รัชทายาทราชวงศ์ถัง: วางแผนปิตุฆาตเพราะขาดชายคนรัก!

ในประวัติศาสตร์จีน ผู้คนมักกล่าวถึงราชวงศ์ถังว่าเป็นยุคทอง แต่ภายใต้ความเรืองรอง คือความแค้น ความอาฆาต และการแก่งแย่งชิงดี แม้กระทั่งในแผ่นดินของพระเจ้าถังไท่จง หลี่ซื่อหมินที่คนรุ่นหลังยกย่องให้เป็นมหาราช ใครเลยจะรู้ว่า มหาราชพระองค์นี้ต้องพบกับเรื่องราวสะเทือนใจนับไม่ถ้วนครั้ง หนึ่งในนั้นคือ เหตุการณ์ “รัชทายาทสมคบคิดก่อการกบฏ”

ถังไท่จงฮ่องเต้ ที่มาของภาพ

หลี่เฉิงเฉียน 李承乾（ค.ศ. 619－645 ）เป็นพระโอรสองค์โตที่เกิดจาก พระมเหสีเหวินเต๋อ 文德皇后ผู้เป็นยอดดวงใจของถังไท่จง เฉิงเฉียนได้รับการแต่งตั้งจากถังไท่จงฮ่องเต้ ให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทตั้งแต่อายุได้เพียง 8 ปี ในวัยเยาว์ หลี่เฉิงเฉียนก็ฉายแววการเป็นรัชทายาทที่ฉลาดเฉลียว แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นทุกอย่างก็กลับหน้ามือเป็นหลังมือ

องค์ชายบนหลังม้า รักทุ่งหญ้ามากกว่าบ้านเมือง 

หลี่เฉิงเฉียนนั้นเมื่อโตขึ้นก็ป่วยหนักจนเป็นเหตุให้ขาพิการ นี่อาจเป็นสาเหตุให้เขาเปลี่ยนแปลงจากรัชทายาทที่ดี เป็นองค์ชายเจ้าอารมณ์ และค่อยๆ ละทิ้งหน้าที่รับผิดชอบ แสวงหาความสุขส่วนตัว หลี่เฉิงเฉียนนั้น ชอบขลุกอยู่กับข้าราชบริพารที่เป็นชาวถูเจี๋ย (ชนเผ่าเติร์กโบราณ) อันที่จริงแล้ว เชื้อพระวงศ์ราชสำนักต้าถังก็มีสายเลือดชาวถูเจี๋ยปะปนอยู่ ตัวถังไท่จงฮ่องเต้ และพระมเหสีเหวินเต๋อก็มีเชื้อชาวถูเจี๋ย หลี่เฉิงเฉียนนั้นไปไกลกว่า คือถึงขั้นสมาทานเอาวิถีการแต่งกาย และภาษาของชาวถูเจี๋ยมาใช้ในวังของตัวเอง เขามักใช้ชีวิตอยู่บนหลังม้ากลางทุ่งกว้างมากกว่าในวัง (การอยู่บนหลังม้า ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกถึงปมด้อยเรื่องขาพิการของเขา) มิหนำซ้ำยังกินอยู่แบบชาวถูเจี๋ย บางทีก็ออกปล้นปศุสัตว์ชาวบ้านมาก่อกองไปล้อมวงกินกันในหมู่ข้าราชบริพาร

เท่านี้ยังไม่พอ หลี่เฉิงเฉียนยังเลยเถิดไปถึงการมีเพศสัมพันธ์กับข้าราชบริพารหนุ่มชาวถูเจี๋ยด้วย ความประพฤติขององค์รัชทายาทเป็นที่หนักใจของพระเจ้าถังไท่จง แต่ยังทรงเชื่อมั่นในองค์ชายใหญ่ผู้นี้เสมอ

หลี่เฉิงเฉียน ไท่จื้อ รัชทายาท ที่มาของภาพ

เมื่อเด็กชายคนรักถูกสังหาร แผนการร้ายจึงกำเนิด

ตำแหน่งรัชทายาทของหลี่เฉิงเฉียนไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะมี หลี่ไท่ 李泰 น้องชายร่วมมารดาคอยจ้องแย่งชิงตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ต่อมา หลี่เฉิงเฉียนได้พบรักกับนักรำชายวัย 13 ปีนาม เชิ่นซิน 称心 เฉิงเฉียนโปรดปรานเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างมาก เฉิงเฉียนให้เชิ่นซินคลอเคลียข้างกายไม่ขาด ใช้ชีวิตดุจคู่สามีภรรยา จนไม่สนใจราชการงานเมือง ถังไท่จงฮ่องเต้ทรงพระพิโรธจึงสั่งให้นำเด็กชายเชิ่นซินผู้นี้ไปประหารชีวิต ด้วยหวังว่าการตายของเชิ่นซินจะทำให้หลี่เฉิงเฉียนได้สติ กลับมาเป็นองค์รัชทายาทที่ดีดังเดิม แต่การสังหารเชิ่นซินครั้งนี้ เหมือนขยี้ดวงใจของหลี่เฉิงเฉียนจนแหลกยับเยิน หลี่เฉิงเฉียนขลุกตัวอยู่แต่ในวังตะวันออก เขาให้สร้างรูปเหมือนของชายผู้เป็นที่รัก มอบยศให้ แล้วตั้งศาลบูชาขึ้นในวังนั้นเอง

ในบันทึกประวัติศาสตร์จิ้วถังซู 旧唐书 กล่าวถึงตอนนี้ไว้ว่า ：“有太常乐人年十余岁，美姿容，善歌舞，承乾特加宠幸，号曰称心。太宗知而大怒，收称心杀之，坐称心死者又数人。

หลี่เฉินเฉียนเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นความแค้น ในเวลาเดียวกัน ข่าวลือที่ว่า ถังไท่จงจะปลดหลี่เฉิงเฉียนจากรัชทายาท แล้วตั้งหลี่ไท่ขึ้นแทน ยิ่งเป็นตัวเร่งให้หลี่เฉิงเฉียนวางแผนก่อกบฏทำปิตุฆาต ฆ่าพ่อเพื่อล้างแค้นให้ชายคนรัก โดยจะแกล้งป่วย แล้วเมื่อถังไท่จงฮ่องเต้เสด็จมาเยี่ยมดูอาการ ก็จะจับตัวประหารเสียให้สิ้นแค้น

แต่ที่สุด คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ก่อนจะได้ลงมือ องค์ชายห้า ฉีอ๋องหลี่โย่ว 齐王李佑 แห่งฉีโจว (มณฑลซานตงในปัจจุบัน) ชิงลงมือก่อการกบฏขึ้นก่อนในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 643 เมื่อกบฏหลี่โย่วถูกกำจัด ในระหว่างการสอบสวน หนึ่งในผู้ก่อการกบฏหลี่โย่ว ยอมสารภาพผิดเพื่อรักษาชีวิต แล้วให้การซัดทอดเปิดเผยอีกแผนการกบฏขององค์รัชทายาทหลี่เฉิงเฉียน เรื่องนี้สร้างความตื่นตะลึง และเจ็บแค้นพระทัยให้กับถังไท่จงฮ่องเต้เป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนถังไท่จงฮ่องเต้จะรักองค์ชายใหญ่ผู้นี้เป็นอย่างมาก ในขณะที่ทรงสั่งประหารชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้อง แม้แต่องค์ชายห้าหลี่โย่วก็สั่งให้ฆ่าตัวตาย

ความรักที่จำพราก เฉิงเฉียนและเชิ่นซิน ที่มาของภาพ

แต่สำหรับหลี่เฉิงเฉียน ถังไท่จงฮ่องเต้ทรงทำเพียงถอดพระยศให้เป็นสามัญชน เนรเทศสู่ชายแดนใต้ไปอยู่ที่เมืองเฉียนโจว 黔州(ทางตะวันตกเฉียงของฉงชิ่งในปัจจุบัน)

ในที่สุด หลี่เฉิงเฉียน รัชทายาทผู้ปรารถนาชีวิตแบบชนเผ่าในทุ่งกว้าง ก็ได้ลิ้มรสชีวิตเยี่ยงสามัญชนในแผ่นดินทุรกันดารจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่การละเล่นแบบที่เคยทำในขณะอยู่ในนครหลวงฉางอาน แล้วในปี 645 ไม่ถึง 2 ปีจากที่ถูกเนรเทศ เขาก็เสียชีวิตลงด้วยอายุอันแสนสั้นเพียง 26 ปี

เป็นอันปิดฉากชีวิต องค์ชายรัชทายาทแห่งมหาราชถังไท่จง ผู้ลุ่มหลงชีวิตอิสระของชนเผ่าถูเจี๋ย ผู้ชื่นชมเด็กชายวัยเยาว์อันบริสุทธิ์ ผู้ที่ถึงที่สุดก็ตกเป็นเหยื่อวังวนแห่งอำนาจราชวงศ์ถัง