ความสุขจากการเป็น "ผู้ให้" คุณเองก็ทำได้ :)
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันผู้บริจาคโลหิตโลกแล้ว (14 มิถุนายน 2560) เลยจะมาแชร์ประสบการณ์การบริจาคเลือดของตัวเอง ให้เพื่อนๆที่ยังลังเลใจที่จะทำบุญโดยการต่อชีวิตผู้อื่นอย่างการบริจาคเลือดได้อ่านกัน ว่าจริงๆแล้วเข็มใหญ่ๆที่เรากลัวนั้น มันไม่ได้เจ็บอย่างที่เราคิดเลยค่ะ
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน เราตัดสินใจบริจาคเลือดครั้งแรก เพราะรู้สึกว่าอยากทำตัวเองให้มีประโยชน์กับคนอื่น หรือทำอะไรดีๆเพื่อสังคมบ้าง บวกกับเป็นช่วงที่เราหันมาดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เลยคิดว่าตัวเองน่าจะใช้ความแข็งแรงให้เกิดประโยชน์กับคนอื่น ว่าแล้วเราก็ตัดสินใจก้าวผ่านความกลัวของตัวเอง โดยการหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวจะไปบริจาคเลือด
ก่อนจะไปบริจาค เราก็ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนว่าเราสามารถบริจาคโลหิตได้มั้ย ?
- ถ้าอายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ ก็สามารถบริจาคได้ (ถ้าเป็นการบริจาคครั้งแรกมีข้อแม้ว่าต้องอายุไม่เกิน 55 ปีค่ะ)
- ต้องมีน้ำหนักตัว 45 กิโลกรัมขึ้นไป
- ต้องมั่นใจว่ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และไม่อยู่ระหว่างการรับประทานยาใดๆค่ะ
- ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด
- สำหรับสาวๆ ถ้าอยู่ระหว่างการมีประจำเดือน ไม่แนะนำให้บริจาคค่ะ เพราะอาจจะเสียเลือดมากเกินไป หรือว่าถ้าตั้งครรภ์อยู่ก็ไม่ควรบริจาคเลือดเช่นกันค่ะ
ถ้ามีคุณสมบัติด้านบนครบ ก็เตรียมพร้อมร่างกายเพื่อไปบริจาคเลือดกันได้เลย
- นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อเนื่องในคืนก่อนที่เราจะไปให้เลือดค่ะ
- ทานข้าวให้อิ่มก่อนมาบริจาคเลือด งดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น แกงกะทิ ข้าวมันไก่ หรืออาหารมันๆทั้งหลาย เพราะอาจจะทำให้เลือดของเราไม่สามารถนำไปใช้ได้นั่นเองค่ะ
- ระหว่างรอคิวเพื่อบริจาค ควรดื่มน้ำมากกว่าปกติประมาณ 3-4 แก้ว เพราะจะทำให้เลือดไหวเวียนได้ดี ลดอาการแทรกซ้อน เช่น หน้ามืด เป็นลม อ่อนเพลีย ค่ะ เราเคยดื่มน้ำน้อย พอบริจาคเสร็จ ลุกขึ้นมาไม่ไหว ต้องนอนพักนานเลยค่ะ กว่าจะหาย
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาคค่ะ
- งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้เต็มที่ค่ะ
ขั้นตอนการบริจาคโลหิต 
1.ก่อนบริจาคโลหิต จะต้องทำการเช็คลิสเพื่อคัดกรองความพร้อมของร่างกายก่อนว่าจะสามารถบริจาคโลหิตได้หรือไม่ โดยเค้าจะมีคำถามมาให้เราติ๊กประมาณ 20 ข้อค่ะ จากนั้นจึงค่อยไปวัดความดันโลหิตเป็นขั้นตอนต่อไป
ตัวอย่างแบบสำรวจ(หน้า)
ตัวอย่างแบบสำรวจ(หลัง)
2.วัดความดันโลหิต ศูนย์บริจาคโลหิตบางที่ เราก็สามารถวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองค่ะ การแสดงผลจะออกมาเป็นสลิปกระดาษ
3. เจาะเลือดเพื่อตรวจสอบความเข้มข้นของเลือด ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริจาคเลือดได้หรือไม่ ในขั้นตอนนี้หากความเข้มข้นของเลือดไม่ผ่าน จะยังบริจาคไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะให้วิตามินเสริมธาตุเหล็กกลับไปรับประทานก่อน แล้วค่อยมาบริจาควันหลังค่ะ
4.นั่งรถคิวเพื่อรอบริจาคเลือด ระหว่างนี้ควรดื่มน้ำสัก3-4 แก้วนะคะ เพื่อทำให้เลือดเราไม่ข้นหนืด เวลาบริจาคจะได้เลือดจะได้ไหลสะดวก
5.ขึ้นเตียง เมื่อถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่จะเรียกไปนอนรอบนเตียง จากนั้นจะนำสายยางมารัดรอบต้นแขน จากนั้นจะทำความสะอาดด้านในข้อพับ เพื่อให้เห็นเส้นเลือดดำชัดเจน และทำการเจาะเลือด ในระหว่างที่เลือดเรากำลังไหลจากสายยาง ให้เราบีบ-คลายลูกเหล็กเป็นจังหวะ เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยรวมระยะเวลาการการให้เลือดประมาณ 10 -15 นาทีขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ
6.นอนพักสักครู่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่การบริจาคเลือดแต่ละครั้งจะเสียเลือดประมาณ 300 - 400 ซี.ซี. เราไม่ควรลุกจากเตียงในทันที ควรนอนพักสักครู่ หลังจากนั้นจึงเดินออกมายังห้องรับรอง เพื่อทานอาหารว่าง และเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้ค่ะ
เพียงเท่านี้ ก็เท่ากับเราได้ทำบุญครั้งใหญ่แล้วค่ะ เลือดของเราจะถูกนำไปคัดแยกเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการต่อไป โดยหลังจากบริจาคเลือดแล้ว ควรทานวิตามินธาตุเหล็กที่ได้รับมาจนหมด เพื่อป้องกันภาวะการขาดธาตุเหล็กด้วยด้วยนะคะ
หลังจากการบริจาคโลหิตแล้ว อย่าลืมปฏิบัติตัวตามคำแนะนำนะคะ
หวังว่าเพื่อนๆคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับการแชร์ประสบการณ์ขั้นตอนการบริจาคโลหิตจากเรานะคะ ถ้าหากใครสนใจอยากก้าวผ่านความกลัวของตัวเองแบบเรา แถมยังสุขใจที่ได้ช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่นแบบเราก็สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานที่รับบริจาคโลหิตได้ทางเวปไซต์ของสภากาชาดไทยค่ะ
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
ช่องทางการรับรางวัลสลากกาชาดมหาดไทย 2568 ตรวจสอบสิทธิและติดต่อรับโชคได้ถึงต้นปีหน้า
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา
งงทั้งสถานี ไวรัลญี่ปุ่น คู่ชายหญิง ทำอะไรบางอย่างกลางชินจูกุ คนหยุดดูเป็นตาเดียว
แซลม่อน ซึมซับความเป็นญี่ปุ่น ที่หลายคนต้องการเน้นสดอร่อย
เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริง
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
แพทย์ระบบประสาทเตือนว่า 3 อาหารยอดฮิตที่กินบ่อยอาจทำลายสมองและเสี่ยงต่อการสมองเสื่อมโดยไม่รู้ตัว
ด่วนวันนี้ ประชาชนในปอยเปต โดนสั่งให้อพยพด่วน หลัง ไข่จากสยามเมืองยิ้ม ลงรัวๆ มากกว่า 15 ลูกภายในวันเดียว
เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริง
ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา








