ต้นโยนีปีศาจ หรือ มะกอกโคก บนภูเขาไฟกระโดง เป็นต้นไม้ที่มีตำนานเรื่องเล่าที่น่าสนใจ
ต้นโยนีปีศาจต้น...ผี และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Schrebera swietenioides Roxb. เป็นพืชม้ประเภทยืนต้น ลักษณะไม้เปลือกแข็ง ลำต้นสูงใหญ่ ประเภทใบเลี้ยงคู่ออกดอกเป็นช่อๆ สีขาวแกมเหลืองเล็กน้อยคล้ายๆ ดอกพวงพยอม แต่ไม่มีกลิ่นหอม จะเริ่มออกดอกในระยะต้นของเดือนพฤษภาคม ลักษณะของผลคล้ายๆ ลูกมะกอก ขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร เมื่อลูกสุกประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จะหล่นลงมาและแตกออกเป็นสองซีก เมื่อนำไปกดกับดินทรายดูจะปรากฏรอยคล้ายอวัยวะเพศหญิง มีเฉพาะประเทศไทย พบตามซากภูเขาไฟเก่า ซึ่งเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว การขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ดและปักชำทำได้ยาก
ลั ดเลาะจากบริเวณตัวปราสาทหินเขาพนมรุ้ง เมื่อสัปดาห์ก่อน เป้าหมายต่อไปของผม คือเขตอุทยานแห่งชาติเขากระโดง บนเนื้อที่กว่าพันไร่ ความเป็นเขากระโดงนั้น มีความวิเศษอยู่ที่พระสุภัทรบพิตรสีทองอร่าม ที่ประดิษฐานท่ามกลางแมกไม้ป่าเต็งรัง ทอดสายเนตรมายังตัวเมืองบุรีรัมย์ที่อยู่เบื้องล่าง ปากปล่องภูเขาไฟแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ปะทุลาวาขึ้นมาก่อรูปเป็นเนินเขาราวแสนปีมาแล้ว ที่สำคัญคือต้นไม้ประจำถิ่นอันเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเขากระโดง เธอคือ...ผี หรือกระนุยขม็อจ ที่ยืนต้นท้าทายสายตาผู้คนมานานนับสิบปี
...ผี มะกอกโคก หรือที่สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานนามให้ว่า โยนีปีศาจ อันแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านอักษรศาสตร์ของพระองค์ เป็นไม้ยืนต้นเปลือกแข็ง ต้นสูงใหญ่ ดอกเป็นช่อสีขาวแกมเหลือง คล้ายดอกพะยอมแต่ไม่มีกลิ่นหอม ผลเหมือนลูกมะกอก เมื่อผลสุกเต็มที่จะร่วงลงมาและแตกออกเป็น ๒ ซีก หากนำไปกดกับทรายจะปรากฏเป็นรอยลักษณะเช่นเดียวกับอวัยวะเพศหญิง
ตำนานท้องถิ่น จากประวัติศาสตร์บอกเล่า เล่าขานกันมาว่า สมัยหนึ่ง พระโพธิสัตว์เจ้าจุติจากเทวโลก ลงมากำเนิดเป็นโอรสของท้าวมหาธรรมราชากับนางสุวรรณเทวี แห่งเมืองพรหมพันธ์ นามปาจิตต์กุมาร ครั้นพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาก็ทรงคิดจะอภิเษกให้ขึ้นครองราชย์ และได้หาพระธิดาของกษัตริย์ของเมืองขึ้นร้อยเอ็ดหัวเมืองมาให้เลือก แต่ท้าวปาจิตต์ไม่ต้องพระทัย ปรารถนาจะหาคู่ด้วยพระองค์เอง โหรทำนายว่า เนื้อคู่ของพระองค์ยังอยู่ในครรภ์หญิงม่ายนางหนึ่ง ให้ท้าวปาจิตต์เดินทางไปทางทิศตะวันออกจะได้พานพบหญิงม่ายผู้นั้น โดยสังเกตุแสงตะวันทรงกลดเป็นเงากั้นบนศีรษะ เพราะบุญญาธิการของทาริกาที่อยู่ในครรภ์
หลังฟังคำทำนายโหร ท้าวปาจิตต์เดินทางหาคู่ จนไปพบนางบัว ชาวบ้านสัมฤทธิ์ซึ่งกำลังตั้งครรภ์และมีลักษณะตรงกับคำทำนาย ท้าวปาจิตต์จึงขอฝากตัวเป็นคนรับใช่้ รอจนนางบัวได้คลอดบุตรเป็นหญิง ลักษณะถูกต้องตรงตามคำทำนาย จากนั้นได้ช่วยนางบัวเลี้ยงดูทารกน้อยที่ชื่อว่า อรพิมพ์ จนเติบใหญ่เป็นสาว ท้าวปาจิตต์ได้ลานางบัวกลับเมืองเพื่อกลับมาสู่ขอ เรียกว่าเลี้ยงต้อยจนใช้การได้แล้ว ต่อมาท้าวปาจิตต์ ก็ยกขบวนขันหมากมาสู่ขอ ระหว่างเดินทางมาถึงบ้านกงรถ ท้าวปาจิตต์ได้ข่าวว่า อรพิมพ์ถูกท้าวพรหมทัตกุมาร โอรสแห่งพาราณศรีฉุดไปเป็นชายา แต่อรพิมพ์ไม่ยินยอม จึงถูกขังไว้ในปราสาทของท้าวพรหมทัต
ท้าวปาจิตต์ เสียพระทัยมาก รับสั่งให้ทหารในขบวนขันหมากทุกคนกลับเมือง ส่วนพระองค์เดินทางต่อไปคนเดียว จนได้พบอรพิมพ์และช่วยให้ออกมาจากที่คุมขัง ระหว่างทางท้าวปาจิตต์ถูกนายพรานฆ่าตายและชิงตัวอรพิมพ์ไป แต่อรพิมพ์ก็กลับฆ่านายพรานนั้นเสีย แล้วกลับมารักษาท้าวปาจิตต์ ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ด้วยสมุนไพร แล้วทั้งสองก็เดินทางล่องเรือผ่านแม่น้ำสายหนึ่ง มีสามเณรรูปหนึ่งพายเรือให้ เณรออกอุบายลวงให้ท้าวปาจิตต์ขึ่้นฝั่งก่อน ส่วนเณรก็พาอรพิมพ์พายเรือหนีไป กระทั่งถึงฝั่งอรพิมพ์ได้ออกอุบายให้เณรขึ้นต้นมะเดื่อแล้วเอาหนามตรึงเณรไว้ ก่อนจะพายเรือกลับมาหาท้าวปาจิตต์ แต่ไม่พบ
นางระเหเร่ร่อนตามหาท้าวปาจิตต์ลำพัง ระหว่างทางนางหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงอธิษฐานจิตขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แปลงร่างให้เธอเป็นชาย โดยขอให้บางส่วนที่เป็นหญิงหลุดหายไปจากร่าง จากนั้นอรพิมพ์ก็นำปทุมถันของนางไปฝากไว้ที่ต้นงิ้ว ส่วนโยนี ไปฝากไว้ที่ต้นมะกอกโคก แล้วก็กลายเป็นต้น...ผีมาจนวันนี้
ตามตำนาน เล่าว่า ในที่สุดอรพิมพ์ก็ได้พานพบคนรักของเธอ โดยที่เธอก็ไม่ได้สูญหายล้มตายอย่างใด เธอกลับมาเป็นหญิงและมาเอาโยนีที่เธอฝากไว้กลับไปแปะไว้ที่เดิม
ในขณะที่ผมกำลังเดินทางลงจากเขากระโดงนั้น มีบางคำถามผุดขึ้นในใจ ว่าอรพิมพ์ก็ไม่ได้ตาย อีกทั้งเธอยังนำสมบัติคู่กายของเธอกลับไปให้ท้าวปาจิตต์เชยชมสมใจได้
แหล่งที่มา: https://twitter.com/go2thailand/status/645176861119614976
http://www.baanjompra.com/webboard/thread-5482-1-1.html