แสงเดือนแห่งสอยดาว
เรื่อง: เดชา เวชชพิพัฒน์
ภาพ: กัณฑ์ คนแบกเป้
ชีวิตนี้ผมขึ้นภูสอยดาวสี่ครั้ง ครั้งที่สามขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา แถมได้ประสบการณ์ที่ทำให้จำไปตลอดชีวิต
คืนแรกบนภูสอยดาว หลังกินข้าวแล้วแยกย้ายกันเข้านอน นอนไปได้ไม่นาน “พี่โอ” ก็มาหาผมถึงเปล ปลุกผมแล้วถามว่าทำ CPR เป็นไหม ผมส่ายหน้าทันที บอกอย่างหนักแน่นว่าไม่เป็น เคยเห็นแต่ในหนัง พี่โอก็ถามต่อ ได้ข่าวว่าว่ายน้ำทุกวันใช่ไหม ผมพยักหน้าทันทีอีกเช่นกัน ตอนนั้นอึดมากครับ ว่ายน้ำตอนเช้าวันละสองพันเมตรเกือบทุกวัน พี่โอจึงพยักหน้าบอกให้ผมออกจากเปลแล้วเดินตามไปเขาไปทันที
ระหว่างทางพี่โอบอกว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เป็นคนนำทางชื่อคุณแสงเดือนไม่สบายกะทันหัน เมื่อขึ้นมาถึงบนภูแล้วนอนพักทันที ตอนกินข้าวน้องๆในคณะไปปลุกปรากฏว่านอนนิ่งไม่ไหวติง หลายคนช่วยกันทำ CPR แต่ทำกันไม่ได้ มีคนบอกว่าผมว่ายน้ำทุกวัน ปอดน่าจะแข็งแรงพอทำได้
เดินอย่างรีบเร่งครู่เดียวก็ถึงกระต๊อบหลังหนึ่ง ผมเห็นเพื่อนๆนั่งกันอยู่เต็ม ทุกคนมีสีหน้าวิตกังวล เมื่อเดินไปถึงบันไดหน้าบ้าน สตรีท่านหนึ่งที่ผมทราบภายหลังว่า เป็นพยาบาลถามผมว่าทำซีพีอาร์เป็นไหม ผมส่ายหน้าทันที ทำท่าคลานถอยหลังออกจากกระต๊อบ แต่เธอกลับบอก
“ลองหน่อยได้ไหมคะ เห็นพี่เขาบอกว่าคุณว่ายน้ำทุกวัน แรงเป่าน่าจะดีกว่าคนอื่น ลองแล้วหลายคน ไม่มีใครเป่าลมเข้าปอดคุณแสงเดือนได้เลยค่ะ”
เวรกรรมจริงๆ เล่นพูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ถ้าผมปฏิเสธก็กลายเป็น “ชายป๊อด” สิครับ คนอย่าง ผมน่ะรักษาฟอร์มยิ่งกว่าอะไรในโลกนี้ ผมจึงคลานเข้าหา เอ๊ย เข้าไปที่ร่างคุณแสงเดือน เพื่อนพยาบาลเห็นเช่นนั้นจึงอธิบายวิธีทำซีพีอาร์ ผมฟังแล้วรีบทำตาม หลับตาปี๋เพื่อหลบตาของคุณแสงเดือนที่เปิดค้างอยู่ ก่อนก้มลงจูบ เอ๊ย ใช้ปากประกบปากคุณแสงเดือนแล้วเป่าลมเต็มที่
“ปู๊ด” ไม่มีใครตดหรอกครับ แต่เป็นเสียงลมที่รอดออกจากปากคุณแสงเดือน พยาบาลทำเสียง เครียด
“ไม่เข้าค่ะ ทำใหม่”
ผมทำอีกทีแต่ไม่เข้าเหมือนเดิม หลายคนถอนใจ ใครคนหนึ่งพูดว่า
“ทำไงดีล่ะ ขนาดนักว่ายน้ำยังทำไม่ได้”
แค่นั้นแหละครับคุณผู้อ่าน แค่นั้นจริงๆครับ ด้วยศักดิ์ศรีนักว่ายน้ำแปดเหรียญทองโอลิมปิกอย่างผม (ฝันกลางวัน) ผมก้มลงประกบปากคุณแสงเดือนอย่างแนบแน่นและดูดดื่ม ปรากฏว่าครั้งนี้ได้ผลครับ ลมเข้าปอดคุณแสงเดือนจนท้องพองขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ต่อจากนั้น … จะเหลือหรือครับพ่อ แม่พี่น้อง ผมต้องนั่งประกบปากสลับการปั๊มหัวใจคุณแสงเดือนนานนับชั่วโมง
ทำนานขนาดนั้นเพราะไม่มีใครกล้าตัดสินใจให้หยุดทำ เพื่อนพยาบาลจับชีพจรพบว่ายังมีอยู่แผ่วๆ ชีวิตหนึ่งชีวิตนะครับ ผมจึงก้มหน้าก้มตาประกบปากเป่าลมเข้าปอดนับร้อยๆครั้ง มีบางครั้งที่เศษอาหารในท้องคุณแสงเดือนกระเด็นขึ้นมาติดหน้าผม หรือตอน “กดท้องไล่ลม”แล้วได้กลิ่นเรอของเขา ผมก็กลั้นอกกลั้นใจทำหน้าที่อย่างหฤหรรษ์ เอ๊ย อย่างเต็มอกเต็มใจ ทำอยู่นานเป็นชั่วโมงอย่างที่บอก จนกระทั่งใครคนหนึ่งบอกว่าเล็บคุณแสงเดือนกลายเป็นสีม่วง แสดงว่าหมดหวังเรียกชีวิตแกกลับคืน ใครคนหนึ่งจึงบอกให้ผมหยุดทำ
สรุปว่าคุณแสงเดือนตายคาปากผมครับ
หลังจากนั้น ใครคนหนึ่งตักน้ำมาให้ผมล้างหน้าล้างตา ไม่นานนักพวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมเดินกลับไปพร้อมเพื่อนๆร่วมทาง หลายคนตบไหล่และกล่าวชมเชยผม ตอนนั้นผมไม่มี “อารมณ์ร่วม” หรอกครับ บอกตามตรงว่ากลัวผี ภาพคุณแสงเดือนนอนลืมตายังอยู่ในความทรงจำมาทุกวันนี้ คืนนั้นจึงไม่ต้องพูดถึง หลับตาเมื่อใดเห็นภาพนั้นทุกที แต่ทำไงได้ ในเมื่อทุกคนล้วนเข้านอน ผมก็ต้องเข้านอนด้วย
ผมนอนภาวนาพุทโธๆอยู่ในเปลนานสองสามชั่วโมง จึงได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขึ้นมานำศพคุณแสงเดือนลงไป ผมผูกเปลนอนข้างทางเดินเสียด้วย คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนขบวนแบกศพเดินผ่าน ผมได้ยินเสียงผู้ชายกระซิบเบาๆ
“ขอบใจนะ”
ขนลุกครับขนลุก เล่าไปขนลุกไป ลุกหมดทุกประเภทเส้นขน โดยเฉพาะขนรักแร้ ยิ่งดกๆอยู่ ลุกขึ้นมาทีแขนสองข้างยกขึ้นเหมือนแร้งเตรียมกระพือปีก
แต่ความกลัวมีน้อยกว่าความโลภครับ ผมกระซิบตอบ “คุณแสงเดือนครับ แหะๆ อย่าลืมมาเข้า ฝันบอกหวยด้วยล่ะ”
วันรุ่งขึ้น พวกเรายังมีแก่ใจเที่ยวต่อ เที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติบนภูสอยดาวแล้วจึงไปร่วมงานศพคุณแสงเดือน รวบรวมเงินได้จำนวนหนึ่งเพื่อมอบให้ครอบครัวของเขา จึงทราบว่าคุณแสงเดือนเพิ่งไปผ่าฝีในสมองมา พักฟื้นได้ไม่ถึงเดือนก็มาพาพวกเราเที่ยว บาปอยู่ที่ใครละนี่
ผ่านไปหลายปี ผมมีโอกาสขึ้นภูสอยดาวอีกครั้งเป็นครั้งที่สี่ ขึ้นไปกับคณะของ “กัณฑ์ คนแบกเป้” ปรากกฎว่ากระต๊อบหลังนั้นถูกรือออกไปแล้ว มีศาลเพียงตาตั้งอยู่ เป็นที่สถิตดวงวิญาณของคุณแสงเดือน ผมจึงเดินเข้าไปคุกเข่าไหว้แล้วนึกอย่างยินดี ความรู้สึกแบบเดียวกับได้เจอเพื่อนเก่า
“คุณแสงเดือน ผมมาเยี่ยม สบายดีนะครับ”
###
“เที่ยวเหอะน่าอย่าคิดมาก” https://www.facebook.com/TeawHerNaa/