โครงการที่อยู่อาศัยวันนี้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างขออนุญาตจัดสรร
สถานะของบริษัทที่อยู่ระหว่างการขายสินค้าที่เปิดใหม่เป็นอย่างไร เป็นประเด็นหนึ่งที่ควรตรวจสอบ แต่ภาพรวมชี้ว่า นักพัฒนาที่ดินไทยมีมาตรฐานเข้าระบบจัดสรรมากขึ้น ที่อยู่นอกระบบเป็นส่วนน้อยมาก
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ให้ข้อมูลสำคัญว่า ในโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวใหม่ในครึ่งแรกของปี 2560 ซึ่งมีอยู่ 54,281 หน่วย รวมมูลค่า 182,647 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมดอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดสรรเป็นสำคัญ ถึง 86% ในแง่จำนวนหน่วย และ 88% ในแง่ของมูลค่าการพัฒนา
อย่างไรก็ตามสำหรับที่ได้ขออนุญาตจัดสรรเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า มีอยู่ราว 14% หรือ 7,451 หน่วย รวมมมูลค่า 20,667 ล้านบาท หรือราว 11% ของมูลค่า ที่ไม่ได้ขออนุญาตจัดสรร แต่อาจเป็นการเลี่ยงกฎหมายไปเลยมีเพียง 267 หน่วย รวมมูลค่า 503 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่า 1% ของสินคาในตลาดที่เปิดใหม่ทั้งหมดในครึ่งแรกของปี 2560 การนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยนั้น เน้นการพัฒนาตามขั้นตอนการจัดสรรที่ดิน
สินค้าที่ได้ขออนุญาตจัดสรรไว้แล้ว (7,451 หน่วย) ส่วนมากถึง 55% เป็นทาวน์เฮาส์ (4,103 หน่วย) นอกนั้นเป็นห้องชุดและอื่น ๆ จะสังเกตได้ว่าบ้านแฝดมีมากกว่าบ้านเดี่ยวเสียอีก แต่บ้านแฝนในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายบ้านเดี่ยวมาก ทั้งนี้คงอยู่ที่การตีความแบบ "ศรีธนญชัย" หรือไม่ ทำให้ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัดอาจเสียเปรียบได้
สำหรับในกรณีโครงการที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตส่วนมากถึง 61.4% หรือ 28,602 หน่วย จาก 46,563 หน่วย เป็นโครงการอาคารชุดที่ขายห้องชุดพักอาศัย กรณีนี้ในความเป็นจริงอาจยังเปิดขายอย่างเป็นทางการไม่ได้ เพราะยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง หรือใบอนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม แต่ปกติก็มีการขายกันทั่วไป และหากเกิดปัญหา ก็อาจมีการคืนเงินดาวน์ลูกค้า (แต่จะมีดอกเบี้ยด้วยหรือไม่ ก็คงต้องตกลงกัน) ข้อนี้อาจสร้างความไม่สบายใจแก่ผู้ซื้อ และควรที่ทางราชการจะเร่งรัดการให้ใบอนุญาตต่าง ๆ โดยเร็ว และมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคโดยเฉพาะการคุ้มครองเงินดาวน์ของคู่สัญญาที่ควรเป็นภาคบังคับ
สำหรับโครงการที่ไม่ได้ขออนุญาตจัดสรรและคาดว่าคงจะไม่ได้ขออนุญาตนั้นมีเพียงส่วนน้อยเพียง 267 หน่วย ส่วนมากเป็นทาวน์เฮาส์ 250 หน่วย เป็นตึกแถว 5 หน่วยและเป็นบ้านแฝดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งถือว่าน้อยมาก อย่างไรก็ตามในจังหวัดภูมิภาค อาจมีจำนวนการไม่ขออนุญาตจัดสรรมากกว่านี้ เพราะหลายบริเวณอาจยังไม่ได้เข้าปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้ว อาจกล่าวได้ว่า การจัดสรรบ้านและที่ดินในประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การตั้งใจฉ้อโกงกันและกันคงไม่มี แต่อาจมีข้อพิพาทบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก หากมีการคุ้มครองผู้บริโภคมากกว่านี้จะทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจมากขึ้น ซื้อขายกันมากขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ผู้ซื้อและสังคมโดยรวม