ทักษิโณทกคืออะไร เกี่ยวข้องยังไงกับการอุทิศบุญ
โลกสมมุติให้นิยามความหมายของคำว่าทักษิโณทก ว่ามีหลายความหมาย เช่น หมายถึง นํ้าที่หลั่งในเวลาทําบุญเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่ผู้ตายหรือเรียกว่ากรวดน้ำ...หมายถึง นํ้าที่ใช้เทลงเพื่อแสดงว่าให้ ใช้กับสิ่งของที่ใหญ่โตหรือไม่มีรูปที่จะหยิบยกให้ได้ เช่น วัด ศาลา บุญกุศล เป็นต้น ...หมายถึง น้ำที่เทลงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยืนยันคำกล่าว เหล่านี้คือโลกสมมุติให้นิยามความหมายของคำว่า ทักษิโณทก
แต่ในทางธรรม ทักษิโณทก ไม่ได้มีความหมายตามที่กล่าวมาข้างบนนี้แต่อย่างใด แต่เป็นการให้น้ำเป็นทาน คำว่าทักษิโณทก (อ่านว่า ทัก-สิ-โน-ทก) เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤต ทกฺษิณา (อ่านว่า ทัก-สิ-นา) แปลว่า ของทำบุญ กับคำว่า อุทก (อ่านว่า อุ-ทะ-กะ) แปลว่าน้ำ ทกฺษิณา + อุทก = ทักษิโณทก แปลว่า ของทำบุญที่เป็นน้ำ (ไทยธรรมที่เป็นน้ำ) หรือเรียกว่าให้น้ำเป็นทาน
เมื่อวิเคราะห์ตามความเป็นจริงแล้ว การหลั่งน้ำในเวลาอุทิศบุญ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการอุทิศบุญอันที่จริงแล้วการอุทิศบุญไม่มีการกรวดน้ำ พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอนว่าเวลาอุทิศบุญต้องกรวดน้ำ การอุทิศบุญคือการเอาบุญให้ จะพูดหรือนึกเอาในใจยังไงก็ได้ที่มีความหมายว่า "เอาให้" บุญไปเพราะเราเอาให้ ไม่ใช่ไปเพราะการกรวดน้ำ
การกรวดน้ำไม่ใช่ตัวที่จะนำบุญไป การกวดน้ำเป็นกิริยาอาการ ที่เราหลั่งน้ำลงหรือเรียกว่าเทน้ำทิ้งก็ได้ ชึ่ง เป็นกิริยาอาการ ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการอุทิศบุญไม่ใช่องค์ประกอบของการอุทิศบุญ องค์ประกอบของการอุทิศบุญคือ มีผู้ให้ (ผู้ที่จะอุทิศบุญให้) ผลบุญที่จะให้ (ชึ่งได้มาจากการทำบุญตามช่องทางต่างฯ) และผู้รับ (ผลบุญจากผู้อุทิศให้) และสำเร็จโดยการให้ผลบุญของผู้ให้แก่ผู้รับ (ไม่ใช่สำเร็จโดยการกรวดน้ำ) เอาพระสูตรด้านล่างนี้มาเปรียบเทียบได้เลย
"พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ความว่า พระอรหันต์ทั้งหลายเปรียบด้วยนา ทายกทั้งหลายเปรียบด้วยชาวนา ไทยธรรมเปรียบด้วยพืช ผลทานย่อมเกิดแต่การบริจาคไทยธรรม (ของทำบุญ) ของทายก (ผู้ให้) แก่ปฏิคคาหก (ผู้รับ) พืชนาและการหว่านพืชนั้นย่อมให้เกิดผลแก่เปรตทั้งหลายและทายก เปรตทั้งหลายย่อมบริโภคผลนั้น ทายกย่อมเจริญด้วยบุญ ทายกทำกุศลในโลกนี้แล้ว อุทิศให้เปรต
ทั้งหลาย ครั้นทำกรรมดีแล้วย่อมไปสวรรค์" (เล่ม 49 หน้า 1 บรรทัด 7)
เพราะฉะนั้น การอุทิศบุญคือการเอาบุญให้ ชึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการกรวดน้ำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรากรวดน้ำเฉยฯแต่ไม่ได้ยกให้ บุญไปไหม? เปรียบเทียบกับเราเอาสิ่งของให้ผู้อื่นนั้นละ เปรียบเทียบกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ ชึ่งเป็นการเปรียบเทียบเรื่องใกล้ตัว ที่คุณสามารถเห็นได้เองตามความเป็นจริง ถ้าเราไม่ให้ กรวดน้ำเฉยฯ มันไปไหม? อย่าว่าแต่กรวดน้ำเลย เอามาทั้งมหาสมุทรมาเทลง มันก็ไม่ไป ถ้าเราไม่ได้ให้ แต่ถ้าเราให้ ไม่กรวดน้ำมันก็ไปของมัน หรือถ้าไม่มีของที่จะให้ กรวดน้ำเฉยฯมันก็ไม่ไปเหมือนกัน นี้คือหลักความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น การอุทิศบุญจึงสำเร็จด้วยการ "เอาบุญให้" ไม่ใช่สำเร็จด้วยการกรวดน้ำ ดั่งนั้นจึ่งไม่เกี่ยวข้อง
บางคนยกเอากรณีของพระเจ้าพิมพิสารอุทิศบุญแก่เปรตที่เป็นญาติมาอ้างอิงว่าการอุทิดบุญของพระเจ้าพิมพิสารนั้นก็มีการกรวดน้ำ แต่ความเป็นจริงแล้ว
การที่เปรตนั้นได้รับส่วนบุญ (ได้อาบและดื่มน้ำในสระโบกขรณีนั้น) เป็นเพราะพระเจ้าพิมพิสาร เอาน้ำถวายเป็นทาน (ทักษิโณทก) แด่พระพุทธเจ้า แล้วอุทิศบุญ(ที่ได้จากการให้น้ำเป็นทานนั้น)ด้วยการพูดว่า "ขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา" ไม่ได้เป็นเพราะ พระเจ้าพิมพิสารหลั่งน้ำแต่อย่างใด
"...พระราชาถวายน้ำทักษิโณทก ทรงอุทิศว่าขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา ทันใดนั้นเองสระโบกขรณีดารดาษด้วยปทุม ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น เปรตพวกนั้นก็อาบและดื่มในสระโบกขรณีนั้น... (เล่ม 39 หน้า 284 บรรทัด 8)
และเมื่ออิงจากองค์ประกอบของการทานและการสำเร็จผลของทานที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น เป็นไปไม่ได้ที่การอุทิศบุญของพระเจ้าพิมพิสารจะสำเร็จด้วยการหลั่งน้ำ
ดั่งนั้น ความเห็นที่ว่าการกรวดน้ำมีผลต่อการอุทิศบุญ จึ่งเป็นความเห็นผิด เมื่อเห็นผิดย่อมเป็นอกุศลในส่วนตรงนี้
พระไตรปิฎก: www.tripitaka91.com/