รู้จักกับรูน (Introduction to Runes)
รูนเป็นอักษรเยอรมันโบราณใช้ในการเขียน การทำนายรวมถึงในด้านเวทมนตร์ โดยพบว่ามีการใช้รูนอย่างแพร่หลายทั้งทางยุโรป แสกนดิเนเวีย และเกาะอังกฤษตั้งแต่ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราชจนถึงปี 1600 มีจารึกรูนแผ่นหนึ่งถูกค้นพบในอเมริกาโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการอพยพมาอเมริกาของพวกไวกิ้งซึ่งเป็นเวลานานกว่าโคลัมจะค้นพบ แทซิทัสได้อธิบายเรื่องการใช้รูนในการพยากรณ์ของชนพื้นเมืองเยอรมันไว้ในบท X ของหนังสือ Germania ว่า "ในเรื่องการทำนายและเสี่ยงทายพวกเขาให้ความสนใจกับมันมากกว่าใคร วิธีการเสี่ยงทายก็ทำด้วยวิธีการง่ายๆ : พวกเขาจะตัดเอากิ่งจากต้นไม้ผล นำมาตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเขียนเครื่องหมายที่มีลักษณะพิเศษลงไปและวางกระจายกันลงไปบนผ้าขาว จากนั้นนักบวชของหมู่บ้านจะเริ่มการเสี่ยงทายในกรณีที่เป็นการเสี่ยงทายของสาธารณะ แต่หากเป็นเรื่องในครอบครัวเรื่องนี้จะเป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ หลังจากอัญเชิญพระเจ้าและส่งดวงตาไปยังสวรรค์แล้วผู้เสี่ยงทายจะหยิบเอาชิ้นไม้เล็กขึ้นมาพร้อมกัน 3 ชิ้นในครั้งเดียว และเริ่มตีความตามที่ได้กำหนดเอาไว้ก่อนหน้านั้น" รูนเป็นเหมือนคำทำนายจากผู้ให้คำปรึกษา มันจะได้ผลดีที่สุดหากคุณเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในชีวิตปัจจุบันของคุณและถามคำถามที่เฉพาะเจาะจง(ไม่ใช่ถามคำถามกว้างๆ) การอ่านรูนบางครั้งก็จะออกมาคลุมเคลือเป็นเหมือนการบอกใบ้ คุณจะต้องพยายามคิดหาคำตอบเองสัญชาตญาณจึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้เสี่ยงทาย การทำนายรูน หรือการ"เสี่ยงทายรูน" ไม่ใช่การ"พยากรณ์"ในแง่ของการมองเห็นอนาคต ในทางกลับกันรูนจะวิเคราะห์และบอกถึงสิ่งที่เป็นอยู่และแนวโน้มที่จะเป็นเพราะอนาคตไม่ใช่เรื่องแน่นอน มันสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามสิ่งที่กระทำหมายความว่าหากไม่ได้ทำอย่างที่คำพยากรณ์ได้ว่าไว้ อนาคตก็ย่อมเปลี่ยนไปไม่ตรงกับคำพยากรณ์ ในสมัยโบราณ "รูน" ไม่ได้มีไว้เพื่อเขียนเท่านั้น รูนถูกใช้ในการทำนายและในทางเวทมนตร์ คำว่า "รูน" อาจหมายถึงความลึกลับ ความลับ และเสียงกระซิบ รูนแต่ตัวจะมีความหมายลึกลับและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากความหมายทางโลกทั่วๆไปรวมถึงในเรื่องการออกเสียงด้วย ในแต่ละความหมายของคำและประโยคจะสะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นแรกๆที่ใช้รูนนั้นยึดมั่นในพลังของธรรมชาติและจิตใจ โอดิน เทพนอร์สสูงสุดในเอซีร์แขวนตัวเองกับต้นอิกดราซิลล์แทงหอกเข้าที่สีข้าง ทรมาณอยู่ถึง 9 วัน 9 คืนเพื่อให้ได้รู้ถึงรูน และรูนก็ได้ปรากฎขึ้นเบื้องล่างพระองค์ ทรงหยิบมันขึ้นมาและนั่นเองรูนได้มอบพลังมหาศาลให้แก่พระองค์จากนั้นทรงส่งต่อความรู้ให้แก่เทพีเฟรย่าแห่งวาเนอร์ จากนั้นเธอก็ได้สอนมนตร์ seidr ให้แก่พระองค์เป็นการตอบแทน ต่อมาเทพเฮมดัลล์ผู้ดูแลสะพานสายรุ้งก็ได้นำรูนมาสอนต่อให้แก่มนุษย์ อักษรรูนพบครั้งแรกในกลุ่มชนเผ่าเยอรมันตอนกลางและตะวันออกของยุโรป รูนบางตัวมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรในภาษาอื่นๆ เช่น อักษรกรีก อักษรอิตรุสคัล และอักษรโรมันตอนต้น อักษรรูนประกอบขึ้นจากเส้นตรงเนื่องจากจะต้องใช้ของมีคมจารึกอักษรลงบนเนื้อไม้หรือก็นหินเส้นตรงจึงเหมาะสมที่สุด และจารึกอักษรรูนที่มีการค้นพบแผ่นหนึ่งระบุวันเวลาอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 3 อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่าอาจมีการใช้อักษรรูนอย่างแพร่หลายมานานก่อนจะถึงศตวรรษนั้น อักษรรูนดั้งเดิม หรือ"ฟูทาร์กรุ่นแรก" มีอักษร 24 ตัว 6 ตัวแรกสะกดได้ว่า "FUTHARK" แต่เมื่อรูนแพร่หลายไปยังตอนเหนือของแสกนดิเนเวียอักษรบางตัวก็ถูกตัดไปให้เหลือเพียง 16 ตัวเท่านั้น ในช่วงปี 400 และ 600 ชนเผ่าเยอรมันทั้ง 3 ได้แก่แองเกิล แซกซอน และจูทส์ ได้เข้ารุกรานอังกฤษขณะนั้นพวกเขาได้นำรูนติดตัวไปด้วย ทำให้ลักษณะของรูนหลายมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ A/O, C/K, H, J, S, และ Ng ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของภาษายังรวมถึงการเพิ่มรูนอีก 9 ตัวเพื่อแทนเสียงเพิ่มเติมและรูนหลายตัวยังมีการเขียนที่ต่างกัน ทำให้อักษรเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็น 33 ตัวซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อฟูทาร์กแองโกล-แซกซอน รูนแต่ละตัวจะมีชื่อตกทอดกันมาค่อนข้างสมบูรณ์ แม้จะไม่มีการบันทึกไว้ในรายชื่อฉบับดั้งเดิม