พาเที่ยวบ้านไร่ของพ่อหลวง (ร.9) "โครงการชั่งหัวมัน" ตามพระราชดำริ
จากอดีต ... จนถึงปัจจุบันของ "โครงการชั่งหัวมัน"
เมื่อปลายปี พ.ศ. 2551 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงซื้อที่ดินจากราษฎรบริเวณอ่างเก็บน้า หนองเสือ ประมาณ 120 ไร่ และต่อมาปี พ.ศ. 2552 ทรงซื้อแปลงติดกันเพิ่มอีก 130 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดเป็น 250 ไร่ ซึ่งที่ดินในบริเวณนี้มีความแห้งแล้งเสื่อมโทรมและกันดาร จึงมีพระราชดำริให้ทำเป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตรรวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจในพื้นที่ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงมาปลูกไว้ที่นี่ และได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา
ในการดำเนินงานตามพระราชดำริดังกล่าว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ในฐานะผู้อำนวยการกองงานส่วนพระองค์ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงานโครงการ และเริ่มพัฒนาที่ดินโดยมีกองงานส่วนพระองค์สำนักพระราชวัง และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมกันหลายแห่ง
ในระหว่างการดำเนินการนี้ได้พระราชทานหัวมันเทศ ที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนำไปวางไว้บนตาชั่งในห้องทรงงาน บนพระตำหนักเปี่ยมสุขวังไกลกังวล ก่อนเสด็จกลับกรุงเทพมหานคร และเมื่อเสด็จกลับมาประทับที่วังไกลกังวล ทรงพบว่า หัวมันที่วางไว้บนตาชั่งนั้นแตกใบอ่อนขึ้นมา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปแยกปลูกลงในกระถางไว้ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานต้นมันเทศนี้มามาปลูกขยายพันธ์ในพื้นที่ของโครงการฯ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ชั่งหัวมัน” ที่ได้พระราชทานให้แก่โครงการนี้
ในวันที่ 1 สิงหาคม 2552 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดป้ายโครงการชั่งหัวมันตามพระกำรีด้วยพระองค์เองและทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรการดำเนินงานภายในโครงการ ก่อนเสด็จกลับวังไกลกังวล ต่อมาได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ มาทอดพระเนตรกิจกรรมของโครงการนี้อีกเป็นระยะจนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างโครงการต่างๆ ของ "โครงการชั่งหัวมัน"
-พัฒนาอ่างเก็บน้ำหนองเสือ เพื่อส่งน้ำไปใช้ในโครงการ โดยมีสัตว์เก็บกักน้ำไว้ 2 สระ ไว้รองรับและกระจายนำเข้าสู่ระบบการเพาะปลูก ฟาร์มปศุสัตว์ และโรงงานแปรรูปนม รวมทั้งการขุดเอาเจาะน้ำบาดาลเพื่อนำมาใช้ในการอุปโภคด้วย
(ชบา.Com)
-ร้านโกลเด้นเพลส (Golden Place) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อควบคุมผลผลิตให้มีคุณภาพและจำหน่ายถึงผู้บริโภคโดยตรง เป็นแหล่งตัวอย่างช่องทางการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของโครงการฯ
-ศูนย์การเรียนรู้แหล่งพลังงานสะอาด เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น ทุ่งกังหันลม (Wind Farm) และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cells) สามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้เข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งนอกจากเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่โครงการฯ แล้ว ยังช่วยให้ราษฎรในหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง มีกระแสไฟฟ้าใช้ได้อย่างพอเพียง และทั่วถึง
-ศูนย์การเรียนรู้สาธิตทางการเกษตรของภาคเอกชนและวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อให้โครงการนี้มีประโยชน์แก่เกษตรกรและประชาชนเพิ่มมากขึ้น เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี จัดทำแปลงสาธิตการปลูกยางพาราที่ทันสมัย และนาข้าวทดลองแบบใช้นำบังคับให้ได้ผลผลิตสูง และลดต้นทุนการผลิต มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำเสนอแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสานสำหรับการดำเนินชีวิตได้อย่างพอเพียงในพื้นที่จำกัด เพียง 1 ไร่ และเงินลงทุน 100,000 บาท รวมทั้งการเพาะเลี้ยงไส้เดือน เพื่อประโยชน์ในการผลิตปุ๋ยบำรุงดินและเป็นรายได้เสริมของเกษตรกรที่สนใจ เป็นต้น
ในปี 2556 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมอบหมายให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการของโครงการฯ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพัฒนาและปฏิบัติงานร่วมกับกองงานส่วนพระองค์ เช่น การเลี้ยงโคนม การเลี้ยงไก่ไข่ การผลิตน้ำนมพาสเจอไรซ์และสเตอริไรส์ หน่วยพลังงานทดแทน ไบโอดีเซล รวมทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ปัจจุบัน "โครงการชั่งหัวมัน" ตามพระราชดำริ ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรอีกแห่งหนึ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต เข้าศึกษาดูงาน และเปิดให้เข้าชมได้จากจุดเริ่มต้นที่มาจากพื้นที่ที่แห้งแล้งและเสื่อมโทรม กลับกลายเป็นพื้นที่สีเขียว ที่สามารถเพาะปลูกพืชสวนครัวและ พันธุ์พืชต่างๆ รวมทั้งการปศุสัตว์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์นม และหน่วยพลังงานทดแทน ให้ผู้ที่สนใจทั้งนักเรียน เยาวชน นักศึกษา เกษตรกร และประชาชนทั่วไป นักท่อง เข้ามาเยี่ยมชมโครงการฯ เพิ่มมากขึ้นทุกปี
ปล. ว่างๆ อย่าลืมแวะเที่ยว "โครงการชั่งหัวมัน" เป็นแนวทางความรู้ง่ายๆ ของจุดเริ่มต้นเศรษฐกิจพอเพียงแก่ตัวเองและครอบครัวกันนะคะ















