[18+] เผยสุดยอดเคล็ดวิชา "กลั้นน้ำกามสูตร" วิชาที่จะทำให้ชายสามารถเสร็จสมได้วันละหลายสิบครั้ง!!
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจการถึงจุดสุดยอดกันก่อน การถึงจุดสุดยอด กับการหลั่งน้ำอสุจินั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
การถึงจุดสุดยอด เป็น Orgasm Reflex ส่วนการหลั่งน้ำอสุจิเป็น Ejaculation Reflex
Orgasm Reflex เกิดก่อน แล้วอีกไม่กี่วินาทีต่อมา Ejaculation Eeflex จึงตามมา
ในผู้ชายหลายๆคนที่ไม่ได้ฝึกฝน Reflexes ทั้งสองอย่างถือว่ายังควบคุมด้วยจิตไม่ได้ แต่สำหรับผู้ชายที่ฝึกมาแล้วเป็นอย่างดี เขาสามารถเกิด Orgasm Reflex ได้ จนถึงจุดสุดยอดซ้ำๆกันได้เป็นสิบๆครั้ง (เหมือนกับ Multiple Orgasm ของผู้หญิงที่อาจจะไม่ต้องการการฝึก)
และผู้ชายที่ฝึกมาเป็นอย่างดีสามารถ "หลีก" ไม่ให้ไปโดน ejaculation reflex ดังนั้น ผู้ชายประเภทนี้จึงสามารถมี sex จนถึงจุดสุดยอดได้วันละหลายๆครั้งโดยไม่ต้องหลั่งน้ำอสุจิแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นการฝึก "ขั้นสุดยอดในการถึงจุดสุดยอด" วิธีการ "หลีก" ไม่ให้โดน Ejaculation Reflex นั้น มันคล้ายๆกับ "ขับรถไปตามทางเบี่ยง" เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นนั่นเอง
การฝึกจน "ขมิบ" น้ำกามได้ เหมือนกับขมิบฉี่ เช่นนี้ ทำให้ผู้ชายสามารถทำรักได้ไม่ต้องหยุดพักวันละหลายๆสิบรอบ หรือทำได้จนกว่าผู้หญิงจะเสร็จสมแล้วเสร็จสมอีกถึงขั้นระบมจนยอมแพ้ไปเอง โดยที่ผู้ชายมีความสุขมากๆได้โดยไม่ต้องหลั่งน้ำอสุจิแต่อย่างใด ขอย้ำว่า "สุขมากมายหลายเท่ากว่าเสียวถึงจุดสุดยอดโดยหลั่งน้ำอสุจิเสียอีก"
ผู้ชายที่ไม่เข้าใจศาสตร์เร้นลับอันนี้ จะหลงเข้าใจผิดว่าความสุขของผู้ชายก็คือการหลั่งน้ำอสุจิยาวๆ เหมือนฉี่ยาวๆ แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ชายที่หลั่งน้ำอสุจิมากๆ ตอนหลั่งมันจะสุข แต่หลังจากนั้นแล้วร่างกายก็จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงและจะเกิดอาการซึมเศร้า ถ้าหักโหมมากๆสมองก็จะตื้อคิดอะไรไม่ออก iq จะลดฮวบอย่างรวดเร้ว ถ้ารีดน้ำกามออกมาหลายๆรอบในวันเดียวกันแล้วยังพยายามจะเสียวจนเสียวแต่ไม่มีน้ำเหลือที่จะหลั่ง (เหือดแห้งหมดสำหรับวันนั้น) อันจะเป็นเหตุให้ไม่สามารถมีเซ็กต่อได้ในวันนั้นๆไปเลย
นักพรตเต๋าได้แนวคิดนี้มาโดยการสังเกตการณ์เห็นว่าสัตว์ตัวผู้หลายๆชนิดเมื่อผสมพันธ์ไปแล้ว (ปล่อยพลังชีวิตไปแล้ว) มันก็ต้องตาย
แต่การฝึกขมิบน้ำกามได้ด้วยการฝึก "ควบคุม" reflexes ของตนเองแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะอายุยืนและหน้าเด็กตอนแก่เสมอไป จะฝึกให้อายุยืนและหน้าตาอ่อนวัยไปตลอดกาลได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึก alchemy (วิชาเล่นแร่แปรธาตุ) ให้สำเร็จเสียก่อน
alchemy ในยุโรปสมัยโบราณ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนโลหะราคาถูกให้เป็นทองคำ ส่วน alchemy ในแถบตะวันออกเช่นจีนหรืออินเดียมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง elixir of life (ยาอายุวัฒนะ)
สายจีนวิชานี้มีชื่อว่า huan jing (the reversal of the semen การใช้พลังลมปราณขับเคลื่อนน้ำอสุจิให้กลับเข้าไปโคจรในระบบกำลังภายใน) เป็นวิชาเร้นลับของนักพรตเต๋าภาคเหนือของจีน
ส่วนนักพรตเต๋าภาคใต้ของจีนฝึก alchemy โดย take a vow of celibacy (ถือเพศพรหมจรรย์ คือไม่มี sex) เหมือนๆกับพระในศาสนาพุทธแบบเถรวาทของไทยนั่นเอง
huan jing มีหลักการคือการผสาน jing (พลังทางเพศ), qi (พลังลมปราณ) และ shen (วิญญาณ) เข้าด้วยกัน
ที่เราไม่แปลตรงตัวคำว่า jing เป็นน้ำอสุจิ นั่นก็เพราะว่าสตรีก็มี jing เหมือนกัน
ผู้หญิงหลายๆคนเมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วจะมีอาการไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้วผู้หญิงก็มี ejaculation reflex เหมือนๆกับผู้ชาย แต่หลั่งเป็นน้ำข้นๆ (ที่เป็นพลังชีวิต) ไม่ใช่น้ำอสุจิ
ผู้หญิงแต่ละคนบีบรัดกล้ามเนื้อภายในคนละแห่ง คนที่เวลาเสียวมากๆแล้วขมิบน้ำข้นๆไว้ได้เหมือนขมิบฉี่ จะทำรักและถึงจุดสุดยอดได้หลายๆครั้ง (multiple orgasm) โดยไม่เหนื่อยมากนัก
ส่วนผู้หญิงที่เสียวมากๆได้ง่ายๆและปล่อยน้ำข้นๆ (jing) ให้ทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ จะนอนแผ่หมดแรงไปครึ่งค่อนวัน หรือนานกว่านั้น
ชายใดที่ได้ดูดดื่มน้ำข้นๆของสตรี (ในคัมภีร์เขาเรียกว่า "ดื่มน้ำอมฤตจากบ่อสวรรค์") ถ้าผู้ชายรู้ศาสตร์แห่งการโคจรลมปราณ จะนำพลังนี้ไปเพิ่มกำลังภายในให้แก่ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว จนย่นระยะเวลาในการฝึกวรยุทธ์ได้ คล้ายๆกับ vampire ที่ดูดเลือด ยิ่งดูดจนช่องคลอดสตรีเหือดแห้งไป ผู้หญิงก็จะสูญเสียพลังจนแก่เฒ่าเร็วและตายเร็วขึ้นมากเท่านั้น
และในทำนองเดียวกัน หญิงใดที่ดูดน้ำอสุจิของผู้ชายไปจนเหือดแห้งตัวเธอก็จะยิ่งเปล่งปลั่ง แต่ผู้ชายจะซูบตายเร็วมากๆ เนื่องจากว่าการที่น้ำอสุจิออกมาโดยการถูกแรงดูดนั้น มันมีปริมาณมากกว่าหลั่งจากการร่วมเพศ
เรายอมให้ผู้หญิงดูดเราได้แค่เป็นการหยอกล้อกันเท่านั้น แต่จะไม่ยอมให้น้ำออกมาคาปากเธออย่างเด็ดขาด
แท้จริงแล้วการทำรักที่ยุติธรรมทั้งหญิงและชายควรฝึกวิชาจนเก่งพอๆกัน จะได้ช่วยกันขับเคลื่อนพลังลมปราณให้กันและกันเพื่อให้คงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาล
ส่วนทางสายอินเดีย เขาเรียกวิชานี้ alchemy ที่ว่า นี้ว่า tantra เราวางแผนผัง (ในคัมภีร์) ที่แสดงเส้นทางเดินลมปราณของสายจีนกับสายอินเดียเข้าใกล้ๆเพื่อเปรียบเทียบกัน และประหลาดใจที่ว่า "มันเหมือนกัน" จะต่างกันก็คือว่าจุดชีพจรต่างๆบนเส้นทางเดินเลือดลมของจีนนั้น เขียนเป็นอักขระจีน เป็นภาษากวีเช่น จุดที่อยู่ระหว่างไต 2 ข้าง เรียกว่า "มิ่งเหมิน" แปลว่าประตูชีวิต เนื่องจากนักพรตเต๋าเชื่อว่า ไตทั้ง 2 ข้างที่แข็งแรงเป็นประตูที่เปิดไปสู่ชีวิตอันผาสุข และคนที่ไตไม่แข็งแรงจะมีแต่ความกังวลแบบวิตกจริตราวกับว่าไม่ได้เปิดประตูไปสู่ความมีชีวิตอันผาสุขนั่นเอง
ส่วนในหนังสือกำลังภายในที่ขายในเมืองไทย เขาชอบพูดว่า "จุดเป็น" และ"จุดตาย" เราไปเจอในหนังสือภาษาอังกฤษคนจีนเขียนไว้ว่า 'birth gate' คงเท่ากับ "จุดเป็น" แต่มันอยู่ที่ทวารหนัก เราคิดยังไม่ออกว่าทำไมเขาตั้งชื่อแบบนี้น่ะ และเขาพูดดว่า "death gate" มันคงเท่ากับ "จุดตาย" เขาว่าจุดนี้มันอยู่ที่โคนอวัยวะเพศชายเอ่ออันนี้เข้าใจง่ายว่าทำไมเขาเรียกแบบนั้น นั่นก็เป็นเพราะนักพรตเต๋าถือว่าถ้าน้ำอสุจิผ่านจุดนี้ไปได้ก็คือผู้ชายตายผ่อนส่งนั่นเอง
ส่วนเรื่องการขับเคลือนลมปราณไปทางทิศไหนนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน หากแต่สายจีนอธิบายเป็นภาษาของนักพรตเต๋า ส่วนสายอินเดียอธิบายเป็นภาษาที่ใช้ในศาสตร์โยคะ
ผู้ชายที่ฝึกวิชานี้สำเร็จ สามารถถึงจุดสุดยอดได้วันละหลายสิบหรือหลายร้อยครั้ง แต่ โดยไม่หลั่งน้ำอสุจิ และไม่หมดแรงด้วย และความสามารถในระดับนั้น จะได้มา ก็ต้องสะสมพลังลมปราณ โดยไม่นำสารพิษเข้ามาในร่างคือไม่กินน้ำตาลนั่นเอง จริงๆ แล้ว เรารักษาอาการป่วยของเราในอดีตได้ โดย
1. หยุดกินน้ำตาล
2. มีเพศสัมพันธ์ให้ถึงจุดสุดยอดได้วันละหลายครั้ง โดยใช้วิชาสกัดจุดตาย ไม่ให้หลั่งน้ำอสุจิ ไม่ให้หมดแรง
หมายเหตุ คนที่ศึกษาแต่วิทยาศาสตร์ของฝรั่งจะแย้งว่า ถ้าผู้ชายไม่ได้หลั่งน้ำอสุจินานๆเขาจะฝันเปียกหรือน้ำอสุจิมันจะไหลออกไปเองด้วยวิธีการบางอย่าง แต่เรารับรองได้ว่า ผู้ชายที่ไม่ได้ฝึก alchemy เมื่อไม่หลั่งน้ำอสุจินานๆจะมีอาการถ่วงๆที่ลูกอัณฑะแล้วก็จะฝันเปียกจริงๆ แต่ผู้ชายที่ฝึก alchemy สำเร็จจะไม่มีอาการถ่วงๆหนักๆที่ลูกอัณฑะเนื่องจากเขามีวิธีการขับเคลื่อนพลัง (ทางเพศ) นี้ให้ไปหล่อเลี้ยงร่างกายในจุดต่างๆให้ร่างกายมีความเปล่งปลั่งได้นั่นเอง
ท่านชายทั้งหลายโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากมิใช่ยอดฝีมือ ควรออกแรงแต่พอประมาณ