หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

10 อันดับ สุดยอดอารยธรรมลึกลับแห่งอดีตกาล

โพสท์โดย ไก่อ้วน

10. อาณาจักรมหาสุริยาแห่งแปซิฟิค (Aroi Sun Kingdom of the Pacific)



หากเอ่ยคำว่า Aroi หลายๆคนคงไม่คุ้น แต่ถ้าพูดถึงเกาะ อีสเตอร์ นี่รับรองว่าต้องคุ้นกันแน่ๆ เพราะจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า
รูปสลักโมอายอันลือชื่อบนเกาะนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ อาณาจักร Aroi นั้นไม่เคยถูกกล่าวถึงในวงการประวัติศาสตร์สากลเลยครับ


เนื่องด้วยหลักฐานที่ออกจะเลื่อนลอย การขาดโบราณวัตถุหรือโบราณสถานต่างๆมาบ่งชี้ ดังนั้น อาณาจักรดังกล่าวจึงเป็นเพียงตำนานที่เล่าขาน
กันอย่างแพร่หลายในแถบหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคเท่านั้นชื่อกันว่าเมื่ออาณาจักรมูล่มสลายลงราว 24,000 ปีก่อน เหล่าทายาทแห่งมูได้
กระจัดกระจายออกตั้งรกรากกันทั่วโลก และจุดหนึ่งคือหมู่เกาะในบริเวณนี้นั่นเอง เรื่องราวของอาณาจักรสุริยาแห่งนี้ถูกเล่าขานสืบเนื่องกันมา
ในชนชาติ โพลินีเซีย, มาลานีเซีย, และไมโครนิเซีย โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ชาวโพลินีเซียนที่ให้ข้อมูลกับนักมานุษยวิทยาถึงอาณาจักรเก่าแก่
ซึ่งปกครองแถบนั้นมาหลายพันปีก่อนหน้าที่ชาวยุโรปคนใดจะมาถึง

ซึ่งก็ท่าจะมีเค้าครับ เพราะนักสำรวจเองก็ได้พบปิระมิดตามเกาะเล็กเกาะน้อยเป็นจำนวนมาก บางเกาะมีวิหารรูปร่างประหลาดตั้งอยู่ บางแห่งที่
พิสูจน์อายุด้วยคาร์บอน 14 แล้วพบว่ามีอายุย้อนหลังไปหกถึงเจ็ดพันปี เทคนิคที่ใช้ในการสร้างก็เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าชาวอินคาเหมือนกัน
สิ่งที่น่าสังเกตประการหนึ่งคือ ชาวเกาะโบราณพวกนี้นิยมสร้างถนนขนาดใหญ่จากกลางเกาะมาสู่ชายหาดด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นก็สร้างรูปสลัก
มหึมาตามขอบถนนหรือไม่ก็บริเวณชายฝั่ง เมื่อเจาะลึกลงไปอีกนิด นักโบราณคดีพบว่า ชาวโพลินีเซียนในนิวซีแลนด์ เกาะอีสเตอร์ ฮาวาย
และตาฮิติ ล้วนมีตำนานเกี่ยวกับมนุษย์ปักษีที่สามารถเหินฟ้าเดินทางไปมาระหว่างเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้



9. อิสราเอลกับเอธิโอเปียโบราณ (Ancient Ethiopia & Israel)



จากหนังสือโบราณของอิสราเอลคือไบเบิลและตำราเก่าแก่ Kebra Negast ของ เอธิโอเปีย เราได้ทราบเรื่องราวของอารยธรรมโบราณ
ที่มีเทคโนโลยีสูงส่ง ซึ่งเคยตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว แม้ปัจจุบันเองก็ตามนะครับ ถ้ารื้อวิหารของยิวหรือมุสลิมออกดู(ชวนโดนฆ่าไหมเนี่ย คำพูดมัน)
เราก็จะเห็นว่า วิหารหลายแห่งได้สร้างทับของเดิมในลักษณะของการต่อยอดเยอะแยะไปหมดเลยครับ ขนาดของวิหารเหล่านั้นพอๆกะบาลเบ็ค
ในเลบานอนเลยทีเดียว นักโบราณคดีหลายคนให้ข้อสังเกตว่า อารยธรรมบริเวณนี้อาจมีต้นตอเดียวกับอาณาจักรโอสิเรียนซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน
ก็เป็นได้






สถาปัตยกรรมโดยรวมของอาณาจักรดังกล่าวคล้ายกับของ ชาวฟินิเชียน มากครับ และว่ากันว่ามีวิหารขนาดยักษ์แห่งหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นโดยมี
วัตถุประสงค์ในการเก็บ Ark of the Covenant ในตำนานนั่นเอง ว่ากันว่าคิงโซโลมอนทรงลงมือควบคุมการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง
ดังกล่าวคืออุปกรณ์สื่อสารที่ชาวยิวโบราณใช้ติดต่อกับพระเจ้า จากคำบรรยายในคัมภีร์มีลักษณะเหมือนเครื่องส่งวิทยุกำลังสูงที่มีขนาดใหญ่
ไม่แน่นะครับ เมื่อหลายพันปีก่อน อาจมีโบราณสถานซักแห่งในเอธิโอเปียที่ติดตั้งเครื่องส่งขนาดมหึมา และมีต่ออยู่ในลักษณะของเทอร์มินัล
นับเป็นร้อยๆเครื่องก็ได้ ทำนองเดียวกับในวิหารของชาวอินคาที่มีท่อส่งสายสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ แต่นักโบราณคดีรุ่นก่อนๆไปสรุปว่า
มันคือรางน้ำอย่างไรล่ะครับ



8.อาณาจักรของมังกรตะวันออก (Ancient China)



ชนชาติจีนที่เรียกตนเองว่า ชาวฮั่น นั้นถือเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของโลก
นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีแล้ว


จีนในปัจจุบันยังนับเป็นมหาอำนาจชาติหนึ่ง ซึ่งนับวันจะมีอิทธิพลต่อประชาคมโลกมากขึ้นตามวันและเวลา เช่นเดียวกับอารยธรรมอื่นๆ
โบราณสถาน, โบราณวัตถุ ตลอดจนบันทึกทางประวัติศาสตร์ของชาวฮั่นนั้น มีอยู่ไม่น้อยที่เชื่อมโยงกับอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์
ดูเหมือนว่าชาวจีนโบราณจะคุ้นเคยกันดีกับเรือที่สามารถลอยลำได้บนท้องฟ้า สนามพลังลึกลับจากพื้นโลก




7.อารยธรรมายา(The Mayans)



หากจะนับปิระมิดที่สวยงามมีชื่อเสียงนอกจากมหาปิระมิดแห่งอียิปต์แล้ว ก็มีปิระมิดของ ชาวมายา นี่แหละครับที่พอจะทาบรัศมีได้
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ปิระมิดของชาวมายาในอเมริกากลางดันไปเหมือนกับปิระมิดที่พบกันในแถบบ้านเรา คือปิระมิดน้อยใหญ่
ในชวาตอนกลาง ชาวมายามาทำอะไรแถวบ้านเรา หรือคนอินโดนิเซียไปหว่านอะไรไว้แถวอเมริกากลางตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ
เพราะลำพังแค่ปริศนาของปิระมิดนับแสนแห่งที่ซุกซ่อนอยู่ตามป่าของชาวมายานั้น ก็เป็นปัญหาที่นักโบราณคดีขบไม่แตก
กันมากพออยู่แล้ว


บรรพบุรุษชาวมายา กล่าวได้ว่าปราดเปรื่องในศาสตร์สำคัญหลายๆแขนง เป็นต้นว่า ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ พวกเขามีวิชาความรู้
ด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมมีการสร้างคลองส่งทำ การทำชลประทานดังที่เหลือหลักฐานอยู่ในคาบสมุทรยูคาทาน ตลอดไปจนมี
สิ่งแปลกๆผิดยุคในครอบครองอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องประดับที่เป็นรูปเครื่องบินปีกสามเหลี่ยม กล่องสมบัติที่รูปร่าง
เหมือนเครื่องส่งวิทยุ หรือแม้แต่แผนที่ดาวซึ่งระบุตำแหน่งของดวงดาวเอาไว้เมื่อสองหมื่นกว่าปีก่อนไว้อย่างแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยน
น่าทึ่งดีนะครับ





นักคิดนักเขียนหลายเชื่อว่าอารยธรรมมายาคือสิ่งที่หลงเหลือมาจากแอตแลนติส เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์เอื้ออำนวยให้เชื่อเช่นนั้น
แต่บางกระแสก็ว่าไม่ใช่ เพราะระยะเวลาของอารยธรรมทั้งสองห่างกันมากโข หากชาวมายาได้รับความรู้จากอารยธรรมที่สูงส่งกว่าจริง
แหล่งความรู้ดังกล่าวควรจะมาจากนอกโลกมากกว่า เพราะตำนานของชาวมายาเองก็ระบุเอาไว้เช่นนั้น เชื่อกันว่า ชาวมายา
เองมีสถานที่ที่เรียกว่า ห้องแห่งความรู้ ที่เก็บสรรพวิทยาของชาวมายาเอาไว้

น่าเสียดายที่ไม่มีใครทราบว่ามันอยู่ตรงไหน บางทีอาจอยู่ในปิระมิดซักลูก(ในบรรดานับแสนลูก)หรือสุสานใต้ดินซักแห่งนึง
รอให้เราขุดพบและตีความเหมือนที่ เคยทำกันมาแล้วกับสุสานของห้องแห่งความรู้ของชาวมายาจะเก็บความรู้ไว้ในลักษณะใด
ยังไม่มีใครบอกได้ อาจจะเป็นจารึกภาษามายาหรือภาพวาดบนฝาผนัง หรือยิ่งไปกว่านั้นคือเก็บไว้ในสื่อลักษณะอื่นซึ่งเคยมี
การกล่าวถึงบ่อยๆในตำนานของชาวมายา สื่อที่ว่ามีลักษณะคล้ายคริสตัลที่สามารถเข้ารหัสเก็บข้อมูล
ได้อย่างมหาศาลในทำนองเดียวกับ CD/DVD ในปัจจุบัน



6.เทียฮัวนาโค (Tiahunaco)



เทียฮัวนาโคแห่งอเมริกาใต้ ดินแดนของชนเผ่าลึกลับที่ไม่ทราบที่มาหลายคนว่ากันว่า ชาวพื้นเมืองของเทียฮัวนาโคสืบเชื้อสายมาจาก อาณาจักรมู
ครับ บ้างก็ว่าน่าจะเป็น แอตแลนติส เพราะดูจากสภาพภูมิศาสตร์แล้วมันเอื้อกว่า ใครจะถูกจะผิดเรายังไม่รู้ แต่หลักฐานที่เหลืออยู่อันประกอบด้วย
โบราณสถานที่สร้างจากหินขนาดมหึมา รวมทั้งสถาปัตยกรรมการสร้างกำแพงจากหินหลายเหลี่ยม ซึ่งออกแบบไว้สำหรับป้องกันแผ่นดินไหวนั้น
บอกกับเราว่า ชาวเทียฮัวนาโคมีความรู้เรื่องธรณีวิทยาและแนวแผ่นดินไหวใน Ring of Fire เป็นอย่างดี หรือความรู้เหล่านี้ได้รับมาจากบรรพชน
ชาวมูที่ล่วงลับไปแล้วครับ?





สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเทียฮัวนาโคก็คือสถาปัตยกรรมครับ ทุกอย่างดูมโหฬารอลังการไปหมด ลำพังแค่ขนาดก็น่าทึ่งพออยู่แล้ว พอนักโบราณคดี
ศึกษาลึกลงไปอีก ก็ยิ่งทึ่งหนักเข้าไปใหญ่กับเทคนิคการก่อสร้างของพวกเขา การตัดหินขนาดใหญ่ เทคนิคการใช้คอนกรีตแบบโบราณเอย
ปูนพลาสเตอร์แบบผสมเอย และเขียนแปลนที่ยอดเยี่ยมอดทำให้นักโบราณคดีงุนงงไม่ได้ว่า หินพวกนี้หนัก 150 ตัน และดูการเข้ามุมของมันดิคัฟ
เป๊ะเลยไม่มีช่องว่างเลยถูกคำนวณมาอย่างดี นี่เป็นผลงานของคนเมื่อหลายพันปีที่แล้วแน่หรือ?





พูดถึงเรื่องนี้ก็อดงงไม่ได้นะครับ ว่าทำไมคนโบราณชอบสร้างอะไรที่มันใหญ่โตเกินจำเป็นนักแล้วสิ่งที่สร้างขึ้นน่ะมันก็ขัดกับเทคโนโลยีและความเป็นอยู่
ของพวกเขาเสียเหลือเกิน แหละดูเหมือนว่าคนโบราณจะเป็นยังงี้กันไปซะหมด เพราะนอกจากเทียฮัวนาโคแล้ว สิ่งก่อสร้างในอียิปต์ เกาะมัลต้า
หรือส่วนอื่นๆในเปรู ก็ล้วนแต่โอ่อ่าอลังการไปเหมือนๆกันหมดซะอย่างนั้น นอกจากตัวเทียฮัวนาโคเองแล้ว โบราณสถานอีกหลายแห่งใน
ประเทศโบลิเวีย ล้วนแต่ชี้ให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลจากเทียฮัวนาโค เช่นโบราณสถานทางตอนใต้ของคุซโกที่เป็นที่ตั้งของเมืองแห่งพระเจ้า
โบราณ Puma Punku ซึ่งสวยงามและโอ่อ่าเอามากๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมีขนาดใหญ่โตเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าคนงานที่สร้างเมืองแห่งนี้น่าจะเป็น
ยักษ์เสียกระมัง เพราะหินแต่ละก้อน เสาแต่ละต้นมันใหญ่โตเสียจนเหลือเชื่อว่าลำพังแรงงานมนุษย์จะจัดการกับมันได้ เสาบางต้นมีขนาดร้อยกว่าตัน
บางต้นมากกว่านั้น



5.อารยธรรม ณ ทะเลทรายโกบี (Uiger Civilization of Gobi Desert)



เรายังไม่ได้ไปจากช่วงเวลาของแอตแลนติสและ Rama Empire นะครับ แต่ย้ายโลเกชั่นไปแถวทะเลทรายโกบี ที่ซึ่งมีทั้งเมืองโบราณ
และท่าเรือขนาดใหญ่ซุกอยู่ใต้ผืนทรายอันไพศาล นักโบราณคดีหลายกลุ่มได้พบเครื่องยนตร์โบราณอายุหลายพันปีในถ้ำบริเวณ
ทะเลทรายโกบี เชื่อกันว่าเครื่องยนตร์เหล่านี้คือซากของยานบินวิมานะในตำนานโบราณของ ชาวภารตะ โคลาส โรเอริช นักสำรวจชาวรัสเซีย
เคยรายงานถึงการพบเห็นยานบินรูปร่างคล้ายแผ่น CD ในน่านฟ้าทางตอนเหนือของประเทศธิเบตเมื่อทศวรรษที่ 40





บางทีอาจเป็นไปได้ว่า ทายาทของอาณาจักรนี้ยังคงหลงเหลือแต่ซ่อนกายอยู่ที่ไหนสักแห่งใน Uiger area อันไพศาลทางตอนเหนือ
ของทะเลทรายโกบีนี้ก็ได้นะครับ แถวธิเบตยังมีนครในตำนานเช่น ศัมภาลา(Chamberla หรือที่การ์ตูนญี่ปุ่นชอบอ่านว่า จัมบารา)
รวมทั้งตัวของมหาปราชญ์แห่งจีนผู้รจนาคัมภีร์ เต๋าเต็กเก็ง อย่างท่านเล่าจื้อ ก็เคยกล่าวถึงอาณาจักรลึกลับที่เต็มไปด้วยผู้ทรงความรู้
เป็นดินแดนในตำนานที่เล่าขานกันว่าอยู่ทางตะวันตกของจีน โดยดินแดนนี้เรียกกันว่าดินแดนของ ชิหวังมู่ ครับ ว่ากันว่าในการท่องเที่ยว
อันยาวนานของท่านเล่าจื้อนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่านได้ไปพำนักในดินแดนนี้ และในบั้นปลายของชีวิตท่านก้ได้เดินทางออกจากแผ่นดินจีน
เพื่อใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในดินแดนโบราณดังกล่าวด้วย



4.อาณาจักรโอสิเรียน (Osirian civilization of the Mediterranean)



ในยุคสมัยของแอตแลนติสและ Rama Empire มีอีกอาณาจักรนึงครับ ที่รุ่งเรืองมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ท่ามกลางหุบเหว
ที่อุดมสมบูรณ์และพื้นที่ที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาณาจักรโบราณนี้นับเวลาย้อนหลังไปได้ไกลกว่าราชวงศ์เก่า
ของอียิปต์เสียอีก นักประวัติศาสตร์เรียกขานชื่อของอาณาจักรลึกลับนี้ว่าโอสิเรียน หรือ Osirian civilization





ครับปูพื้นกันนิดสำหรับความเป็นมาของอาณาจักรนี้ อารยธรรมโอสิเรียน จะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากขาด แม่น้ำไนล์ไป
แม่น้ำไนล์(ซึ่งในบางครั้งเรียกแม่น้ำ Styx)นั้นมีต้นกำเนิดจากทวีปอาฟริกา มีส่วนที่ไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ทางตอนเหนือของอียิปต์ กระแสน้ำได้พัดดินตะกอนทับถม (รวมทั้งกร่อนส่วนที่กร่อนได้)
จนเกิดเป็นหุบและทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้นตรงบริเวณพื้นที่ระหว่างมัลต้าและซิซิลีในปัจจุบัน ครอบไปถึงซาร์ดิเนีย
ในมหาสมุทรแอตแลนติคตรงบริเวณที่เรียกว่าเสาหินของเฮอร์คิวลิส (ช่องแคบยิบรอลตานั่นล่ะครับ ^.^ )





หลังจากที่แอตแลนติสจมลงสู่ก้นมหาสมุทร กระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศจากมหาสมุทรแอตแลนติค ก็ได้ทำให้ดินแดนบริเวณ
อ่าวเมดิเตอร์เรเนียนจมลงอย่างช้าๆ กวาดเอาซากแห่งความรุ่งเรืองของอาณาจักรโอสิเรียนลงไปเฝ้าเทพโปเซดอน
ที่ก้นมหาสมุทรด้วย ในวงการโบราณคดีแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่ามีซากเมืองจำนวนมาก(อย่างน้อยๆก็ 200 เมือง)
ที่จมอยู่ใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อารยธรรมของอียิปต์เก่า, มิโนอันกับไมซีเนียนแห่งครีต รวมไปถึงเมืองน้อยใหญ่
ของชาวกรีกก็รวมอยู่ในจำนวนนั้นด้วย มาถึงตรงนี้บางท่านก็อาจจะงงว่าทำไมตูข้าไม่เคยได้ยินชื่อของอาณาจักร
หรืออารยธรรมที่ว่านี้มาก่อน



3.อาณาจักรโบราณแห่งชมพูทวีป (Rama Empire of India)



นับว่าฟ้ายังเข้าข้างอยู่ไม่น้อย ที่ตำรับตำราโบราณของทางอินเดียไม่ได้ถูกม้วนหายไปกับวังวนทางประวัติศาสตร์มากนัก
หลายๆชาติต้องพบกับความเจ็บปวดใจ ที่บันทึกโบร่ำโบราณถูกทำลายไปเสียหมดสิ้น ถ้าไม่เพราะภัยพิบัติก็ฝีมือมนุษย์
ด้วยกันนี่แหละครับ การเผาตำรา-ฆ่านักปราชญ์ของฉินสื่อหวง(จิ๋นซีฮ่องเต้) การเผาคัมภีร์สำคัญของอียิปต์ตามคำสั่ง
ของผู้นำอิสลาม หนังสือโบรารของมายา อินคา หรือแม้แต่ชาวเกาะอีสเตอร์ก็ถูกชาวตะวันตกเผาทำลายสิ้น





เคราะห์ดีที่ทางอินเดียยังมีสิ่งเหล่านี้เหลืออยู่อีกเยอะ อย่างน้อยก็เยอะมากพอที่จะให้คนรุ่นหลังอ้าปากค้างอย่างอัศจรรย์ใจ
ในความเป็นมาและเป็นไปของอาณาจักรโบราณแห่งดินแดนภารตะนี้ได้แหละน่า บทเรียนในวิชาประวัติศาสตร์สอนเราว่า
อารยธรรมอินเดียเริ่มขึ้นประมาณห้าพันปีที่ผ่านมา แท้ที่จริงอารยธรรมแห่งนี้ยาวนานย้อนหลังไปกว่าที่เรารู้จักมากนักครับ
ก่อนหน้านี้ วงการประวัติศาสตร์รู้จักอินเดียโบราณในแง่ของอาณาจักรใหญ่ ที่เคยรบพุ่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย กับกองทัพ
ของอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซีโดเนีย มีอารยธรรมที่รุ่งเรืองอย่างน่าทึ่ง





ครั้นพอมีการตั้งไซต์ทางโบราณขึ้นที่หุบแห่งความตาย เฮนโจ ดาโร นักประวัติศาสตร์จึงเริ่มเอะใจเกี่ยวกับอาณาจักรโบราณ
แถบลุ่มน้ำสินธุแห่งนี้ เพราะหลักฐานทั้งหลายแหล่ที่พบล้วนบ่งบอกว่า ดินแดนแห่งนี้มีความเป็นมาและเป็นไปที่ไม่ธรรมดา
เอาเสียจริงๆ ที่ว่าไม่ธรรมดาคือ การสร้างเมือง โมเฮนโจ ดาโร กับ ฮารัปปา (Harappa) นั้นดูเหลือกำลังของคนโบราณ
จะทำได้ เมืองทั้งเมืองถูกวางผังเอาไว้อย่างดีก่อนสร้าง ด้วยแปลนที่เหมือนกับวิศกรหย่ายสมัยศตวรรษที่ 20 เป็นคนเขียน
แถมด้วยระบบระบายน้ำที่อัศจรรย์เหลือเชื่อ มัน advance ถึงขั้นที่ว่าทันสมัยและดีเยี่ยมกว่าเมืองหลวงของหลายชาติ
ในเอเชียปัจจุบันเสียด้วย




2.แอตแลนติสโบราณ (The Ancient Atlantis)



ว่ากันว่าไม่นานนักหลังจากที่ทวีปมูจมลง ความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาได้ทำให้แผ่นดินแห่งนึงผุดขึ้นบริเวณคาบสมุทรแปซิฟิค
อารยธรรมที่รุ่งเรืองของมูได้หายไปกับภัยพิบัติครั้งนั้น แต่ไม่ได้รวมถึงอาณาจักรอีกแห่งที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นในช่วงปลายยุคของ มู
ดินแดนที่ว่าเป็นเสมือนอาณาจักรในม่านหมอกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติครับ





เพราะจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันตั้งอยู่บนดินแดนไหนของโลก อาณาจักรนี้จะมีตัวตนอยู่จริงหรือเป็นเพียงตำนาน
ก็ยังหาคนมายืนยันไม่ได้ด้วยซ้ำ ถึงกระนั้น คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อครับ ว่าครั้งหนึ่งโลกของเรา เคยมีอาณาจักรที่สูงส่งด้วยวิทยาการ
แต่ประสบความพินาศเพราะภัยสงครามนามว่า แอตแลนติส อยู่จริงๆเชื่อกันว่าอาณาจักรแอตแลนติสมีความก้าวหน้าทางวิทยาการ
เอามาก ๆ ก้าวหน้าชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการทำลายล้าง
เป็นเทคโนโลยีที่เป็นตัวแทนของแอตแลนติสเลยทีเดียวครับ




เหตุผลที่อาณาจักรโบรารแห่งนี้เน้นเทคโนโลยีด้านสงครามก็อาจเป็นเพราะ ต้องปกครองอาณานิคมที่กระจัดกระจายอยู่รอบโลก
แถมยังต้องทำสงครามกับทวีปอื่นๆที่รุ่งเรืองมาในยุคไล่ๆกัน ตำราบางเล่มกล่าวถึงการรบกันระหว่างแอตแลนติสกับอาณาจักร
ทางฝั่งอินเดียโบราณ ไว้อย่างน่าดูชม ดูเหมือนภาษาสันสกฤตโบราณจะขนานนามของชาวแอตแลนติสว่า อัศวินหรือนักรบ
หลายตำนานกล่าวตรงกันว่า แอตแลนติสมาถึงจุดหายนะเพราะภัยสงคราม

เนื่องจากการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างไม่ยั้งคิดนั่นเอง จุดจบของแอตแลนติสน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับมนุษย์เรา
ในปัจจุบันได้ไม่มากก็น้อย ตราบที่เรายังไม่ยุติการแก้ปัญหาด้วยกำลัง หรือกระหายสงครามอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้




1.มู ทวีปแห่งมารดร (Ancient Mu or Lemuria)




ก็เห็นพ้องต้องกันในวงการลึกลับศาสตร์แหละครับว่า อาณาจักรที่เก่าแก่ยืนนานที่สุดในโลกที่เป็นอารยธรรมของ
"มนุษย์โลก"





จริงๆนั้น คือ มู:ทวีปแห่งมารดร ระยะเวลาของอาณาจักรนี้ว่ากันว่าย้อนหลังไปถึง 78,000 ปีที่แล้ว บนทวีปขนาดใหญ่
ที่มีชื่อตามภาษาโบราณว่า มู หรือที่คนสมัยใหม่เรียกเลมูเรียตามชื่อของลิงชนิดหนึ่ง และเจริญรุ่งเรืองอย่างยาวนานมาอย่างน้อย
ก็ถึง 52,000 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีบางแหล่งเหมือนกันครับที่ระบุว่า มูไม่ได้มีอายุยืนยาวถึงขนาดนั้น แต่ก่อตัวเมื่อ
ประมาณ 26,000 ปีก่อน และพังพินาศลงด้วยภัยพิบัติ Pole shift หรือขั้วโลกพลิกเมื่อ 24,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว
0สาเหตุประการหลังนี่แฟนๆเรื่อง MMR คงคุ้นๆกันอยู่






ที่มา: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=62213.0
CREDIT :: toptenthailand
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไก่อ้วน's profile


โพสท์โดย: ไก่อ้วน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
56 VOTES (4/5 จาก 14 คน)
VOTED: Peter Smart, cutiebarbie, โก๊ะทอง, ตี๋ หิด, ginger bread, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, ป้าสวย, มาลี มาลิคิดิเอ้, บังเอิญผ่านมา
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หมูเด้งอาจต้องโบกมือลาเขาเขียว แฟนคลับใจหาย แต่เข้าใจเหตุผลครูเบญ ก้าวต่อไปบนเส้นทางชีวิต หลังเผชิญมรสุมผลสอบภาค ก. และ ข.เกร็ดความรู้นิสัยคุณ 10 ข้อที่ทำร้ายสมองอื้อหือ อย่างสวยเลย งานหล่อรูป "พระราม" สวยดีมากๆเลยแท้วัวทองสัมฤทธิ์​ นั่งรักษาทะเลสาบคุนหมิง​มาเกือบ 300 ปี‼️ญี่ปุ่นเตือนภัยฝนตกหนักในเมืองโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะ จากพายุปูลาซันภาวะสิ้นยินดี หัวใจไร้ซึ่งความรู้สึก Dead Insideซีซิลเลียน (Caecilian) สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคุณยายที่ไม่เชื่อใจธนาคารนำเงินฝังดิน สุดท้ายกลายเป็นเศษกระดาษหมูเด้ง ฟีเวอร์ไม่หยุด! สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเปิดระบบชมสด 24 ชั่วโมง ตอบรับกระแสความน่ารักเกินต้านmeaningfully: อย่างมีความหมาย5 เทคนิคแต่งหน้าท้าลมหนาว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หมูเด้ง ฟีเวอร์ไม่หยุด! สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเปิดระบบชมสด 24 ชั่วโมง ตอบรับกระแสความน่ารักเกินต้านมนตรา คือ ผู้ชายในฝันของทองประกายที่เหมาะจะเป็นผู้ชายในชีวิตจริงทรงผมยุค 90 ใครทันบ้าง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
"คนใกล้ตัวไม่ใช่กระโถน"วัวทองสัมฤทธิ์​ นั่งรักษาทะเลสาบคุนหมิง​มาเกือบ 300 ปี‼️เกร็ดความรู้นิสัยคุณ 10 ข้อที่ทำร้ายสมองตำนาน "ชายรักชาย 300 นาย" แห่งทหารกรีกโบราณ
ตั้งกระทู้ใหม่