ทุกก้าวของพี่ตูนเพื่อโรงพยาบาล คือ ความล้มเหลวในการจัดการภาษี?
ทุกก้าวของพี่ตูนเพื่อโรงพยาบาล คือ ความล้มเหลวในการจัดการภาษี?
• ทำไมต้องวิ่งเพื่อรับบริจาค? แล้วเงินงบประมาณในการพัฒนาประเทศหายไปไหน ใครหลายคนคงตั้งคำถามนี้ขึ้นมา หลังจากที่เห็น โครงการ "ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" ซึ่งเป็นโครงการที่รวบรวมเงินบริจาค เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลน โดยมี "พี่ตูน" เป็นคนวิ่ง (อีกแล้ว) แต่เพิ่มเติมด้วยระยะทาง 2,191 กม.จากเบตงถึงแม่สาย
• พรี่หนอมลองค้นหาข้อมูลจากเวปไซด์ภาษีไปไหน ซึ่งเป็นฐานข้อมูลใช้จ่ายภาครัฐ เปรียบเทียบข้อมูลงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขแล้วพบว่า ปี 2559 มีงบประมาณ 247,386 ล้านบาท และมีการเบิกจ่าย 120,298 ล้านบาท ส่วนปี 2560 มีงบประมาณ 255,155 ล้านบาท และมีการเบิกจ่าย 113,694 ล้านบาท
• ส่วนงบประมาณและการเบิกจ่ายของกระทรวงกลาโหม พบว่า ปี 2559 มีงบประมาณ 206,461 ล้านบาท และมีการเบิกจ่าย 184,949 ล้านบาท ส่วนปี 2560 มีงบประมาณ 213,880 ล้านบาท และมีการเบิกจ่าย 165,881 ล้านบาท
• ตัวเลขของทั้ง 2 กระทรวงนี้บอกอะไรเรา? บอกว่าเราเสียภาษีน้อยเกินไปจนงบประมาณไม่พอให้เบิกจ่าย หรือบอกว่าการใช้จ่ายของภาครัฐที่ไม่สมดุล หรือบอกว่ามันคือทั้งสองอย่าง พรี่หนอมคงไม่กล้าฟันธงตอบ เพราะไม่ได้รู้รอบเรื่องราวการบริหารจัดการประเทศขนาดนั้น
• แต่พรี่หนอมรู้สึกแค่ว่า ถึงแม้เราจะชื่นชมและยินดีในการทำเพื่อโรงพยาบาลของพี่ตูน แต่ถ้ามองในด้านการบริหารจัดการด้านภาษีนั้น มันคือสิ่งที่ล้มเหลวหรือเปล่า?
เอาเป็นว่าตั้งคำถามไว้แค่นี้
แต่อยากให้ทุกคนลองแชร์ความเห็นกันครับ :)
• ไหนๆก็พูดถึงเรื่องนี้ พรีหนอมขออนุญาตให้ความรู้ภาษีเพิ่มเติมเสียหน่อย สำหรับคนที่บริจาคครั้งละ 10 บาท โดยการพิมพ์ T แล้วกดส่งมาที่ 4545099 จะเห็นว่ามี "หมายเหตุ" เขียนไว้ว่า ยอดเงินบริจาคจาก sms ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
• นั่นแปลว่า ทุกการบริจาคทุกครั้ง เราต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10.70 บาท โดยสาเหตุที่ต้องจ่ายเพราะมันเป็นค่าบริการโทรศัพท์ที่ต้องเรียกเก็บตามกฎหมาย ไม่ใช่ความใจร้ายของผู้ให้บริการแต่อย่างใดครับผม
• ถ้ามองแบบความคุ้มค่า การเลือกบริจาคโดยโอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ (โครงการก้าวคนละก้าว) เลขที่บัญชี 111-393-5263 โดยตรงน่าจะเป็นความคุ้มค่ากว่า เพราะว่าไม่ต้องเสียเงินค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับคนที่มีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์อยู่แล้วก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่สำหรับคนที่โอนข้ามธนาคาร ถ้าหากบริจาคเกิน 357 บาท การเสียค่าธรรมเนียมก็จะคุมค้ากว่าการส่ง SMS เพราะว่าเป็นจำนวนเงินที่เริ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่าค่าธรรมเนียมแล้ว (คิดที่ค่าธรรมเนียม 25 บาท)
• และถ้าหากใครต้องการนำเงินบริจาคไปลดหย่อนภาษี เข้าใจว่าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันเพราะมีการระบุไว้ในข้อมูลของมูลนิธิครับ http://www.foundation.pmk.ac.th/html/privilege.html ซึ่งสามารถขอได้ที่เพจ ก้าว ตามรายละเอียดดังนี้ครับ (Update เพิ่มเติม)
• ผู้บริจาคสามารถขอรับใบเสร็จรับเงินเพื่อลดหย่อนภาษี สำหรับการบริจาค 500 บาทขึ้นไป โดยเก็บหลักฐานการบริจาค และติดต่อขอใบเสร็จรับเงินภายใน 5 วัน นับจากวันที่บริจาค ได้ที่
•• www.kaokonlakao.com (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 30 มิถุนายน 2561)
•• มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โทร.02-3543699, 098-860-1411 แฟกซ์. 02-3547728 (จันทร์-ศุกร์ 8.00-19.00 น./ เสาร์-อาทิตย์ 8.00-16.00น.) หรือส่งมาที่ E-mail : foundation_pmk@hotmail.com
• สุดท้าย พรี่หนอมเชื่อว่าการวิ่งของพี่ตูนเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศนี้ครับ เพราะมันคือการทำด้วยใจเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ขาดแคลนระบบสาธารณสุขที่ดี รวมถึงเป็นการกระตุ้นให้คนทุกคนเห็นถึงความสำคัญ
แต่ในอีกแง่หนึ่งก็มีคำถามตามมาว่า แล้วจริงๆสาเหตุที่พี่ตูนวิ่งนั้น มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ความล้มเหลวของภาษีที่เก็บไม่ได้ หรือ การบริหารภาษีที่ผิดพลาด หรือเพราะแก็สโซฮอลล์ ฯลฯ
แต่อย่างน้อยที่สุด.. พรี่หนอมคิดว่าการวิ่งของพี่ตูนจะทำให้เราตั้งคำถามกับเรื่องนี้มากขึ้น และหวังว่าคำตอบคงไม่ใช่ว่าเป็นความผิดของใครเพียงเท่านั้น
...เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการแก้ไขครับ
เพื่อที่พี่ตูนจะได้ไม่ต้องวิ่งแบบนี้ไปตลอดชีวิต :)