ้านที่เรียกว่าเป็น “สวัสดิการชุมชน” มิใช่เป็น “รัฐสวัสดิการ” นั่นเอง" ผศ.ดร.วีรณัฐ โรจนประภา กล่าว