ขนในที่ลับมีไว้ทำไม ที่นี่มีคำตอบ
1.. ถามว่าในทางการแพทย์ การโกนขนอวัยวะเพศดีหรือไม่ดี ตอบว่าสมัยก่อนวงการแพทย์ถือว่าเรื่องขนในที่ลับนี้ ขนของใคร ก็ขนของมัน ใครอยากจะโกน..ก็เชิญโกนให้เกลี้ยง ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่าธุรกิจกำจัดขนในที่ลับนี้ไม่ใช่เรื่องขี้ไก่นะครับท่านผู้อ่าน เพราะเฉพาะในสหรัฐฯประเทศเดียวเป็นธุรกิจที่มีวงเงินถึง 2.1 พันล้านเหรียญ ในประเทศอังกฤษก็ใช้เงินมากพอๆกันทั้งๆที่เป็นประเทศเล็กกว่ามาก โดยมีดาราไร้ขนในชุดบิกินีและดาราคลิปโป้ในอินเตอร์เน็ทเป็นตัวชักนำ แล้วธรรมชาติของวงการแพทย์นี้ยึดมั่นในหลักการอันหนึ่งว่า ถ้าเห็นใครเขาจะหามหมู ห้ามเอาคานเข้าไปสอดเด็ดขาด ไม่งั้นอาจโดนคานแพ่นกะบาลเอาได้
จนกระทั่งเมื่อต้นปีนี้ (2013) ได้มีหมอที่ฝรั่งเศสสามขนเขียนจดหมายไปหาบก.วารสารโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sex Transm Infect) ว่าพวกเขาได้วิเคราะห์คนไข้ที่เป็นโรคหูดข้าวสุก (molluscum contagiosum) ของเขาจำนวน 30 คน พบว่า 93%ของคนไข้พวกนี้โกนขนที่อวัยวะเพศเกลี้ยง โดยใช้วิธีโกนด้วยมีด 70% (หมายถึงมีดโกนนะ ไม่ใช่มีดอีโต้) ที่เหลือใช้วิธีใช้กรรไกรตัด (clip) 13% และใช้วิธีแวกซ์ออก 10% พวกหมอสามคนนี้ได้เสนอความเห็น ( ความเห็น.. ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจากงานวิจัยนะ) ด้วยว่าการกำจัดขนในที่ลับเนี่ยแหละทำให้เกิดการติดเชื้อหูดข้าวสุกมากขึ้น เพราะการโกนขนทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนัง ทำให้ไวรัสหูดข้าวสุกบุกรุกเข้าไปได้โดยง่าย นี่เป็นหลักฐานเดียวที่บอกว่าการโกนขนในที่ลับไม่ดี แต่เป็นหลักฐานระดับต่ำ เพราะเป็นเพียงการตามดูกลุ่มคน ไม่ได้วิจัยแบบสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ จึงเชื่อถือได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
ความจริงก่อนหน้านั้นประมาณกลางปีที่แล้ว ก็มีหมอผู้หญิงที่อังกฤษคนหนึ่ง ชื่อเอมิลี่ จิ๊บสัน (Emily Gibson) เธอเป็นหมอประจำครอบครัวแบบผมเนี่ยแหละ เธอเปิดฉากโวยวายเรียกร้องให้วงการแพทย์ต่อต้านการกำจัดขนในที่ลับโดยการเปิดให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ The Independent ว่าจากประสบการณ์ของเธอเองในการดูแลคนไข้พบว่าคนไข้ที่โกนขนในที่ลับติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่นหูดข้าวสุก และเริม (herpes) เนื้ออักเสบ (cellulitis) และโคนขนอักเสบ (furunculosis) มากผิดสังเกต แต่ว่าการอ้างประสบการณ์คนไข้โดยไม่มีรายงานผลการตรวจวัดติดตามอย่างนี้ทางการแพทย์ถือเป็นเพียงเรื่องเล่าไม่ใช่หลักฐานวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด
2.. หลักฐานทางการแพทย์ที่แน่ชัดแล้ว คือการโกนผิวหนังที่จะผ่าตัดทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังหลังการผ่าตัดมากขึ้น ทำให้มาตรฐานการเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัดทั่วโลกในปัจจุบันนี้ไม่มีการโกนผิวหนังอีกต่อไปแล้ว ถ้าขนมันรกรุงรังจนหาที่ลงมีดผ่าตัดไม่ได้ ก็จะใช้วิธีเล็มให้ขนสั้นลง ไม่โกน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่เป็นผลจากการโกนนั่นเอง
3.. ทัศนะคติของคุณที่ว่าชิ้นส่วนของร่างกายบางชิ้นส่วนนั้นไม่จำเป็นหรอก เอาออกไปทิ้งเสียก็ได้ อันนี้ไม่ค่อยถูกต้องนะครับ มันเป็นทัศนะคติแบบ “ฝรั่งทำเกิน” ซึ่งเป็นวิธีคิดของช่างไทย หรือถ้าจะพูดให้เจาะจงก็คือช่างประเภท “ช่างเถอะ” ที่ซ่อมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ที่ฝรั่งทำมาขาย ตอนเริ่มซ่อมก็แกะเอาน็อตเอาแหวนออกมาวางเกลื่อนพื้น แต่พอตอนใส่กลับ ใส่ได้ไม่หมด จนปิดฝาเครื่องเสร็จแล้วก็ยังมีน็อตมีแหวนเหลืออยู่ทั้งๆที่ตัวเองก็เห็นว่าได้ใส่น็อตใส่แหวนตัวสำคัญไปหมดแล้ว จึงสรุปดื้อๆว่าน็อตและแหวนที่เหลืออยู่นั้นฝรั่งทำเกินมา ไม่ต้องใส่กลับเข้าไปก็ได้
ร่างกายของมนุษย์เหมือนอุปกรณ์ที่ฝรั่งทำมาขาย โอกาสที่จะทำเกินมาจริงมีน้อย แต่โอกาสที่เราคิดว่าทำเกินมาเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะมีมากกว่า อย่างเช่นขนของมนุษย์เรานี้ ไม่ว่าจะเป็นขนในที่ลับหรือที่แจ้ง หน้าที่ของเขาก็มี เช่น
3.1 ป้องกันขี้ฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมมุดเข้ามาง่ายๆ ซึ่งจำเป็นมากในยุคที่มนุษย์ยังไม่มี กกน.
3.2 ช่วยควบคุมอุณหภูมิแก่อวัยวะ ไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงพรวดพราด
3.3. ลดแรงกระแทกให้ฟกช้ำแตกหัก และลดแรงเฉือนที่จะมาก่อเหตุให้ถลอกปอกเปิก
3.4 ปกป้องอวัยวะให้คงความไวต่อความรู้สึกไว้ได้ โดยไม่ให้มีสิ่งกระตุ้นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่ของอวัยวะนั้นมากระตุ้นได้อย่างพร่ำเพรื่อ
ดังนั้นอย่าเอะอะก็กำจัดทิ้งตะพึด ข้อดีเขาก็มีเหมือนกัน
4.. การกำจัดขนในที่ลับเนี่ยมันไม่ใช่ง่ายนะครับ เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีโกน ด้วยมีดโบราณ มีดไฟฟ้า เลเซอร์ แวกซ์ หรือเอาไฟฟ้าเผารากขน (electrolysis) ท้ายที่สุดขนในที่ลับมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม ราวกับหญ้าแพรกที่ไม่เคยหมดไปจากแผ่นดิน วิธีกำจัดขนที่ได้ผลถาวร 100% นั้นไม่มี (นอกจากความแก่ที่ทำให้คนหัวล้าน อันนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน) คุณบอกให้แฟนไปโกนขนทิ้งซะ คุณรู้ไหมว่าเธอต้องโกนทุกสามวัน ไม่งั้นตอขนจะแข็งแบบขนเม่นและจะทิ่มจะตำฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นเรื่องไม่สนุกเลย การต้องมานั่งโกนขนทุกบ่อยก็ไม่สนุกเท่าไหร่ บางครั้งก็ถึงเลือดตกยากออก เขียนถึงตรงนี้ผมมีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังนะ นานมาแล้วสมัยผมทำงานเป็นหมอชนบทอยู่ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคนไข้เป็นหนุ่มตังเกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บโดนกรรไกรตัดผิวหนังแถวทวารหนักเลือดไหลโกร๊กๆไม่หยุด มาให้ผมรักษา เมื่อซักประวัติว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่ามันเริ่มจากเขาโกนขนอวัยวะเพศเพื่อกำจัดโลน (lice) สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่ยังไร้เดียงสาอยู่ โลนก็คือแมลงตัวเล็กที่เมื่อสิงอยู่ที่ขนอวัยวะเพศแล้วจะก่ออาการคันอย่าบอกใครเชียว เมื่อเขาโกนขนอวัยวะเพศรอบแรก เมื่อโลนไม่มีที่อยู่มันก็อพยพไปอาศัยขนที่ทวารหนักอยู่ อาการคันของเขาก็ย้ายจากอวัยวะเพศไปอยู่ที่ก้นแทน แต่ว่าผิวหนังรอบทวารหนักของคนเรานี้มันยับยู่ยี่จะใช้มีดไปโกนไม่ได้หรอก เขาก็เลยใช้กรรไกรตัดขนทวารหนักแทน ผมถามเขาว่าเขามีวิธีตัดอย่างไร เขาบอกว่าเขาก้มมองลอดหว่างขาของตัวเอง ใช้มือหนึ่งถือกระจกเงาส่องให้เห็นภาพขนทวารหนักชัดๆ แล้วอีกมือหนึ่งถือกรรไกรตัดขนทวารหนัก
แต่ว่าเจ้าหนุ่มตังเกรู้แต่วิชาหาปลา ไม่รู้วิชาสถาปัตยกรรม เขาไม่เข้าใจว่าภาพในกระจกนั้นมันเป็นภาพกลับข้าง คือซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้าย เขาตั้งใจจะเอียงกรรไกรออก มันกลายเป็นเอียงเข้า แล้วเขาก็ตัด ฉับ...จ๊าก..ก
ตะแล้น..ตะแล้น..ตะแล้น