ดร.โสภณ ขอ พระไพศาล วัดป่าสุคะโต รักษาป่า
ดร.โสภณ เสนอ พระไพศาล พระผู้ได้ชื่อว่าเป็น "พระดี" ให้ช่วยหยุดการบุกรุกทำลายป่าในบริเวณใกล้ๆ วัดของท่านเอง และดูแลผู้เกี่ยวข้องในวัด อย่าไปรับประโยชน์จากการครอบครองที่ดินป่าเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี ทุกวันนี้บริเวณใกล้วัดป่าสุคะโต มีการบุกรุกที่ดินถึง 3,500 ไร่โดยชาวบ้าน ซึ่งเป็นจำนวนพอๆ กับการทวงคืนผืนป่าในปี 2558 ของทั้งจังหวัดเลยทีเดียว
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ในนามผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม และประชาชนอย่างยั่งยืน ทำหนังสือถึงพระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ซึ่งเป็น "พระดี" ให้ช่วยรักษาป่า
3 สิงหาคม 2560
เรื่อง ขอท่านโปรดช่วยรักษาป่า
กราบนมัสการ พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต
กระผมได้มีโอกาสไปวัดป่าสุคะโตเมื่อวันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2560 เห็นวัดนี้มีความร่มรื่นน่าชื่นชม และเห็นท่านทำกิจกรรมปลูกป่าเช่นกัน (http://bit.ly/2vkby9e) อย่างไรก็ตามในละแวกบ้านใหม่ไทยเจริญ ม.8 ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่วัดของท่านตั้งอยู่ ก็มีการบุกรุกทำลายป่าโดยชาวบ้านกันเองเป็นอันมาก จึงขอท่านโปรดพิจารณาหาทางแก้ไขโดยด่วน
การรุกป่านี้กินเนื้อที่ราว 3,500 ไร่ เกิดขึ้นห่างจากวัดของท่านเพียงไม่กี่กิโลเมตร และเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง พื้นที่นี้เดิมเป็นขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และคืนให้กับกรมป่าไม้ มีต้นไม้ที่ปลูกป่ายืนต้นมากมาย แต่ชาวบ้านก็เข้าไปถากถาง หรือฉีดยาให้ต้นไม้ตายไป และนำที่ดินไปปลูกมันสัมปะหลังหรือพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ท่านอยู่ในพื้นที่นี้ คงเคยได้ยิน ได้ผ่านไปเห็นเรื่องนี้ เพราะกระผมเพียงไปเยี่ยมระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว กระผมจึงใคร่ขอความเมตตาจากท่าน โปรดไปห้ามการบุกรุกทำลายป่าโดยชาวบ้านในกรณีนี้เป็นการด่วน
กระผมใคร่ขอกราบเรียนว่า การห้ามการบุกรุกทำลายป่านี้จะดีกว่าการไปปลูกป่าซึ่งส่วนมาก ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ในป่าเสื่อมโทรมก็มักจะตายไปในเวลาไม่ช้าไม่นาน แต่การรักษาและหยุดการทำลายป่าที่ปลูกไว้แล้ว ซึ่งกินพื้นที่ถึง 3,500 ไร่ จะเป็นประโยชน์กว่าการปลูกป่าใหม่ ๆ มากนัก เพียงแต่การนี้อาจต้องขัดแย้งกับผลประโยชน์ของชาวบ้านรอบวัดอยู่บ้าง กระผมจึงใคร่ขอท่านรักษาความถูกต้องมากกว่าความถูกใจของชาวบ้านบางส่วนที่ทำผิดกฎหมาย ท่านคงทราบว่า การทวงคืนผืนป่าในจังหวัดชัยภูมิของของรัฐบาลทำได้ราว 4,000 ไร่ (http://bit.ly/2u6yMj6) หากท่านสามารถทวงคืนผืนป่านี้ได้ ก็จะได้ป่าคืนมาพอๆ กับปฏิบัติของรัฐบาลเอง
หากท่านรักษาป่า 500 ไร่ เฉพาะที่อยู่ในการครอบครองของท่าน ก็จะรักษาอยู่ได้แค่นั้น แต่ป่าโดยรอบถูกทำลาย โดยไม่ได้รับการปกป้องแก้ไขได้เท่าที่ควร ท่านจึงควรให้การศึกษาแก่ชาวบ้านโดยรอบให้รักษาพื้นที่ป่าไม้เอาไว้ รวมทั้งกวดขันให้เจ้าหน้าที่ แม่บ้านหรือผู้ที่ทำงานในวัด อย่าได้ "ใช้สิทธิ" ไปรับประโยชน์จากการบุกรุกถากถางป่า หรือครอบครองที่ดินป่าสงวน เพราะเท่ากับเป็นการลักทรัพย์ และไม่ใช่สมบัติส่วนตัวที่สามารถหาซื้อได้ แม้ว่าชาวบ้านทั่วไปจะบุกรุกทำลายป่า เจ้าหน้าที่ของทางวัด ก็ไม่ควรถือโอกาสนี้เช่นกัน (ถ้ามี) จะได้เป็นตัวอย่งที่ดีต่อสังคมเช่นกัน
ในอดีตที่ผ่านมา วัดป่าสุคะโตเอง ก็มาจับจองอยู่ในเขตป่า และเป็นพื้นที่ทำไม้มาก่อน จนพระสงฆ์ต้องโยกย้ายไปอยู่บริเวณอื่นระยะหนึ่ง ภายหลังจากสัมปทานทำไม้แล้ว จึงได้ย้ายกลับมาในบริเวณเดิม (http://bit.ly/2u8pC5b) การครอบครองที่ป่าถึง 500 ไร่ ในแง่หนึ่งก็เป็นการดีที่ได้คุ้มครองต้นไม้ไว้ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อาจเป็นการครอบครองสมบัติของแผ่นดินเกินความจำเป็นหรือไม่ การที่มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเช่นนี้ หากวัดสามารถหารายได้จากการมาปฏิบัติธรรมเนืองๆ ของชนชั้นกลางในเมืองหรือชาวต่างชาติก็ควรคืนประโยชน์ต่อสังคม ในทำนองคล้ายกับการเช่าที่ป่าซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ เพื่อรัฐจะได้นำเงินไปใช้เพื่อการปลูกป่าหรือป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าอันถือเป็นการทำลายชาติต่อไป
ที่พระไพศาลกล่าวว่าว่า "ในระยะหลัง ๆ ไฟป่าได้สร้างปัญหาร้ายแรงแก่ทางวัดทุกปี เนื่องจากพื้นที่รอบวัดซึ่งเดิมเคยเป็นป่าหนาแน่น ได้ถูกถางเตียนเป็นไร่มัน ไร่ข้าวโพดหมด การเผาพืชไร่ เพื่อเตรียมปลูกใหม่แต่ละครั้งในช่วงหน้าร้อน ทำให้ไฟลามเข้ามาในเขตวัด จากทุกทิศทุกทางอยู่เนืองๆ" (http://bit.ly/2u8AfoH) กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าท่านควรให้การศึกษาชาวบ้านในการบุกรุกทำลายป่าให้มากกว่านี้หรือให้ได้ผลกว่านี้ ให้สมกับที่วัดป่าสุคะโต ได้เข้าร่วม "โครงการพระสงฆ์ช่วยงานด้านป่าไม้" ในด้านงานอบรม/ฟื้นฟูป่าอย่างมีประสิทธิผล
ทุกวันนี้วัดป่า หรือวัดมากมายแข่งขันกันก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตราวปราสาทราชวัง จนชาวบ้านนินทาว่า "พระสงฆ์กำลังสร้างวัง ในขณะที่พระพุทธเจ้าออกจากวัง" กระผมจึงใคร่ขอท่านให้การศึกษาแก่พระสงฆ์ด้วยกันด้วยโดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียงกับท่าน และหากพระจะสร้างวัดหรือวังกันจริงๆ ก็ควรซื้อหรือเช่าที่มาสร้าง ไม่ใช่ไปถือครองหรือถือเอาสมบัติของแผ่นดินมาสร้างโดยไม่ได้ซื้อหรือไม่เสียค่าเช่าใด ๆ เพราะนี่เท่ากับเป็นการลักทรัพย์ของแผ่นดิน
จึงกราบนมัสการมาเพื่อโปรดพิจารณา
กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูง
(ดร.โสภณ พรโชคชัย)
ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม และประชาชนอย่างยั่งยืน
www.facebook.com/envi.people
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement2041.htm