เรื่องราวชีวิตจริง ดุจเทพนิยาย
เรื่องราวชีวิตดุจเทพนิยาย
จากคนธรรมดากลายเป็นมหาเทวีของผู้ครองนครทีมั่งคั่งไปด้วยลาภยศเงินทอง แต่สุดท้ายมลายหายสิ้นไปทุกสิ่งทุกอย่างคงเหลือไว้แต่ความทรงจำ
เมืองสีป้อนี้เป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลจากรัฐฉานพอควร แต่ไม่เจริญเทียบเท่า แต่อุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ เช่น ทองคำ พลอย เมื่อก่อนตอนรัฐฉานของพม่ายังตกเป็นอาณานิคมของ อังกฤษอยู่ ได้มีเจ้าฟ้าแห่งเมืองสีป้อ พระนามว่า เจ้าจ่าแสง ได้ไปศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พบรักกับหญิงสาวสามัญชนชาวออสเตเรียที่ไปศึกษาวิชาการพยาบาลที่มีชื่อว่า อิงแง เซอร์เจน ทั้งคู่ได้พบรักกันและกัน ได้แต่งานกันที่แผ่นดินอเมริกา แต่เจ้าฟ้าจ่าแสง ไม่ได้บอกฐานะที่แท้จริงของตนให้ อิงแง ทราบเลย
เมื่อจบการศึกษา เจ้าจ่าแสง กับ อิงแง ได้เดินทางกลับไปยังแผ่นดินเกิดของเจ้าจ่าแสง เมื่อเดินทางถึงพม่า มีผู้คนจากเมืองสีป้อ แห่งรัฐฉาน มารอต้อนรับกันอย่างคับคลั่ง จึงสร้างความแปลกใจให้กับ อิงแง ว่าคนพวกนี้มารอรับใคร และผู้นั้นคงจะเป็นผู้ที่มีความสำคัญแน่แท้ถึงได้ออกมารอคอยกันขนาดนี้โดยหารู้ไม่ว่าคนที่มารอคอยต้อนรับนั้นคือ สามีตน ฝ่าย เจ้าจ่าแสง ได้เฉลยว่า บุคคลผู้นั้นคือ ตนเอง เป็นเจ้าฟ้าปกครองเมืองสีป้อแห่งรัฐฉาน อิงแง ทราบก็ตกใจง้อนว่า เป็นเจ้าฟ้าทำไหมไม่บอกจะได้แต่งตัวให้สมฐานะภรรยาเจ้าฟ้าปกครองเมืองจะได้ไม่อายเขา เมื่อถึงเมืองสีป้อ อิงแง ก็ได้รับการสถาปนาเป็น พระนางสุจันทรี มหาเทวีแห่งสีป้อ
เมื่อได้เป็นมหาเทวีแล้ว ชีวิตก็ราวกับฝันมีข้าทาสบริวานล้อบรอบ ต่อมาพระนางสุจันทรี มหาเทวี ได้ให้กำเนิด 2 พระองค์ เจ้าจ่าแสง ได้พัฒนาบ้านเมืองด้านต่างๆ การศึกษา การปกครอง ระบบเศรฐกิจ ด้านพระนางสุจันทรี มหาเทวี ก็ช่วยพัฒนาสุขอนามัย การแพทย์ พยาบาล แต่ชีวิตคนเรามักจะไม่สมบูรณ์ไปทั้งหมด
เมื่อประเทศอังกฤษ ได้ยอมปลดปล่อยพม่าให้เป็นอิสระ ชนกลุ่มต่างๆได้เข้าร่วมทำสัญญา" ปางโหลง " ว่าด้วยรัฐต่างๆของพม่ายอมอยู่ใต้การปกครองพม่าเป็นเวลา 10 ปี เมื่อครบสัญญาก็แยกตัวเป็นอิสระได้
แต่แล้วในปี ค.ศ 1962 ( พ.ศ 2505 )ระบบที่ปกครองด้วยเจ้าฟ้าของเมืองต่างๆในรัฐไทยใหญ่มีอันต้องล่มสลายไป เมื่อนายพลเนวิน ได้ทำการปฎิวัติยึดอำนาจและแต่งตั้งรัฐบาลทหารได้ฉีกสัญญาไม่ยอมให้รัฐต่างๆเป็นอิสระ ทางเจ้าฟ้าเมืองต่างๆได้ถูกรัฐบาลนายพลเนวิน กำจัดเพราะไม่ต้องการให้แยกรัฐ เจ้าจ่าแสง ได้ถูกจับไปและหายสาปสูญอย่างไร้ล่องรอย คาดว่าน่าจะโดนสำเร็จโทษกันหมดนั้นเอง
ส่วนพระนางสุจันทรีมหาเทวีและพระธิดา ก็ถูกคุมขังอยู่ในหอหลวงเมืองสีป้อ ก่อนจะถูกผลักดันออกจากประเทศพม่า โดยทรัพย์สินทั้งหมดในพระราชวังได้ถูกทางการพม่ายึดไปหมดเหลือติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น เช่น แหวนที่ได้รับพระราชทานจาก เจ้าจ่าแสง ทรงทุกข์ทรมาน พระนางสุจันทรี มหาเทวี พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากมิตรนักการทูตต่างๆ แต่ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ข่าว เจ้าจ่าแสง ก็หายไป ยังโชคดีที่มีกัลยาณมิตรที่ช่วยให้ พระนางสุจันทรี มหาเทวีและพระธิดาทั้ง สอง กลับมาตุภูมิโดยไม่มีเงินติดตัวเลย
70 ปีมาแล้ว ที่พระนางสุจันทรีมหาเทวี และพระธิดา ได้ประทับที่ออสเตเรียบ้านเกิด แสงฉายที่เคยโชนฉายสิ้นแล้ว คงเหลือเพียงความทรงจำอยู่ในใจ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1926340697597289&set=pcb.1855034008092149&type=3&theater