รัชกาลที่ 10 เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.กราบบังคมทูลสมด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารขึ้นทรงราชย์ ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559
ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ตั้งแต่ 13 ตุลาคม 2559 หลังจากคณะฯเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททรงตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง โปรดเกล้าฯให้เฉลิมพระปรมาภิไธย“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2559 สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้ถ่ายทอดพิธีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พร้อมด้วยผู้นำ 3 ฝ่ายประกอบด้วยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาสนช.ในฐานะประธานรัฐสภา,พล.อ.ประยทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกาเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่ออัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10
การเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทมีขึ้นเวลา 19.16 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคับทูลเชิญองค์รัชทายาทเสด็จฯ ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ความว่า
“ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาลว่า ด้วยการสืบสันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง”
จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสด็จฯประทับราบ ณ พระสุจหนี่ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงกราบถวายบังคม ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ต่อมามีประกาศจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.กล่าวทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
“บัดนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงตอบรับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จฯ ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แล้ว”นายพรเพชรกล่าว
คำแถลงของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า “พี่น้องประชาชนไทยที่เคารพ รัฐบาลขอประกาศให้ประชาชนชาวไทย ทั้งที่อยู่ในราชอาณาจักรและในต่างประเทศทั่วโลก ทราบทั่วกันว่า บัดนี้ ประเทศไทย มีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่แล้ว ตามคำกราบบังคมทูลเชิญขึ้นทรงราชย์ของประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายกรัฐมนตรี และประธานศาลฎีกา ร่วมเป็นสักขีในพิธีประวัติศาสตร์นี้ และทรงพระกรุณารับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญ ดังที่ต่อมาได้มีประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อแจ้งประชาชนแล้ว”
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการปฏิบัติหน้าที่แทนราชเลขาธิการได้มีหนังสือของสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ด่วนที่สุด รล 0007.3/28178 เรื่องประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมกับส่งสำเนาประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวระบุว่า
ในโอกาสที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ในนามของปวงชนชาวไทยได้กราบบังคมทูลอัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2559 นั้น
ระหว่างที่ประชาชนยังไม่ได้ถวายพระปรมาภิไธย เนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามพระราชประเพณี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ดังนี้
1.ให้เฉลิมพระปรามาภิไธยว่า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
คำอ่าน สม-เด็ด-พระ-เจ้า-อยู่-หัว-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กอน-บอ-ดิน-ทระ-เทบ-พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน
2.ภาษาอังกฤษว่า
His Majesty King Maha Vajiralongkorn Bodindradebayavarangkun
วิษณุเผยตำแหน่งผู้สำเร็จราชการฯของพล.อ.เปรมสิ้นสุดลง
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 1 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อปฏิบัติของประชาชน ภายหลังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลเชิญขึ้นทรงราชย์ และมีประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการในวันนี้(1 ธ.ค.) ว่า ประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติ และถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเพราะเป็นพระราชบัณฑูรมาตั้งแต่ 1 เดือนที่ผ่านมาแล้วว่าให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ด้วยความที่ทรงอ่อนน้อมถ่อมพระองค์ในทุกเรื่อง ทั้งทรงเป็นพระราชโอรส และทรงเป็นทั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า สำหรับหน่วยงานราชการ เอกชน ประชาชนทั้งประเทศ ที่จะประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วงเวลานี้ขอให้อยู่อย่างสงบตามปกติ และรอฟังการประกาศจากรัฐบาลที่จะประชุมหารือถึงวิธีการในเรื่องดังกล่าวและจะออกเป็นประกาศให้ส่วนราชการต่างๆได้รับทราบ ทั้งวิธีการใช้ถ้อยคำเรียก คำศัพท์ ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ขณะนี้ผู้ที่เตรียมการเรื่องดังกล่าวกำลังดำเนินการอยู่และจะประกาศเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ให้รอฟังประกาศจากทางราชการ อย่าไปฟังข่าวลือหรือข่าวที่แต่งกันขึ้นมาเอง ส่วนผู้ที่คิดจะทำกิจกรรมเรื่องใดขอให้รอก่อน
“ทางด้านสื่อมวลชน โดยเฉพาะโทรทัศน์ขอให้ระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อโทรทัศน์เวลารายงานข่าวในพระราชสำนักนั้นอย่าเผลอใช้ความเคยชินในการออกพระนามเดิมว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร”นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า การเข้าเฝ้าฯในวันนี้จะประกอบด้วยใครบ้าง นายวิษณุตอบว่า มีนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนฝ่ายบริหาร ประธาน สนช.ตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานศาลฎีกาเป็นตัวแทนฝ่ายตุลาการ ส่วน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะเข้าเฝ้าฯในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งจะสิ้นสุดภาระรับผิดชอบในตำแหน่งนี้ด้วย
สำหรับการกราบบังคมทูลนั้นจะเป็นหน้าที่ของประธาน สนช.ในฐานะประธานรัฐสภา และประธานสภาจะออกประกาศให้ประชาชนทราบตามที่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเข้าเฝ้าฯ คืนวันนี้ (1 ธ.ค.) และประกาศในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) คงพิลึก เพราะประชาชนกำลังรอฟังกันอยู่ และขอให้รำลึกไว้ว่าทั้งหมดคือการย้อนหลังไปถึงวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาทั้งสิ้น ตามหลักที่ถือกันว่าราชบัลลังก์จะไม่ว่างลง
มหาเถรสมาคมสั่งวัดทั่วโลกย่ำฆ้อง กลอง ระฆังเจริญชัยมงคลคาถา
ทางด้าน พระพรหมเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม ว่า ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานรัฐสภา ประกาศอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์ ให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันแล้ว
ที่ประชุมมหาเถรสมาคม จึงมีมติให้คณะสงฆ์เตรียมพร้อมดำเนินการหลังจากที่ประธาน สนช. เข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นครองราชย์ และเมื่อพระองค์ทรงรับ ประธาน สนช. จะแจ้งให้ประชาชนทราบ ในวันที่ 1 ธ.ค. 2559 (วันนี้) ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีจากการถ่ายทอดของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยแล้ว ขอให้ทุกวัดทั่วโลกย่ำฆ้อง กลอง ระฆัง พร้อมเจริญชัยมงคลคาถาโดยพร้อมเพรียงกันตามโบราณราชประเพณีที่สืบมา เพื่อถวายพระพรชัยมงคล และให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อประเทศชาติ
นอกจากนี้ ที่ประชุมมหาเถรสมาคมยังเห็นชอบคำถวายอดิเรก คำถวายพระพรลา และคำถวายพระพรเทศนา สำหรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ พร้อมขอให้ทุกวัดเตรียมพร้อมจัดสถานที่เจริญชัยมงคลคถาเนื่องในโอกาสสำคัญ