5 อารยธรรมสุดประหลาดที่น่าตกใจที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
แบบนี้ก็มีด้วย !? 5 อารยธรรมสุดประหลาดที่น่าตกใจที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
หลายต่อหลายคนอาจเบื่อประวัติศาสตร์ คุณอาจจะไม่อยากที่จะเรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวเก่าๆมากนั้น แต่ในบางคนก็ชอบที่จะเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้เราทำความผิด แต่ในบางคนก็ชอบศึกษาประวัติศาสตร์แปลกๆที่หาไม่ได้ในปัจจุบัน
วันนี้เราะมาพูดถึงอารยธรรมของคน 5 ชาติ ที่พวกเขามีวิธีการกำจัดศัตรูของพวกเขาอย่างประหลาด ที่อาจทำให้คนทั้งโลกต้องตกตะลึงกับการกระทำนี้
เดอะ เซลทส์
พวกเขามักมีปัญหากับชาวโรมันในการแย่งชิงพื้นที่ ในประวัติศาสตร์กล่าวว่าเวลาจบการต่อสู้กับศัตรู เขาจะตัดหัวเหล่าศัตรูกลับไปประดับบ้าน ทั้งภายในและภายนอกของบ้าน ดังนั้นหมู่บ้านและที่อยู่อาศัยของพวกเซลทส์จะเต็มไปด้วยศีระษะของชาวโรมัน เปรียบเสมือนว่าศีรษะเหล่านั้นคือถ้วยรางวัลที่พวกเขาได้รับชัยชนะจากการแข่งขัน
ชาวแอซเทค
ชาวแอซเทคเป็นชนเผ่าในภาคตะวันตกของทางทวีปอเมริกาใต้ที่สังเวยศัตรูและผู้ทรยศให้แก่เทพดวงอาทิตย์ การสังเวยนั้นเป็นวิธีการที่โหดร้ายและป่าเถื่อนกว่าที่คุณคิด ซึ่งวิธีการนั้นคือการนำนักโทษของพวกเขาไปอาบน้ำชำระร่างแล้วให้พวกเขาสวมใส่เสื้อคลุมของเทพดวงอาทิตย์ ก่อนที่จะพาขึ้นไปยังหอคอยสูง 30 เมตร ให้เหล่านักบวชของชาวแอซเทคตรึงแขนขาของพวกเขาไว้ ขณะที่อีกคนจะนำมีดหินมากรีดหน้าอกข้างซ้ายของนักโทษอย่างช้าๆ และควักหัวใจออกมาชูขึ้นไปยังดวงอาทิตย์ หลังจากนั้นศพก็จะกลิ้งตกลงมาตามขั้นบันได และถูกนำชำแหละด้วยการควักไส้ ถอดเล็บ ถลกหนังศีรษะและก็ถูกนำไปกินเป็นเวลาต่อมา
และในบางครั้งนักบวชจะถลกหนังของศพมาคลุมร่างเป็นเวลากว่า 20 วัน โดยไม่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใดๆ โดยมีบันทึกในปี 1478 ว่าชาวแอซเทคสังเวยคนไปมากถึง 2 หมื่นกว่าคนด้วยวิธีแบบนี้ภายในแค่ 4 วัน เท่านั้นเอง
ชาวอัสซีเรียน
อารยธรรมของชาวอัสซีเรียนนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3000 ปีก่อน คริสตกาล พวกเขาใช้ธนูเหล็กเป็นทัพหน้าในการรตามด้วยกองทัพทหารม้าและรถศึก นอกจากนั้นอาวุธพิเศษที่พวกเขามีนั่นคือเหล็ก ในขณะที่ชาติอื่นยังคงใช้อาวุธจำพวกทองแดงสำริด ในการปราบปรามเหล่าศัตรูของพวกเขา ชาวอัสซีเรียนจะใช้วิธีที่โหดร้ายและทารุณด้วยการเผาที่อยู่อาศัยและกวดต้อนเหล่าเชลยก่อนที่จะสังหารหมู่ และวิธีการสังหารของพวกเขานั้นจะตัดแขนขาของศัตรูรวมทั้งถลกหนังมาติดกำแพงเมืองเพื่อเป็นการข่มขู่อีกด้วย
ชาวสปาตัน
สปาตันอาจเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง 300 แต่ในความเป็นจริงแล้วชาวสปาตันนั้นโหดร้ายกว่าในภาพยนตร์เสียอีก พวกเขากำจัดเด็กที่มีรูปร่างผิดปกติหรือมีจุดบกพร่องตามร่างกายหรือพิการด้วยการโยนเด็กเหล่านั้นลงจากหน้าผาสูง ส่วนเด็กที่มีร่างกายปกติ เมื่อพวกเขาอายุครบ 7 ปี เด็กชายเหล่านั้นจะถูกพรากจากครอบครัวและลากไปสู่โลกแห่งสงครามความป่าเถื่อนรุนแรงเพื่อหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่กล้าหาญ ซึ่งพวกเขามีความเชื่อว่าสายเลือดของตนนั้นมีเชื่อสายของเทพ เฮอร์คิวลิส จึงคลั่งในสงคราม
จักรวรรดิมองโกล
คุณลองจินตนาการภาพเหล่าคนดู 100,000 คน ที่อัดเต็มสนามสเตเดียมขนาดใหญ่เพื่อชมเหล่านักโทษกว่า 400 คนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อของคมดาบของจักรวรรดิมองโกเลีย
จักรวรรดิมองโกลเป็นจักรวรรดิที่มีอาณาเขตกว้างขวางมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ถูกก่อตั้งโดย เจงกิส ข่าน เมื่อ ค.ศ. 1206 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นต้นไป ยาวไปถึงโซนยุโรปตะวันออก ส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 13 – 14
ชาวมองโกลถูกเรียกว่ากลุ่ม ตาร์ตาร์ ซึ่งมีความหมายว่าผู้มาจากทาทารัส หรือขุมนรกที่ลึกที่สุดของตำนานกรีก ในช่วงการรุกรานเพื่อขยายอาณาเขตของชาวมองโกล มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 ล้านคนและประชากรของประเทศจีนต้องลดลงไปกว่าครึ่งประเทศในช่วง 50 ปี ภายใต้การปกครองของมองโกลนั้น ยุทธการในการต่อสู้คือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ไม่ยอมจำนวน เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูแก่ชนเผ่าอื่นๆ และกองทัพมองโกลยังเป็นกองทัพแรกที่ใช้อาวุธเชื้อโรคเข้ามามีส่วนรวมในสงคราม โดยเริ่มจากครั้งแรก ขณะที่พวกเขารบกับเมืองแคฟฟา เหล่าทหารของชาวมองโกลเกิดโรคห่าระบาดขึ้น และแม่ทัพก็ใช้ศพของเหล่าทหารในการยิงข้ามกำแพงแคฟฟาส่งผลให้ชาวเมืองติดเชื้อโรคกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุด เมืองนั้นก็พ่ายแพ้ให้กับชาวมองโกล
ขอขอบคุณข้อมูลจาก btsstation