เมื่อไม่มี 'อนันต์' หุ้น LH จะตกหรือไม่
มีคนสงสัยถามว่า เมื่อนายอนันต์ อัศวโภคิน ในฐานะ 'หัวเรือใหญ่' ลาออกจาก บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ แล้ว จะทำให้หุ้นของบริษัทมหาชนนี้ตกต่ำลงหรือไม่ หรือทำให้หุ้นขึ้นกันแน่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินค่าทรัพย์สินและเป็นอาจารย์สอนด้านการประเมินค่าทรัพย์สินในสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า การลาออกของนายอนันต์ ไม่น่าจะมีปัญหาใดต่อราคาหุ้นของแลนด์แอนด์เฮาส์แต่อย่างใด
การลาออกนี้คงเป็นเหตุผลทางการเมือง เพราะในสังคมอาจมองว่าประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองแบ่งขั้วอย่างแยกกันไม่ออก การลาออกก็เพียงเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทมหาชนแห่งนี้เป็นสำคัญ ไม่ได้เป็นการลาออกเพราะมีเรื่อง 'ฉาวโฉ่' เช่น การปั่นหุ้น หรือกิจกรรมฉ้อฉลต่อบริษัทมหาชนดังกล่าวแต่อย่างใด และการลาออกนี้อาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เพราะสังคมอาจมองว่าเป็นการ 'กลั่นแกล้ง' กันทางการเมืองหรือไม่ และอาจแสดงความเห็นใจในฐานะที่ถูก 'กลั่นแกล้ง' ดังกล่าว
บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นบริษัทอันดับที่ 5 แต่เคยเป็นเบอร์ 1 มาก่อนและเป็นรองแชมป์มูลค่าโครงการสูงสุด ได้พัฒนาโครงการมากมาย แต่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ บมจ.พฤกษาฯ ทั้งนี้ทั่วประเทศ บมจ.แลนด์ฯ พัฒนาไป 225 โครงการ รวม 63,925 หน่วย รวมมูลค่าสูงถึง 291,115 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเป็นอันดับสองของบริษัทพัฒนาที่ดินไทยทั้งหมด และที่สำคัญ ราคาขายต่อหน่วยของสินค้าของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ มีค่าสูงสุดคือ 4.554 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่า หน่วยขายที่พัฒนามาส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถึง 89% มีเพียง 11% พัฒนาในภูมิภาค และหากพิจารณาในด้านมูลค่า ปรากฏว่า 90% ของมูลค่าทั้งหมดอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเพียง 10% ที่อยู่ในภูมิภาค
ดร.โสภณสรุปว่า บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จึงถือเป็นบริษัทที่มีสินค้าคุณภาพราคาสูงสุด เมื่อ 30 ปีก่อน บริษัทนี้ เคยพัฒนาทาวน์เฮาส์ราคาถูกและห้องชุดราคาปานกลาง แต่ภายหลังเน้นบ้านเดี่ยวคุณภาพราคาแพง มาเพียงช่วงหลังที่มีการก่อสร้างบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทเพิ่มขึ้นบ้าง อาจกล่าวได้ว่าแต่เดิมบริษัทที่ใหญ่ที่สุดอาจเป็นเมืองทองธานีเพราะก่อสร้างเมืองและโครงการขนาดใหญ่ แต่ บมจ.แลนด์ฯ กระจายออกทั่วไป จึงกลายเป็นเบอร์ 1 มาถึงยุค บมจ.พฤกษาฯ ที่กระจายออกทั่วไปเช่นกัน แต่กระจายไปครอบคลุมแทบทุกระดับราคา จึงก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์แทน
อย่างไรก็ตามยี่ห้อหรือ Goodwill ของบริษัทมหาชนพัฒนาที่ดิน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลเจ้าของบริษัทด้วย แตกต่างจากบริษัทที่ไม่ยึดโยงกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น โค้ก หรือสินค้าที่ขายได้ทั่วโลกอื่นๆ เช่น ถ้าสมมติผู้บริหารบริษัทโค้ก ที่สำนักงานใหญ่นครแอตแลนตา จอร์เจีย ตกเครื่องบินเสียชีวิตยกลำ มูลค่าของโค้ก ก็คงไม่ลดลงแต่อย่างไร เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่เป็นผู้ก่อตั้ง
โดยนัยนี้มูลค่าของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จะทรุดฮวบก็ต่อเมื่อ นายอนันต์ ขายหุ้นในแลนด์ แอนด์ เฮาส์ แล้วลาออกไปตั้งบริษัทใหม่ พร้อมพาคณะทำงานคู่ใจออกไปด้วยเท่านั้น ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่นายอนันต์จะทิ้งบริษัทไปแบบนั้น เป็นเพียงกรณีสมมติเท่านั้น ดังนั้นการที่นายอนันต์เพียงลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ในบริษัทมหาชนแห่งนี้ จึงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
หากจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ น่าจะมีตั้งแต่สมัยที่มีการแบ่งแยกเหลือง-แดง หรือมีกลุ่ม กปปส. ที่ต่อต้านรัฐบาล หรือกรณีฝ่ายต่อต้านธรรมกายอาจไม่ซื้อบ้านของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ แต่ถึงแม้จะมีการแบ่งสี แบ่งแยกทางความคิดเช่นนี้ ก็ไม่ทำให้รายได้หรือธุรกิจของบริษัทมหาชนแห่งนี้ได้รับผลกระทบ เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้เป็นพวกของ 'นายสนธิ' หรือ 'นายสุเทพ' เป็นเพียงการสร้างฉาก สร้างขั้วแตกแยก หรือแม้นหากมีการแตกแยกหนัก ธุรกิจกับการเมืองก็คงแยกกัน และลำพังเพียงผู้สนับสนุนฟากนายอนันต์ ก็มีเพียงพอต่อการทำธุรกิจของนายอนันต์อยู่แล้ว เนื่องจากในตลาด ไม่มีบริษัทพัฒนาที่ดินใดครองส่วนแบ่งในตลาดเกินครึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นมูลค่าหุ้นหรือแบรนด์ของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จึงไม่ลดลงเพราะการลาออกจากตำแหน่งของนายอนันต์
ที่มา:http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1967.htm