ร้อยโทมูไก และ ร้อยโทโนเดะ ต่างทำสถิตสังหารชาวจีนในระดับ 105 และ 106 ศพ
การจัดเกมการแข่งขันสังหารโหด โดยเป็นการสนับสนุนของผู้บัญชาการทหารญี่ปุ่นเอง ยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้บรรดาทหารญี่ปุ่นที่นานกิงโดยเฉพาะ มีการจัดทำ เรียบเรียง จำนวนเหยื่อที่สังหาร และทำออกเป็นรายงานเพื่อประเมินว่าใครจะเป็น "เดอะ วินเนอร์"ในการสังหารเหยื่อชาวนานกิงด้วย
การแข่งขันก็มีหลายสนาม แต่จุดที่เป็นอัปยศมากที่สุดคือสนามแข่งขันที่ ภูเขาซิจิน ถือว่าเป็นจุดที่ประณามจากทั่วโลกมากที่สุด
มีรายงานระบุว่า ร้อยโทมูไก และ ร้อยโทโนเดะ ต่างทำสถิตสังหารชาวจีนในระดับ 105 และ 106 ศพตามลำดับ ทั้งสองสามารถทุบสถิติเก่าที่สนามแข่งขันอื่นที่ทำสถิต 89 และ 78 สำเร็จอย่างงดงาม...
เกมสนุกที่ทหารญี่ปุ่นชอบแต่ผู้อพยพกลัวมากที่สุด ก็คือการที่ทหารญี่ปุ่นจะจับผู้อพยพมัดมือมัดเท้าอย่างหนาแน่นจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ช่วยกันจับผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้โยนในบ่อน้ำที่มีความลึกไม่มากนัก
การที่เลือกบ่อน้ำไม่ลึกนักก็เนื่องจากทำให้สามารถมองเห็นเหยื่อได้ง่ายๆ และระดับน้ำตื้นๆ นี้ทำให้อาวุธที่ทหารญี่ปุ่นทิ้งไปจะได้ออกฤทธิ์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และจากนั้นสิ่งที่ญี่ปุ่นโยนลงบ่อน้ำหรือสระน้ำตื้นๆ คือระเบิดมือครั้งละหลายๆ ลูกนี้เอง
ยิ่งน้ำตื้นเท่าไหร่ แรงระเบิดและสเก็ตระเบิดก็จะพุงเข้าสู่เป้าหมายซึ่งก็คือเหยื่อก็ดิ้นกระแด่วๆ อยู่ใต้น้ำได้มากมาย รุนแรงและหวังผลได้แน่นอนเท่านั้น
ทุกครั้งที่ระเบิดถูกขว้างลงไปพร้อมๆกันหลายๆจุดนั้นมีส่วนให้เหยื่อทั้งหลายในบ่อถูกแรงระเบิดอัดจนร่างแหลกเหลวชนิดที่เลือด เนื้อ และอวัยวะภายในถูกบีบอัดจนฉีดกระจายลอยขึ้นไปในอากาศสูงนับสิบๆ เมตร อย่างน่าสยดสยอง เป็นเกมสุดหฤหรรษ์อีกเกมหนึ่งของกองทัพที่มักเรียกร้องกันทำบ่อยที่สุด
และมีเหยื่อคนหนึ่งถูกกลุ่มทหารญี่ปุ่นที่บุกเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่ง และจับชายคนนี้ได้ พวกกองทัพหัวเราะชอบใจเมื่อคิดค้นวิธีการที่จะเล่นสนุกกับเหยื่อคนนี้ได้ นั้นคือการเอาน้ำกรดไนตริก ราดร่างเหยื่อ
เริ่มจากการจับหนุ่มรายนั้นแก้ผ้าเปลือยล่อนจ้อน จากนั้นก็เอากรดไนตริกเข้มข้นราดรดไปที่ร่างหนุ่มรายนั้นโดยราดจากส่วนหัวมาสู่เบื้องล่าง
น้ำกรดรุนแรงกัดทั่วใบหน้าและเนื้อตัวของเหยื่อชาวจีนมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ จากนั้นทหารญี่ปุ่นก็ปล่อยให้ชายหนุ่มนี้เดินสะเปะสะปะไปตามทาง เมื่อชายหนุ่มนี้แช่งด่า ก็หัวเราะชอบใจ โดยไม่ทำอะไรกับชายคนนี้ทั้งสิ้น แต่ต่างเดินตบมือ เป่าปาก ส่งเสียงเชียร์หนู่มเปลือยที่ร่างถูกน้ำกรดเซาะเว้าแหว่งไปสักพักจนกระทั้งหนุ่มนานกิงรายนี้ล้มลงและขาดใจตายไปด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสในที่สุด
เผาทั้งเป็นในแม่น้ำ ที่เมืองซินอีเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีผู้คนถูกฆ่าสังหารทารุณเกินกว่าจินตนาการผู้อพยพที่ถูกจับตัวมาได้มีปริมาณมากมายหลายพันคนต่างถูกทหารญี่ปุ่นจับไว้ได้ มีทั้งเด็ก คนแก่ นัวเนียไปหมด
ทหารญี่ปุ่นต่างผลักดันให้ผู้อพยพพุ่งตัวลงแม่น้ำเบื้องล่าง จากนั้นกองทัพก็โยนกองฟางที่ชุบน้ำมันก๊าดที่โชกใส่กลุ่มผู้อพยพมากมายก่อนที่จะจุดไฟเผาให้ตายแบบแสนทรมานในแม่น้ำสีเลือดน้ำ และทหารญี่ปุ่นก็มองดูผลงานอย่างสบายใจ
ฝังคนทั้งเป็น อันนี้เป็นวิธีสังหารที่ใช้บ่อยๆ ในทหารญี่ปุ่นเพราะมันง่าย เหยื่อชุดแรกที่ถูกสังเวยในการสังหารด้วยการฝังทั้งเป็นนั้นคือกลุ่มผู้อพยพที่หลบหนีไปยังเขาซีเจียง ถูกจับได้ราว 2,000 คนแน่นอนมีทั้งคนแก่ เด็ก ผู้หญิง และคนพิการด้วย ล้วนถูกผลัก และถีบกระเด็นบางรายก็ถูกดาบปลายปืนกระทุ้งให้ตกลงไปในหลุมใหญ่
จากนั้นทหารญี่ปุ่นก็ใช้รถเครนจัดการเกรดหินและดินทับหลุมทันทีถือเป็นการฝังทั้งเป็นที่โหดเหี้ยมมาก โดยไม่สนเสียงร้อง เสียงตะโกณก้มด่า สาปแช่งที่ดังระงมออกมาจากหลุมขณะทำการฝังกลบอย่างใดทั้งสิ้น
เกมจับปลาในทุ่งน้ำแข็ง พอดีช่วงเวลาที่นานกิงโดนยึดโดยกองทัพญี่ปุ่นเป็นฤดูหนาวของจีนพอดี ทำให้หลายพื้นที่มีแต่ความหนาวเหน็บและมีเกล็ดน้ำแข็งจับตัวกันโดยทั่ว กองทัพญี่ปุ่นจึงคิดเกมสนุกสนุกๆ อย่างหนึ่งคือ "จับปลาที่ทุ่งน้ำแข็ง" โดยให้ผู้อพยพถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเหลือแต่เรือนร่างที่เปลือยเปล่า แล้วให้กระโจมลงสู่บ่อน้ำที่มีแต่น้ำแข็งจับเป็นฝาตามคำสั่ง
บางคนถึงกลับปฏิเสธและต่อต้านคำสั่งนี้ ทุกคนจึงถูกสาดกระสุนใส่อย่างไม่ยั้ง ทำให้เหยื่อหลายๆ จำนวนมากตายก่อนที่จะเล่นเกมนี้เสียอีก
เผาครึ่งตัว เป็นวิธีที่ใช้ฆ่าชาวนานกิงหนุ่มๆ ที่ท่าทางกระด้างกระเดื่อง หรือมีลักษณะเงียบเฉยหน่อย
ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายผู้เงียบขรึมก็ถูกจับมัดสายไฟขึ้นสูง และทหารญี่ปุ่นก็นำฟืนมาสุมไว้ข้างล่างและก่อไฟย่างหนุ่มคนนั้นราวกับเสียบปลาปิ้ง ความร้อนทวีมากขึ้นและทำให้ร่างกายท่อนล่างของเหยื่อดิ้นทุรนทุลายอย่างน่าเวทนาจนท่อนล่างสีดำเกรียมคล้ายปลาย่างอะไรอย่างนั้น หลังจากนั้นพวกทหารญี่ปุ่นก็ออกไปจุดนั้น โดยทำอะไรเลย ปล่อยให้เหยื่อตายไปช้าๆอย่างน่าสงสาร
และทางตอนเหนือของเขตเซนเจียง จีนจับทหารจีนและผู้อพยพกว่า 30,000 คน เห็นจะได้ จากนั้นก็มัดคนเหล่านี้และผลักดันให้เข้าไปในเขตป่าสงวน ตอนแรกก็ปล่อยให้คนเหล่านี้อดข้าวอดน้ำและผจญกับความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจในเดือนธันวาคมอย่างหฤโหดระยะหนึ่ง เมื่อทรมานได้ขั้นตามที่ต้องการแล้ว ก็จุดไฟเผาจากทุกทิศทุกทางจนให้คนที่อยู่ในป่านั้นตายโดยพร้อมเพรียงกัน
มีวิธีการสังหารที่น่ากลัวมากอีกวิธีหนึ่ง นั้นก็คือการจับเหยื่อนับหลายร้อยรายมารวมกัน จากนั้นก็ควักตาออกมา พร้อมทั้งตัดหู ตัดจมูกเหยื่อให้ร้องร่ำคร่ำครวญดิ้นทุรนทุรายเมื่อสะใจมากพอแล้วก็เผาให้ตายทั้งเป็นจนกลิ่นเนื้อไหม้เหม็นไปทั่วบริเวณ
อีกเกมหนึ่งที่ขอนำเสนอคือเกมหนีจากหลังคาตึกที่ไฟไหม้ โดยทหารญี่ปุ่นจะต้อนเหยื่อนับร้อยๆรายถูกบังคับให้เดินขึ้นบนหลังคาของอาคาร พวกเขาต่างคร่ำครวญ ร้องไห้ ร้องขอชีวิต เพราะรู้ว่าซะตากรรมของตัวเองจะต้องตกอยู่ในรูปแบบใด แต่มีหรือว่ากองทัพของญี่ปุ่นจะเมตตา
เมื่อเหยื่อทุกคนถูกต้อนขึ้นไปบนหลังคาครบถ้วนแล้ว ทหารญี่ปุ่นก็ยืนจังก้าอยู่เบื้องล่างต่างพากันจุดไฟเผาอาคารแห่งนั้นจนลุกโพลงคราวนี้เหยื่อจำนวนไม่น้อยต่างรู้ว่าพวกเขาคงต้องถูกย่างสดอยู่บนหลังคาตึกเป็นแน่ ต่างพากันกระโดตึกฆ่าตัวตายกันหลายราย
เสียงคนโดดลงมาคอหัก หลังหัก หรือพิกลพิการนั้นก่อให้เกิดความกดดันต่อพวกที่อยู่บนหลังคาอย่างมหาศาล ประกอบด้วยเสียงปืนของทหารญี่ปุ่นยิงขู่ และระดมยิงใส่ร่างเหยื่อเคราะห์ร้ายที่โดมาจากหลังคาตึกแล้วยังไม่ตายทันทีนั้นเสียดแทงบาดลึกจนถึงหัวใจ
แต่ท้ายสุด พวกที่รอความตายที่อยู่บนหลังคาที่โดนไฟเผานั้นคือพวกที่ส่งเสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมานมากที่สุดและใช้เวลานานพอสมควรที่จะตายด้วยการถูกย่างทั้งเป็น ภาพคนที่วิ่งพล่าน ดิ้นทุรนทุรายลุกท่วมจนตกหลังคาลงมาตายในที่สุดนั้นเป็นภาพชวนสลดหดหู่อย่างยิ่ง.....