อสูรกินคนแห่งซาโว (Tsavo maneaters)
ผีร้ายและ ความมืด เป็นสมญาของสิงโตกินคนสองตัวที่ออกอาละวาดฆ่าคนงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นแรงงานสร้างทางรถไฟจากเคนยาไปอูกันดา ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงธันวาคม ปี ค.ศ. 1898 โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นถูกเรียก ว่า ตัวกินคนแห่งซาโว “Tsavo maneaters”
ในปลายศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิอังกฤษได้เข้าครอบครองดินแดนอาฟริกาตะวันออก และเริ่มการแข่งขันกับจักรวรรดิฝรั่งเศสและเยอรมัน ในการกอบโกยความมั่งคั่งจากกาฬทวีป โดยเป้าหมายหลักคือการค้างาช้างและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ และเพื่อการนี้ จักรวรรดิอังกฤษได้วางแผนสร้างทางรถไฟจากเมืองท่า มอมบาซา ในบริติช อีสต์ อาฟริกา(เคนยา ในปัจจุบัน)ไปถึงอูกันดา
ต้นปี ค.ศ. 1898 ทางการอังกฤษได้เริ่มต้นสร้างทางรถไฟข้ามแม่น้ำซาโว ในเคนยา โดย โครงการนี้ มีผู้ควบคุม คือ พันเอก จอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน (John Henry Patterson) ซึ่งเพิ่งเดินทางมาจากอินเดียและเพิ่งมายังอาฟริกาเป็นครั้งแรก ในชีวิต
สำหรับแรงงานในการสร้างแม่ น้ำและวางรางรถไฟผ่านผืนป่าซาโวนั้น ทางการอังกฤษได้นำแรงงานชาวอินเดียจำนวนสามพันมาเป็นแรงงานก่อสร้าง โดยมีแคมป์ใหญ่อยู่ในผืนป่าซาโว
จอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน
ทั้งแพ็ตเตอร์สันและแรงงาน ชาวอินเดีย ต่างยังใหม่ต่อผืนป่ากาฬทวีป พวกเขาต้องผจญกับอุปสรรคหลายอย่างที่พบในระหว่างการวางรางรถไฟผ่านป่า ทั้ง โรคภัย ชนพื้นเมืองบางเผ่าที่ไม่เป็นมิตร พวกโจร และสัตว์ป่าดุร้าย แต่กระนั้น เหตุการณ์เหล่านี้ก็สามารถที่จะควบคุมได้จนกระทั่ง มัจจุราชที่แท้จริงปรากฏขึ้น
ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.1898 สิงโตตัวหนึ่งได้บุกเข้าไปลากคนงานชาวอินเดียจากในแคมป์ออกไปกัดกิน เริ่มแรก แพ็ตเตอร์สันยังไม่เชื่อว่าจะมีสิงโตเข้ามาจู่โจมแคมป์ เนื่องจากไม่พบศพเหยื่อ จน กระทั่งเจ้าสิงโตอีกตัวมาคาบคนงานไปกินอีกคนทิ้งเศษซากไว้ไม่ห่างจากแคมป์ ผู้พันจึงวางแผนล่ามัน
สิงโตนักฆ่าทั้งสองตัว เป็นสิงโตเพศผู้ พันธุ์ซาโว ซึ่งเป็นสิงโตพันธุ์หนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่และมักร่วมมือสิงโตเพศเดียวกันตัวอื่นเพื่อล่าอาหาร จุดเด่นคือ พวกตัวผู้จะมีแผงคอสั้นๆหรืออาจไม่มีแผงขนที่คอ
สิงโตทั้งสองออกล่าคนงาน ทุกสามสี่วัน จนสร้างความหวาดผวาไปทั่วแคมป์ ผู้พันวางแผนล่ามันหลายวิธี ทั้งวางกับดัก ออกตามรอยและใช้เหยื่อล่อ แต่ไร้ผล ส่วนพวกคนงานพยายามป้องกันตัวด้วยการนำหนามมาล้อมรั้วรอบบริเวณที่พัก ทว่าสิงโตคู่นี้ก็ฉลาดพอที่จะคลานลอดรั้วหนามเข้าไปฆ่าคนและกินเป็นอาหาร ต่อมา พวกคนงานได้ขุดหลุมและลงไปนอนในหลุมโดยเอาไม้หมอนรางรถไฟเรียงผิดไว้ด้านบน ทำให้พวกสิงโตไม่อาจทำอันตรายได้ พวกมันจึงหลบไป ทว่า เมื่อคนงานกลับมานอนข้างบน พวกสิงโตก็ออกมาฆ่าและกินคนงานอีกครั้ง
ยิ่งนานวัน สิงโตคู่นี้ก็ทวีความกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับไล่ฆ่าคนงานขณะที่พวกเขากำลังออกทำงานกันตอนกลางวันแสกๆ ครั้งหนึ่ง สิงโตตัวหนึ่งได้ลากคนใช้คนสนิทของแพ็ตเตอร์สันไปกินต่อหน้าเขา ขณะที่ผู้พันเพิ่งจะสั่งให้คนใช้รินน้ำชาให้ด้วยซ้ำ
แพ็ตเตอร์สันได้ทำห้องกับ ดักโดยใช้คนงานเป็นเหยื่อล่อ แต่สิงโตทั้งสองก็ไม่เข้ามา จนเมื่อกับดักถูกทิ้งร้าง พวกมันตัวหนึ่งเดินเข้ามาและติดกับ ทว่าพวกคนงานที่กำลังตระหนกได้ระดมยิงใส่กับดัก แต่กระสุนได้ทำให้ประตูกับดักพังและสิงโตหนีออกไปได้
ผู้พันได้ขอความช่วยเหลือ จากพวกนายทหารและนายตำรวจที่รู้จักกันให้มาช่วยล่าสิงโตมัจจุราชคู่นี้ แต่ก็ไม่มีใครสังหารมันได้ มีนายตำรวจคนหนึ่ง ชื่อไวท์เฮด เขามายังซาโวพร้อมนายสิบพื้นเมืองชื่อ อับดุลลาห์ เพื่อมาช่วยล่าสิงโต ทว่าในวันที่เขากับอับดุลลาห์ลงจากรถไฟ สิงโตตัวหนึ่งก็เข้าโจมตี ไวท์เฮดถูกตะปบเป็นแผลยาวกลางหลัง แต่หนีรอดมาได้ ส่ส่วนอับดุลลาห์นั้นโชคร้าย เขาถูกสิงโตขย้ำจนตายก่อนถูกกินที่ชานชาลานั่นเอง
สถานการณ์สิงโตกินคนทวี ความรุนแรงจนคนงานก่อหวอดประท้วงและเมื่อถูกบังคับให้ทำงานต่อ ก็มีคนงานกลุ่มหนึ่งวางแผนฆ่าแพ็ตเตอร์สัน ทว่าโชคยังดี ที่พวกก่อการถูกจับกุมได้หมด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนเมื่อสิงโตทั้งสองตัวบุกโรงพยาบาลสนามของแคมป์ ทำให้มีคนงานตายและบาดเจ็บหลายคน พวกคนงานที่เหลือก็พร้อมใจกันประท้วงหยุดงานโดยสิ้นเชิง ซึ่งความร้ายกาจของสิงโตทั้งสองตัว ทำให้พวกคนงานและชาวพื้นเมืองหวาดกลัวอย่างมากและเรียกขานพวกมันว่าผีร้าย และความมืด
หลังจากอาละวาดมาหลายเดือน เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลทำให้จอห์นต้องหยุดงานทำสะพาน และเริ่มออกล่าสิงโตคู่นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กระนั้นจอห์นก็ไม่สามารถฆ่าสิงโตคู่นี้ได้เสียที จนกระทั้งเขายิงสิงโตตัวแรกได้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1898 ขณะนั่งซุ่มบนห้าง (เขาใช้เวลานานถึง 9 เดือน) และสามสัปดาห์ต่อมาเขาก็ฆ่าสิงโตตัวที่สองได้ โดยสิงโตทั้งสองตัวมีขนาดใหญ่ถึง 3เมตร (วัดจากจมูกถึงปลายหาง) นอกจากนี้จอห์นและคณะยังพบถ้ำที่เป็นที่อยู่ของมันซึ่งได้พบซากของผู้ตกเป็น เหยื่อของสิงโตจำนวนมาก มีทั้งกระดูก เสื้อผ้าและเครื่องประดับ
หลังจากจัดการสิงโตทั้งคู่ ได้สำเร็จ แพ็ตเตอร์สันก็กลับมาสร้างสะพานต่อจนสำเร็จลุล่วงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1899 และเขาได้เขียนหนังสือเล่าถึงเหตุการณ์นี้ในชื่อ “The Man-Eaters of Tsavo (1907)” โดยจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อสิงโตคู่นั้น ไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่หลายคนเชื่อว่าเหยื่อน่าจะสูงถึง 135-140 คนหรือ มากกว่านั้น
ในปี ค.ศ. 1924 หนังของสิงโตคู่นี้ถูกขายให้พิพิธภัณฑ์ฟิลด์ ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ในราคา 5,000 เหรียญสหรัฐ และถูกสตั๊ฟตั้งแสดงไว้ที่นั่นมาจนทุกวันนี้