ชาวพุทธแบ่งแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ คือ
1. กลุ่มที่มองเอาชอบหรือไม่ชอบของตัวเองเป็นหลัก
2. กลุ่มที่คิดว่าตัวเองถือเอาธรรมวินัยเป็นหลัก
3. กลุ่มที่มองพระศาสนาลงไปเฉพาะกลุ่ม
4. กลุ่มที่มองพระศาสนาในภาพรวมเป็นหลัก
>>> ทุกวันนี้ภัยของพระพุทธศาสนามีมากทั้งภายในของเราชาวพุทธเอง(รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วกลายเป็นแนวร่วมเขาไป) และทั้งภายนอกจากพวกที่จ้องทำลาย ขอให้พวกเราตระหนักในแง่มุมนี้ร่วมด้วยช่วยกันจรรโลงพุทธศาสนาไว้ให้นานเท่านาน
======================
เพจ นักกฎหมายตัวน้อย
ถึงพี่น้องชาวพุทธทุกท่าน
ตามที่มีคณะของเราได้เปิดโอกาสให้ท่านทั้งหลายได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างอืสระเสรีนั้น ก็เพื่อสำรวจดูความเห็นของสาธารณชนว่าจะใช้ทำงานได้อย่างไร ซึ่งก็ได้ประโยชน์มาก ทำให้เราแยกชาวพุทธออกเป็นกลุ่ม ๆ คือ
1. กลุ่มที่มองเอาชอบหรือไม่ชอบของตัวเองเป็นหลัก
2. กลุ่มที่คิดว่าตัวเองถือเอาธรรมวินัยเป็นหลัก
3. กลุ่มที่มองพระศาสนาลงไปเฉพาะกลุ่ม
4. กลุ่มที่มองพระศาสนาในภาพรวมเป็นหลัก
คณะของเรายึดข้อที่ 4. มองพระพุทธศาสนาในภาพรวม และต้องรักษาพระพุทธศาสนาในภาพรวมให้ได้ พระพุทธศาสนาในภาพรวมอาจมีทั้งดีและไม่ดี แต่ก็คือสถาบันพระพุทธศาสนาซึ่งต้องอยู่ ดังนั้น เมื่อพระพุทธศาสนามีภัย เราจึงแยกภัยเป็น 2 ส่วน คือ ภัยภายใน กับ ภัยภายนอก เรารู้ภัยภายในคืออะไร แต่เราต้องระวังภัยภายนอกด้วย เรารู้จะแก้ไขอย่างไรต่อไป แต่ตอนนี้ขอป้องกันภัยภายนอกก่อน
เพราะเหตุนั้น คณะเราจึงห่วงชาวพุทธ 3 กลุ่มแรกที่อาจหวังดีกับพระศาสนาแต่หลงทำร้ายพวกเดียวกันโดยคิดว่าตัวเองทำดี ผมคงไม่พูดอะไรมาก แต่ขอเสนอข้อเขียนของคุณที่มาจากจังหวัดพิจิตรไว้ให้พิจารณากัน ดังต่อไปนี้
"....ขอร่วมแสดงความเห็นด้วย คือในส่วนของวัตถุ เช่น วัดสิ่งปลูกสร้างมิได้รู้เห็นอะไรด้วยเลยเขามีคุณค่าอยู่ในตัวเองได้ใช้สอยประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งหารสร้างอีกทั้งสิ้นเปลืองงบประมาณไปแล้วควรใช้สอยให้คุ้มค่า จึงไม่ควรทำลายแม้ปลูกสร้างในที่ดินที่ไม่ถูกต้องยกเว้นที่จำเป็นจริงๆ (นี่พูดในเชิงประหยัดเพราะบ้านเมืองเราไม่ได้ร่ำรวย อีกอย่างหากมีความเหมาะสม
อย่างใดอันจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ควรอนุโลมไป)
ในส่วนของตัวบุคคลถ้าทำผิดก็ว่ากันไป แต่การจะชี้ว่าใครผิดถูก เวลานี้เราชี้ตามกระแสสังคมโดยมิได้ตรวจสอบความถูกต้องให้ชัดเจนด้วยตนเองหรือเปล่า หากพวกเราสังเกตให้ดี สื่อทางโซเชียลมิเดียในยุคนี้แม้ทันสมัยรู้เร็ว แต่ส่วนใหญ่เป็นไปตามอัตตะประโยชน์หรือไม่ก็เป็นไปตามอารมณ์ จึงเชื่อได้ยาก หากเราไม่วิเคราะห์ให้ดี เราจะกลายเป็นตัวอะไร....ที่เขาจูงไปทำตามใจของเขาได้
อีกอย่างหนึ่งผมไม่สบายใจเลยครับ การที่พวกเราเอ่ยขึ้นมาว่า พระมันชั่ว หรือพระมันอย่างนั้นอย่างนี้ คำว่า พระ ท่านดีครับ มาร มันไม่ดีครับ ถ้าจะให้สบายใจของชาวพุทธเราไม่ใช้คำว่า พระมัน....ได้ไหมครับ เพราะคำนี้ใครฟังดูแล้วเหมือนท่านใช้รวมว่าพระทุกรูปเลย(เวลาเราจะทำอะไรก็ไม่พ้นพระอยู่ดี ถ้าเป็นชาวพุทธนะ) เราน่าจะใช้ คนที่ชื่อนั้นๆ ที่กำลังบวชอยู่นี้มีพฤติกรรมอย่างไร น่าจะเหมาะสมดีนะครับ
ทุกวันนี้ภัยของพระพุทธศาสนามีมากทั้งภายในของเราชาวพุทธเอง(รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วกลายเป็นแนวร่วมเขาไป) และทั้งภายนอกจากพวกที่จ้องทำลาย ขอให้พวกเราตระหนักในแง่มุมนี้ร่วมด้วยช่วยกันจรรโลงพุทธศาสนาไว้ให้นานเท่านาน กระผมพูดในฐานะชาวพุทธคนหนึ่งครับ กราบขอภัยหากล่วงเกินท่านใดลงไป แต่ด้วยใจศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่มีแบ่งฝักแบ่งฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ครับ"