ดูเตอร์เต้ประกาศค้าขายกับจีนและรัสเซีย-นักลงทุนตะวันตกจะไปก็เชิญ-ชี้สหรัฐหนาวยุทธศาสตร์ทะเลจีนใต้เปลี่ยน
ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ประกาศเอาจริงหมุนเข้าหาจีนและรัสเซียด้านเศรษฐกิจ-การค้า นักลงทุนขายหุ้นทิ้งหนีออกจากประเทศ เผยอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดหุ้นตกต่อเนื่อง หลังจากตะวันตกวิจารณ์นโยบายปราบปรามยาเสพติดในประเทศ ชี้สหรัฐหนาวยุทธศาสตร์ทะเลจีนใต้เปลี่ยนนโยบาย Pivot to Asia ลำบาก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อคืนวันที่ 26 กันยายน 2559 ว่านายร้อดริโก้ ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบมาลากันยัง กรุงมะนิลาว่าเขาจะเป็นพันธมิตรทางการค้ากับจีนและรัสเซีย “นักลงทุนหากต้องการไปก็เชิญ ไม่มีปัญหาใด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเงินเปโซฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 26 กันยายนอ่อนยวบลงอีกเมื่อแลกกับเงินดอลลาร์สหรัฐหรือแลกได้ 48.25 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐถือว่าอ่อนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ปกติเงินเปโซจะแลกได้ระหว่าง 44-45 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศถอนเงินจากตลาดหุ้นนับเป็นวันที่ 23 ติดต่อกัน สาเหตุเพราะไม่มั่นใจเมื่อนายดูเตอร์เต้ขึ้นมาและมีปัญหากับประเทศตะวันตกหลายประเทศทั้งๆที่ฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดลงทุนที่ดีประเทศหนึ่งในเอเชีย
นายดูเตอร์เต้ได้รับการวิจารณ์จากประเทศตะวันตกรวมทั้งกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆในนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพราะหลังจากที่เขาขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนเป็นต้นมามีผู้เสียชีวิตเพราะการปราบปรามไปแล้วประมาณ 3,300 คน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Standard and Poor's สำนักจัดอันดับระดับนานาชาติออกคำเตือนว่าสงครามปราบปรามยาเสพติดของนายดูเตอร์เต้อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์รวมทั้งจะเป็นอันตรายต่อสถาบันประชาธิปไตยของประเทศ คำแถลงของ S&P ไม่ได้ระบุว่าจะมีการลดเกรดของฟิลิปปินส์หรือไม่ แต่เป็นที่สังเกตุว่าภายใน 2 ปีข้างหน้าฟิลิปปินส์จะไม่ได้เพิ่มเกรดอย่างแน่นอน
ฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมของสหรัฐระหว่างปี 1898-1946 และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตลอดมา ในปี 2014 สมัยนายอากีโน่ ที่ 3 เป็นประธานาธิบดี 2 ประเทศมีการลงนามในสนธิสัญญาทางทหารที่สหรัฐสามารถใช้ฐานทัพ 5 แห่งของฟิลิปปินส์ได้ หลังจากสหรัฐมีปัญหาในทะเลจีนใต้กับจีน สหรัฐร้อนใจว่าจีนอาจเข้าครอบคลุมทั้งทางอากาศและการเดินเรือในเส้นทางทะเลจีนใต้ที่แต่ละปีมีสินค้าผ่านประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์ (Trillion)
เมื่อนายดูเตอร์เต้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งก็เป็นที่สังเกตุว่าเขาพยายามทำตัวออกห่างสหรัฐ เริ่มจากการด่ากราดทูตฟิลิปปินส์ว่าเป็นเกย์ลูก...,ตามด้วยการด่านายจอห์น แครี่ รัฐมนตรีต่างประเทศว่าเป็น “ไอ้บ้า” มาถึงประธานาธิบดีสหรัฐว่า “ลูก...”,นายบัน คิมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติก็ถูกด่าว่า “โง่” อีกทั้งยังประกาศว่าอาจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกยูเอ็นเพื่อหันไปตั้งองค์กรใหม่ร่วมกับจีนและประเทศแอฟริกาหลายชาติ รวมทั้งประกาศว่าจะไม่มีการตระเวณร่วมกับสหรัฐในทะเลจีนใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 กันยายนของนายดูเตอร์เต้นั้นถือว่าจริงจังมากที่เขามีแผนการจะหันไปหาจีนและรัสเซียซึ่งเป็นคู่ปรับโดยตรงกับสหรัฐ โดยนายดูเตอร์เต้เปิดเผยว่าเรื่องนี้เขาได้พูดคุยกับนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีนและนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซียแล้ว อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครยืนยันว่าได้มีการพบปะพูดคุยกันจริงหรือไม่ที่ไหน
เมื่อวันที่ 26 กันยายนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ตกไป 1.18 % ปิดที่ 7,632.46 จุด นายเจฟฟรีย์ ฮอลลีย์ นักยุทธวิธีการตลาดจากบริษัท Oanda Asia Pacific Pte ที่สิงคโปร์ให้ความเห็นกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าการที่นักลงทุนไม่ลงทุน 23 วันติดต่อกันและเงินเปโซอ่อนตัวลงเป็นเพราะปัญหาการเมือง ที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ทำสงครามปราบปรามยาเสพติดและพยายามที่จะถอยห่างจากคู่ค้าเดิม”
นักวิเคราะห์มองว่าการหมุนตัวของนายดูเตอร์เต้เพื่อหันไปคบกับจีนและรัสเซียนั้นจะทำให้ยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการเดินทางกลับมาปักหมุดที่เอเชีย
(Pivot to Asia) อาจเปลี่ยนไปเพราะไม่สามารถที่จะใช้ประเทศฟิลิปปินส์เป็นฐานทัพสหรัฐได้ง่าย หากนายดูเตอร์เต้ไม่อนุญาตหรือนายดูเตอร์เต้อาจจะยกเลิกสนธิสัญญาทางทหารกับสหรัฐปี 2014 ได้เช่นกันเพื่อแสดงให้จีนเห็นถึงความจริงใจที่จะไม่คบกับสหรัฐอีกต่อไป
ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับสหรัฐที่ฮาวายปลายเดือนกันยายนนี้ สหรัฐคงจะต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดเพิ่มเติม หลังจากที่นายแอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐกล่าวว่าสหรัฐจะเข้ามาช่วยปราบปรามกลุ่มไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะมี 4 ประเทศที่กลุ่มไอเอสแสดงความสนใจเข้ามาประกอบด้วยอินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์,มาเลเซียและสิงคโปร์ โดยเฉพาะประเทศเหล่านี้มีผู้คนเดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มไอซิสในอิรักและซีเรียเช่นอินโดนีเซียมีไม่น้อยกว่า 1,000 ราย เป็นต้น
ร้อดริโก้ ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ (Photo/Reuters)